บทที่ 441 สวมให้ฉันอีกครั้ง
ชิงช้าสวรรค์หรอ?
ในหัวของจี้จิ่งเชินปรากฏภาพประภาคารขนาดใหญ่นั้นขึ้น
นั้นเป็นสิ่งที่เวินเที๋ยนเที๋ยนสร้างขึ้นเพื่อรอเขากลับมา
คิดได้ดังนั้น ในใจของจี้จิ่งเชินก็กระตุกเล็กน้อย และหัวใจของเขาก็เกิดระลอกคลื่นขึ้นอีกครั้ง
“ ผมรู้แล้ว ”
เขาปฏิเสธไม่ได้
“ คืนนี้ผมจะไปที่นั่น ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกโล่งใจ
“ ฉันจะรอคุณอยู่ที่นั่น ถ้าไม่เจอคุณ ฉันก็จะไม่กลับ ”
เวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนเย็น ความมืดยามค่ำคืนกำลังมาเยือน
แสงไฟในเมืองค่อยๆสว่างขึ้นมาทีละเล็ก ทีละน้อย เหมือนกับตอนกลางวัน
มองไปทางไหนก็เห็นหมู่ดาวที่ส่องแสงสว่างแวววาวเชื่อมเข้ากับแสงไฟในเมือง จนเกิดเป็นท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวมากมายมหาศาล
และในแสงไฟเหล่านี้ สิ่งที่ดึงดูดสายตาคนที่สุด คงจะหนีไม่พ้นชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเครื่องนั้น
แสงไฟที่สว่างขึ้นทุกที่นั่งกลายเป็นแสงวงกลมที่สว่างไสว ภาพของชิงช้าสวรรค์ราวกับเป็นดวงตาของเมือง ที่กำลังแหงนหน้ามองดวงดาวบนท้องฟ้า
เป็นเพราะการออกแบบที่โดดเด่นกับความสูงที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้ชิงช้าสวรรค์ที่เพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นานกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองหลวง
ตั้งแต่ชิงช้าสวรรค์เปิดให้บริการ ก็สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวกับคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ให้มาเที่ยวเล่นได้จำนวนไม่น้อย
พื้นที่แห่งนี้ก็ได้กลายเป็นพื้นที่ที่เจริญที่สุดในเมือง
และคืนนี้ ที่นี่ก็เปิดให้บริการตามปกติ แต่ในจำนวนนั้นกลับแตกต่างออกไป
ชิงช้าสวรรค์เพิ่งเริ่มเคลื่อนตัว เวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินก็นั่งลงฝั่งตรงกันข้าม และที่นั่งก็ค่อยๆหมุนขึ้นไป
จี้จิ่งเชินมองทะลุออกไปนอกกระจก และทำการสำรวจชิงช้าสวรรค์เครื่องนี้
ก่อนที่มันจะเคลื่อนตัว เขาก็ได้มองดูอยู่ที่ไกลๆแล้วสองสามครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ขึ้นมานั่งอยู่ในนี้
ชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่เครื่องนี้เคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ถ้าประมาณการจากความเร็วตอนนี้คร่าวๆ คงจะต้องใช้เวลาครึ่งชั่วโมงเต็ม ถึงจะสามารถเคลื่อนตัวครบหนึ่งรอบ
นั่นก็หมายความว่า หลังจากที่ผ่านครึ่งชั่วโมงไปแล้ว เขากับเวินเที๋ยนเที๋ยนก็จะต้องแยกจากกันอย่างถึงที่สุดแล้ว
รู้สึกได้ดังนั้น ในใจของจี้จิ่งเชินก็รู้สึกปลื้มใจอย่างอดไม่ได้
แต่หลังจากที่ความรู้สึกปลื้มใจผ่านไปแล้ว เขากลับนิ่งเงียบลง และเกิดความรู้สึกเหงากับท่าทางเคร่งขรึม
ครึ่งชั่วโมงต่อจากนี้ เขาก็จะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับเวินเที๋ยนเที๋ยนอีกแล้ว……
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วเล็กน้อย อากาศรอบๆตัวก็ได้แข็งตัวไปตามอารมณ์หดหู่ของเขาด้วยเช่นกัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขากลับดูเหมือนไม่ได้สังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงของเขา
