บทที่ 387 ดอกไม้น่ารัก
เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ไม่รู้ตัวกับแผนการของพวกเขา
เดิมทีวันนี้เธอมีแผนที่จะพาจี้จิ่งเชินไปดูที่บริษัท ตอนนี้ได้ยินพ่อบ้านเสนอขึ้นมาแบบนั้นแล้ว จึงพยักหน้าลง
คฤหาสน์นี้สำหรับเธอกับจี้จิ่งเชินนั้นมีความทรงจำที่ไม่เหมือนกัน ถ้าหากทุกคนช่วยกัน บางทีก็อาจจะมีการช่วยเหลือใหม่ๆขึ้นมา
พ่อบ้านมองพวกเขาแล้วยิ้ม
“คุณเวินเข้าไปด้านในกับคุณผู้ชายก่อนเถอะครับ ผมกับพวกเขาไปเตรียมตัวกันก่อน ไม่นานก็เสร็จแล้วครับ”
“อืม”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินเข้าไปด้านในด้วยกัน
เพิ่งจะเดินออกมาสักระยะหนึ่ง จี้จิ่งเชินหันกลับไปมองอย่างไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าไรนัก
ไม่รู้ว่าทำไม เห็นหน้าของพ่อบ้านและคนขับรถพวกนั้นแล้ว เขากลับรู้สึกมีลางสังหรณ์ราวกับว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างไรอย่างนั้น
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในคฤหาสน์ จี้จิ่งเชินและเวินเที๋ยนเที๋ยนนั่งกันอยู่ภายในห้องรับแขก
ก่อนหน้านี้เธอได้พาจี้จิ่งเชินเดินรอบคฤหาสน์ไปแล้วรอบนึง ตอนนี้กลับไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรดี
จี้จิ่งเชินมองเวินเที๋ยนเที๋ยนที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา แล้วขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“วันนี้กิจกรรมที่มาทำคือไม่ต้องพูดอะไรตลอดแบบนี้ใช่ไหมครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบเงยหน้าขึ้นมา
“ไม่ใช่ค่ะ…..”
เธอเพียงแค่ไม่รู้จะทำอย่างไรเท่านั้นเอง…..
เผชิญหน้ากับจี้จิ่งเชินแบบนี้ ราวกับเหมือนย้อนกลับไปในตอนที่เพิ่งจะรู้จักกับเขาอีกครั้ง
ทั้งๆที่เป็นความทรงจำของพวกเขาทั้งสองคน แต่กลับมีเพียงเธอที่รู้ ความรู้สึกแบบนี้ ทำให้เธอไม่สามารถที่จะเผชิญหน้ากับจี้จิ่งเชินคนที่อยู่ตรงหน้าเธอได้เลย
จี้จิ่งเชินเห็นว่าเธอเอาแต่ไม่พูดอยู่ตลอด จึงหันกลับมาอย่างไม่พอใจ แล้วเตรียมจะออกไป
“เดี๋ยวก่อนค่ะ!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบเรียกเขาเอาไว้
เธอรีบก้าวมาด้านหน้า แล้วหยุดลงอีก
“พี่อยากจะ….”
ไม่อยากจะให้จี้จิ่งเชินจากไปแบบนี้
ไม่อยากให้เขาโมโห
ไม่อยากให้เขากลับไปอยู่ในบ้านกับเจียงหยู่เทียน
มือที่ปล่อยอยู่ข้างลำตัวนั้นกำแน่นขึ้นมา
สายตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นมองวนเวียนไปอยู่ภายในห้องรับแขก เพื่อหาสิ่งของอะไรบางอย่างที่จะรั้งเขาเอาไว้ได้
และทันใดนั้นเองที่สายตาของเธอก็หยุดอยู่ตรงแจกันโบราณหลายใบที่อยู่ตรงมุมห้องนั้น
เธอจึงรีบเอ่ยขึ้น : “พี่อยากจะดูฉันซ่อมแซมวัตถุโบราณไหมคะ?”
