บทที่ 474 ว่างเปล่า
เหมือนหน้าต่างทำขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้คนหนีออกไป
กระจกถูกปะทะ แต่กลับทำให้เก้าอี้เด้งออกมา แม้แต่กุญแจที่ล็อคอยู่ด้านบนก็ยังแข็งแรงเหมือนเดิม
เวินเที๋ยนเที๋ยนจับสองมือของตัวเอง เธอกัดฟันแน่น และหยิบเก้าอี้ที่พื้นทุบลงไปอีกครั้ง
เธอทุบลงไปอย่างต่อเนื่อง หน้าต่างก็เกิดเป็นเสียงดังตามจำนวนครั้งที่ทุบลงไป มือสองข้างของเวินเที๋ยนเที๋ยนสั่นสะเทือนจนเกิดอาการชานิดหน่อย ง่ามนิ้วของเธอถึงกับเกิดเป็นร่องรอยของการฉีกขาด
เธอขมวดคิ้วแน่น ทำได้เพียงหยุดทุบกระจก และเปลี่ยนเป้าหมายไปที่กุญแจที่ล็อคอยู่ด้านบนแทน
เมื่อสักครู่ ไม่รู้ว่ามีใครมาที่นี่เฟิงหมิงถึงได้รีบพาเธอมาทิ้งไว้ในนี้ แล้วค่อยออกไป
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ก็ขอให้ฝ่ายนั้นถ่วงเวลาเพื่อให้เธอหนีออกไปได้อย่างราบรื่นก็พอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินหาแล้วหนึ่งรอบ เธอกอดของตกแต่งที่แข็งแรงที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา แล้วทุบลงไปบนกุญแจที่ล็อคอันนั้น
ที่เขี่ยบุหรี่เอย โคมไฟตั้งโต๊ะเอย……
สิ่งของทุกชิ้นที่เธอสามารถหามาได้ ล้วนถูกเธอทดลองทุบลงไปหมดแล้ว
สิ่งของในห้องทั้งหมดถูกทุบจนแหลกละเอียด ในที่สุดกุญแจที่ล็อคอันนั้นก็เกิดรอยแตกขึ้นนิดหน่อย
เวินเที๋ยนเที๋ยนดีใจ ในที่สุดเธอก็มองเห็นความหวังแล้ว เธอจึงรีบเพิ่มความเร็วขึ้นอีก
พอเก้าอี้ถูกทุบลงไป กุญแจที่ล็อคเกิดเป็นเสียง “ ตุบ ” และร่วงตกลงไปที่พื้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนรอไม่ไหวแล้ว เธอเปิดหน้าต่าง และก้มลงไปมองด้านล่าง
ความสูงระดับนี้ ไม่สามารถลงไปมือเปล่า
เวินเที๋ยนเที๋ยนเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก หลังจากนั้นก็หันกลับไปมองภายในห้อง
ตอนนี้ ในห้องยุ่งเหยิงมาก ไม่นาน เธอก็คิดอะไรออก และรีบเดินไปดึงผ้าปูที่นอนกับผ้าม่านลงมา หลังจากนั้นก็จัดการทำให้เป็นเชือก
เธอหย่อนผ้าที่มัดเป็นเชือกลงไปจากทางหน้าต่าง แต่ความยาวยังคงไม่พอ
แต่ในห้องไม่มีของอย่างอื่นที่สามารถนำมาเชื่อมต่อได้แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนจนปัญญา เธอมองอย่างละเอียด และเห็นว่าปลายเชือกได้หย่อนลงไปถึงชั้นสองแล้ว
เธอกัดฟัน และนำปลายเชือกอีกด้านมัดกับหัวเตียง และเดินไปที่ข้างเตียง
เธออยู่ที่นี่ไปตลอดไม่ได้ ไม่ว่ายังไง ก็ต้องลองหนีออกไปจากที่นี่
เธอใช้ตู้เสื้อผ้าบังประตูไว้ หลังจากนั้นเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ปีนหน้าต่าง และหย่อนตัวลงไปทีละนิด
ดีที่เมื่อก่อน ตอนที่จี้จิ่งเชินขังเธอไว้ในปราสาท เธอก็เคยทำแบบนี้เช่นกัน
ตอนนี้ เธอจึงมีประสบการณ์ที่สามารถควบคุมความเร็วในการหย่อนตัวลงด้านล่าง และไม่ถึงกับทำให้ได้รับบาดเจ็บ