เธอรู้สึกตื่นเต้น สองมือจับกันไว้แน่น เธอมองเวลาบนนาฬิกาข้อมืออยู่ตลอดเวลา บางครั้งก็มองไปรอบๆ เหมือนกำลังรอคอยเวลาอะไรบางอย่างให้มาถึง
ที่นั่งค่อยๆหมุนไปตามการเคลื่อนตัวของชิงช้าสวรรค์ช้าๆ ตอนที่เคลื่อนตัวสูงเท่าเอว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็หันไปมองนอกหน้าต่าง คล้ายกับมั่นใจอะไรบางอย่าง และบนใบหน้าของเธอก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา
คล้ายกับยังคิดไม่ถึงว่า อีกสักครู่ หลังจากที่พวกเขาลงจากชิงช้าสวรรค์ก็จะต้องแยกจากกัน
“ จี้จิ่งเชิน ” เธอพูดขึ้น
จี้จิ่งเชินที่กำลังตกอยู่ในความคิดของตัวเองค่อยๆเงยหน้าขึ้น และมองไปทางเธอ
คล้ายกับคิดได้ว่าอีกครึ่งชั่วโมงให้หลัง พวกเขาก็จะต้องแยกจากกันแล้ว สีหน้าบนใบหน้าของเขาจึงอ่อนโยนขึ้นนิดหน่อย น้ำเสียงถึงขึ้นเรียกได้ว่าอ่อนโยน และกลับไปเป็นคนเดิมที่อยู่ในความทรงจำของเวินเที๋ยนเที๋ยนอีกครั้ง
“ เป็นอะไร ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มเล็กน้อย เธอปรากฏสีหน้าตื่นเต้นขึ้น
“ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันนั่งชิงช้าสวรรค์ ”
จี้จิ่งเชินได้ฟัง ก็มองมาที่เธออย่างสงสัย
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดยิ้มๆ: “ เมื่อก่อน ตอนอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ก็เอาแต่ดูแลเด็กคนอื่นๆ เงินทุนของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหมุนเวียนอย่างมีปัญหาตลอดทั้งปี ตัวเองจึงไม่มีเงินใช้
“ ไม่ใช่แค่ชิงช้าสวรรค์ ฉันยังไม่เคยไปสวนสนุกเลยสักครั้ง ”
เธอพูดไปด้วย และหันมองออกไปนอกกระจกไปด้วย
ความสูงของพวกเขายิ่งอยู่ยิ่งสูง ใกล้จะถึงจุดสูงสุดแล้ว มองลงไปจากตรงนี้ก็จะเห็นทั้งเมืองหลวง
คนที่เล็กเท่ามดกับแสงสว่างของดวงดาวที่ตัดสลับกัน เป็นความรู้สึกที่บรรยายออกมาไม่ได้
เห็นจี้จิ่งเชินมองใบหน้าด้านข้างของเธอ อารมณ์ของเขาก็ค่อยๆหนักอึ้งขึ้นช้าๆ
เขาไม่รู้เลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่เวินเที๋ยนเที๋ยนนั่งชิงช้าสวรรค์
ถ้ารู้มาก่อน บางที เขาอาจจะไม่ตอบตกลงคำขอร้องของเวินเที๋ยนเที๋ยน
ช่วงเวลาที่งดงามแบบนี้ ไม่ควรกลายเป็นจุดสิ้นสุดของพวกเขา
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเงียบไปสักพัก
และก็พูดขึ้น: “ ผมก็เหมือนกัน ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันกลับมามองอย่างตกตะลึง จี้จิ่งเชินพูดต่อ: “ นั่งชิงช้าสวรรค์ครั้งแรก ”
ถูกขังไว้ในห้องใต้ดินของตระกูลจี้มาตั้งแต่เด็ก พอโตขึ้นก็พบเจอกับความเจ็บปวดที่คนอื่นไม่สามารถเข้าใจได้ จึงทำให้จิตใจของเขาเกลียดความประทับใจในวัยเด็กไปตั้งนานแล้ว
เขาพยายามคิดหาวิธีแก้แค้นอย่างสุดชีวิต คิดจะปีนขึ้นมาบนจุดสูงสุด และจะไม่เอาเวลามาสิ้นเปลืองกับของประเภทนี้เด็ดขาด
สายตาของจี้จิ่งเชินหยุดอยู่บนตัวของเวินเที๋ยนเที๋ยน และเขาก็ได้พูดเสริมขึ้น: “ แต่ดูเหมือนวันนี้ก็ไม่ได้แย่ ”
“ หรอ? งั้นฉันก็สบายใจแล้ว ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกระพริบตาใส่เขา เธอเดินมานั่งลงข้างจี้จิ่งเชิน
“ จี้จิ่งเชิน คุณเคยบอกว่า คุณกลัวว่าจะให้สิ่งที่ฉันต้องการไม่ได้ ดังนั้น จึงไม่อยากเสียเวลาฉัน ”