รถเข็นที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ของจี้จิ่งเชินนั้นหยุดลงในทันที แล้วหันกลับมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองแววตาของเขา แล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างลังเลอีกครั้งหนึ่ง : “แต่อาจจะดูน่าเบื่อไปหน่อยนะคะ”
เดิมทีแล้วการซ่อมแซมวัตถุโบราณ เป็นงานที่ละเอียดอ่อนและใช้เวลายาวนานมาก ดังนั้นมีเพียงไม่กี่คนที่จะทำงานนี้ นั่นก็เป็นเพราะว่าคนอื่นๆจะรู้สึกว่ามันน่าเบื่อเกินไป
เธอจ้องมองจี้จิ่งเชินตอบกลับด้วยความตื่นเต้น
เขามองเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วเอ่ยพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแข็ง : “ในเมื่อเป็นงานที่คุณชอบ แล้วทำไมจะต้องลดคุณค่ามันให้ต่ำลงด้วยล่ะครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหลบสายตาลง แล้วไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ไปสิครับ” จี้จิ่งเชินเอ่ยขึ้นมาอีก : “คุณจะทำงานที่ไหน?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบตามไป
“ห้องหนังสือค่ะ”
ภายในห้องยังคงมีเศษเครื่องเคลือบดินเผาที่เอามาจากท่านเปิงก่อนหน้านี้วางอยู่ ล้วนแต่เป็นของที่เอามาฝึกทักษะฝีมือในเวลาปกติทั้งนั้น และยังมีงานที่ท่านจางขอร้องให้เธอทำอีกด้วย
เพียงแต่ช่วงนี้งานยุ่งมาตลอด ยังไม่ได้มีเวลาซ่อมเท่านั้นเอง
เครื่องมือที่จะใช้ในการซ่อมแซมนั้นวางอยู่ข้างๆ เวินเที๋ยนเที๋ยนหยิบขึ้นมาดูอย่างทะนุถนอม
จี้จิ่งเชินมองไปแวบหนึ่ง กลับเห็นว่ากล่องที่อยู่ในมือของเธอใบนั้นทั้งแตกทั้งเก่าแล้ว เปลือกพลาสติกที่อยู่ข้างนอกนั้น ยังมีร่องรอยแห่งการถูกไฟไหม้ปรากฏอยู่อย่างชัดเจน
เขาขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ทั้งๆที่บริหารบริษัทใหญ่ขนาดนี้ กิจการทั้งหมดก็ถูกโอนมาเป็นชื่อของเธอแล้ว ทำไมถึงยังใช้ของเก่าพังๆแบบนี้อยู่กัน?
“ยังไม่เปลี่ยนหรือครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินเสียงเขาแล้ว เธอเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นสายตาของจี้จิ่งเชินแล้วถึงได้เข้าใจ
“ไม่เปลี่ยนค่ะ”
นิ้วของเธอลูบอยู่ตรงรอยที่อยู่ด้านบน แววตาปรากฏความอ่อนโยนออกมา
กล่องใบนี้ หลังจากเหตุการณ์ไฟไม้ที่บ้านตระกูลจี้ เธอหาเจอตรงโถงทางเดินของบ้าน
ตรงนั้นถือว่าไฟไม่ได้ไหม้อย่างรุนแรงเท่าไรนัก จนสุดท้ายก็สามารถหากล่องเครื่องมือที่ถูกไฟล้อมอยู่นั้นเจอ
จงหลีบอกว่า กล่องเครื่องมืออันนี้เป็นหนึ่งในสิ่งของที่จี้จิ่งเชินเอาออกมาจากคฤหาสน์ เดิมทีวางอยู่ที่ชั้นสองอยู่ตลอด
ตอนนั้นจี้จิ่งเชินคงจะเห็นเปลวไฟ ถึงได้วิ่งกลับขึ้นไปเอา เพื่อจะเอาของเหล่านั้นออกมา
ถ้าหากเขาไม่วิ่งย้อนกลับขึ้นไปเอา บางทีอาจจะไม่เกิดเรื่องขึ้นก็ได้
จี้จิ่งเชินใช้ชีวิตเพื่อปกป้องสิ่งของเหล่านี้ เธอจะทิ้งได้อย่างไรกัน?
สายตาจ้องมองไปยังกล่องนั้น จี้จิ่งเชินกลับไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกของเวินเที๋ยนเที๋ยนได้เลย
แต่จากแววตาของเธอนั้น กลับรู้สึกได้ว่า ในกล่องใบนี้ยังซ่อนความลับอะไรบางอย่างเอาไว้อีกด้วย
จะต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับเขาอย่างแน่นอนสินะ?
สายตาของจี้จิ่งเชินนิ่งไปเล็กน้อย
“เริ่มเถอะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วนั่งลงตรงด้านข้างโต๊ะอีกฝั่งหนึ่ง แล้วเปิดกล่องที่มีเศษเครื่องเคลือบกระเบื้องที่แตกอยู่นั้นออกมาวางเอาไว้บนโต๊ะทำงาน
ขณะที่เธอกำลังจะเริ่มทำงานนั้น เธอคิดถึงเรื่องนี้ จนสุดท้ายก็ไม่ได้ขยับเริ่มทำงานเสียที เธอเก็บทุกอย่างเอาไว้ก่อน แล้วจึงหยิบเอาเศษกระเบื้องแตกๆเหล่านั้นมา
“ฉันทำของขวัญให้พี่ชิ้นนึงดีกว่า”
เธอหันไปยิ้มให้กับจี้จิ่งเชิน แล้วก้มหน้าก้มตาทำงาน
จี้จิ่งเชินหวั่นไหวกับรอยยิ้มของเธอ แล้วมองไปทางนั้น
ท่าทางของเวินเที๋ยนเที๋ยนดูมีความตั้งใจเป็นอย่างมาก เธอก้มหน้าลง นิ้วมือขาวๆของเธอนั้นขยับเล็กน้อย
เครื่องมืออันเล็กๆเคลื่อนตัวอย่างเป็นอิสระในมือของเธอ ราวกับว่าเธอเกิดมาเพื่องานนี้
แสงสว่างจากไฟส่องมาทางด้านขวามือ ทำให้ขนตายาวๆของเธอเป็นเงาสะท้อนออกมา ดวงตาที่หลบต่ำลงเล็กน้อยนั้นกลายเป็นสีอำพันสวยงาม
จี้จิ่งเชินอดที่จะเข้าไปใกล้มากขึ้นไม่ได้ แทนที่จะเป็นการมองดูเวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังซ่อมแซมอยู่นั้น ยิ่งเหมือนว่าเขากำลังมองดูท่าทางของเธอเสียมากกว่า
จะรู้สึกเบื่อได้อย่างไรกัน?
ในใจของเขาอดที่จะย้อนถามกลับไม่ได้
เวลาผ่านไปโดยที่ไม่รู้ตัว รอจนกระทั่งเวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง เวลาก็ผ่านไปถึงสามชั่วโมงแล้ว
เธอมองไปยังนาฬิกาที่แขวนอยู่ตรงผนัง กลับพบว่าเป็นเวลาพลบค่ำแล้ว
“ขอโทษทีนะคะ ยากกว่าที่ฉันคิดไว้อีก เลยใช้เวลาไปสามชั่วโมงเลย”
จี้จิ่งเชินได้ยินคำพูดเธอแล้ว จึงเหลือบมองไปยังนาฬิกาข้อมือ ดวงตาของเขาปรากฏความประหลาดใจขึ้น
ปกติแล้วเขาจะมีปฏิกิริยารวดเร็วมากกับเรื่องเวลา แล้วก็มีแนวความคิดในเรื่องของเวลาด้วยเช่นกัน จะไม่ยอมมาเสียเวลากับเรื่องอะไรเป็นเวลานานๆขนาดนี้
แต่สามชั่วโมง กลับผ่านไปเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนขึ้น แล้วเอาของที่ทำเสร็จแล้วเมื่อครู่วางลงบนฝ่ามือ ดวงตาปรากฏรอยยิ้มที่ลึกซึ้งออกมา
“คุณทำอะไรน่ะครับ?” จี้จิ่งเชินเอ่ยถาม
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินอ้อมโต๊ะมาตรงหน้าจี้จิ่งเชิน
“เดิมทีคิดจะใช้โอกาสนี้ซ่อมจานที่ท่านจางให้มาให้เสร็จน่ะค่ะ แต่จู่ๆฉันก็มีความคิดอีกอย่างหนึ่งขึ้นมาเสียก่อน”
ว่าแล้วเธอจึงดึงมือของจี้จิ่งเชินออกมา แล้วเอาของที่อยู่ในมือตัวเองนั้นวางลงไปด้านบน
จี้จิ่งเชินเงยหน้ามองเธอด้วยความสงสัย
แก้มของเวินเที๋ยนเที๋ยนมีสีแดงขึ้นเพราะความตื่นเต้น เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตรงหน้าผาก ท่าทางดูมีชีวิตชีวา
“ให้พี่ค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้ม แล้วจึงเปิดฝ่ามือของตัวเองออก
ดอกไม้ดอกไม่ใหญ่สีฟ้าดอกหนึ่งวางลงบนฝ่ามือของจี้จิ่งเชิน
เมื่อครู่นี้กำอยู่ในฝ่ามือตลอด แต่กลับยังคงรู้สึกเย็นๆ สบายยิ่งนัก
เขาก้มหน้าลง แล้วมองสำรวจของในมืออย่างละเอียด
เห็นได้ชัดว่าทำมาจากเศษกระเบื้องที่แตกพวกนั้น ทางด้านบนยังคงหลงเหลือลวดลายสีฟ้าๆนั่นอยู่
สีฟ้าและสีขาวที่รวมกันอยู่ รอบๆนั้นถูกขัดเกลามาแล้วอย่างพิถีพิถัน
ดอกไม้ดอกเล็กๆที่มีห้ากลีบนี้ช่างน่ารักยิ่งนัก