ได้ยินคำนี้ จี้จิ่งเชินก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที ระหว่างคิ้วปรากฏรอยย่นขึ้นจางๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดต่อ: “ แต่ฉันจะบอกคุณให้เข้าใจตอนนี้ จี้จิ่งเชิน ฉันเวินเที๋ยนเที๋ยน นอกจากคุณ ฉันก็ไม่ต้องการคนอื่นอีกแล้ว ”
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม เขากำลังจะพูดอธิบาย
อยู่ๆเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยื่นมือออกมาขวางไว้อย่างกะทันหัน จึงทำให้ขัดจังหวะความคิดของเขา
เธอชิงพูดขึ้นมาก่อน: “ ฉันแค่อยากให้คุณตอบคำถามฉันหนึ่งข้อ ”
เธอเลียริมฝีปากที่ค่อนข้างแห้งเหือด
“ ถ้าวันนี้ฉันได้รับบาดเจ็บ ทำให้ต้องนั่งรถเข็น และลุกขึ้นยืนไม่ได้ คุณจะจากฉันไปไหม? ”
จี้จิ่งเชินอ้าปาก เขาพูดไม่ออกสักครู่
“ นี่มันไม่เหมือนกัน…… ”
“ เหมือนกัน! ” เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดขึ้นด้วยท่าทีแข็งกร้าว: “ คุณแค่ตอบฉันมาว่าไปหรือไม่ไป? ”
จี้จิ่งเชินเงียบไปสักครู่ ในที่สุดเขาก็พูดขึ้น: “ ไม่ไป ”
ได้ฟังดังนั้น ใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ได้ปรากฏรอยยิ้มจางๆขึ้นมา
“ คุณไม่ไป ฉันก็จะไม่ไปอย่างแน่นอน ในใจของคุณ ฉันเป็นคนแบบไหนกันแน่ เห็นคุณได้รับบาดเจ็บ แล้วก็จะจากไปอย่างนั้นหรอ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดไปได้ครึ่งนึง อยู่ๆก็เหมือนคิดอะไรออก และก็ได้พูดขึ้นอย่างระมัดระวัง: “ หรือว่า คุณมีคนที่ชอบแล้ว? ”
“ ไม่ใช่แน่นอน ”
จี้จิ่งเชินรีบพูดอธิบาย เขากลัวว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะสงสัย
แต่เพิ่งพูดเสร็จ เขาก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง
ด้านข้าง รอยยิ้มบนใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยิ่งเบ่งบานมากขึ้น เธอพูดขึ้นอย่างดีใจ: “ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันก็จะไม่ไปไหน ”
พูดเสร็จ เธอก็ยื่นมือออกไปดึงสร้อยที่อยู่บนคอของตัวเองออกมา
นั้นเป็นสร้อยรูปภาพที่จี้จิ่งเชินเคยให้เธอ
บนลายแกะสลักรูปหัวใจยังคงมีรูปของพวกเขาทั้งสองคน และบนที่ห้อยก็ยังมีแหวนสีเงินแขวนไว้อยู่ด้วยเช่นกัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนหยิบมันออกมา และลูบมันอย่างละเอียด
เธอหวนรำลึกไปด้วย และพูดไปด้วย: “ แหวนวงนี้ คุณเป็นคนสวมให้ฉัน ”
สายตาของจี้จิ่งเชินมองตามการกระทำของเธอ และไปหยุดลงบนแหวนวงนั้น สายตาของเขาก็ค่อยๆมืดหม่นลง
เขาจำได้อย่างแน่นอน และจำได้อย่างชัดเจนเสียด้วย
นั่นเป็นสิ่งที่เขาเตรียมไว้เป็นเวลานาน ถึงจะทำการตัดสินใจ
ถ้าไม่เกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้น ตอนนี้ พวกเขาก็คงจะแต่งงานกันไปแล้ว
แต่ตอนนี้ กลับไม่สามารถเทียบกับตอนนั้นได้
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่ได้คิดแบบนี้
เธอนำแหวนในมือมายัดใส่มือของจี้จิ่งเชิน และจูงมือเขาไว้แน่น
“ นี่เป็นแหวนที่คุณสวมให้ฉัน จี้จิ่งเชิน…… ”
สีหน้าของเธอตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น เธอจ้องมองจี้จิ่งเชิน
“ คุณสวมให้ฉันอีกครั้งได้ไหม? ”