ถ้าเฟิงหมิงไม่กลับมาเร็วขนาดนั้นก็ดีสิ
เฟิงหมิงยังเฝ้าอยู่ข้างตัวจี้จิ่งเชิน และทำการค้นหาทุกห้องที่อยู่ชั้นสองกับจี้จิ่งเชินด้วยเช่นกัน
ตั้งแต่ชั้นหนึ่งถึงชั้นสี่ ไม่เว้นแม้แต่ห้องเดียว
ต่อให้ทำถึงขนาดนี้ แต่ยังคงหาเงาของเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่เจออยู่ดี
“ ผมบอกพวกคุณแล้วว่าถ้าเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ที่นี่จริงๆ ทำไมผมต้องปิดบังพวกคุณด้วยล่ะ? ถ้าเป็นแบบนั้น ผมก็ต้องพาเธอออกมาแล้ว ผมคิดว่าพวกคุณมาหาผิดที่แล้วล่ะ หรือเธออาจจะกลับบ้านไปแล้วก็ได้ ”
เฟิงหมิงพูดขึ้นต่อหน้าผู้คน
จี้จิ่งเชินไม่ได้พูดอะไร เขาหันกลับไปมองพวกบอดี้การ์ด
หลังจากที่บอดี้การ์ดค้นตู้เสื้อผ้ากับเตียงเสร็จแล้ว พวกเขาก็ส่ายหัวอย่างผิดหวัง
“ ไม่พบอะไรครับ ”
นี่เป็นห้องสุดท้ายแล้ว
คฤหาสน์ทั้งแห่งยังหาไม่พบ หรือว่าเธอถูกซ่อนไว้นอกคฤหาสน์?
พวกบอดี้การ์ดเกิดการลังเล หรือว่าตัวเองดูผิดไปจริงๆ?
แต่จี้จิ่งเชินกลับแน่วแน่มาก เวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้อย่างแน่นอน แต่อยู่ตรงส่วนไหนกันนะ?
เห็นจี้จิ่งเชินไม่พูดอะไรเฟิงหมิงจึงเดินขึ้นมาด้านหน้า
และพูดแนะนำ: “ ตอนนี้ ทั้งคฤหาสน์ได้ถูกพวกคุณค้นหาทั่วแล้ว จะกลับไปได้หรือยัง? อีกสักครู่ผมยังมีประชุมกับพนักงานบริษัทต่ออีก ไม่มีเวลาค้นหากับพวกคุณเป็นครั้งที่สองแล้ว ประธานจี้ คุณคงไม่ใช่คนที่ไม่ฟังเหตุผลหรอกนะครับ ”
หลังจากนั้นก็มีบอดี้การ์ดสองคนเดินเข้ามา และพูดถามขึ้นเสียงเบาที่ข้างหูของจี้จิ่งเชิน: “ ประธานจี้ หรือว่าพวกผมดูผิดคน? คุณเวินอาจจะไม่ได้อยู่ที่นี่ก็ได้นะครับ? ”
เธออยู่ที่นี่อย่างแน่นอน!
จี้จิ่งเชินแน่ใจมาก
เขาหันกลับไปมองเฟิงหมิงอีกครั้ง แต่ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนถูกซ่อนไว้ที่ไหนกันแน่?
อยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้อย่างแน่นอน!
เฟิงหมิงมีสีหน้าไร้กังวล และสบสายตาจับผิดของเขาอย่างไม่เกรงกลัว
เฟิงหมิงพูดขึ้นยิ้มๆ: “ เมื่อสักครู่ ผมได้ให้ความร่วมมือกับการค้นหาของประธานจี้ ผมจะทำอย่างที่พวกคุณทำกับผม ถ้าพวกคุณยังไม่ยอมกลับไป งั้นก็อย่าโทษว่าผมลงไม้ลงมือก็แล้วกัน ”
เขาเพิ่งพูดเสร็จ พวกบอดี้การ์ดก็รีบเดินขึ้นมาบังหน้าเฟิงหมิงทันที แต่ละคนมองพวกเขาด้วยสีหน้าที่เตรียมป้องกัน
ดูท่าทางแล้วเหมือนว่าถ้าจี้จิ่งเชินยังไม่กลับไป พวกเขาก็จะลงไม้ลงมือ และโยนพวกเขาออกไป
ชั่วขณะ บรรยากาศภายในห้องก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที คล้ายกับวินาทีต่อมาสามารถต่อยกันได้ทุกเมื่อ
ผ่านไปสักพัก สีหน้าของจี้จิ่งเชินถึงค่อยๆอ่อนโยนลง
“ ในเมื่อเป็นแบบนี้ พวกผมก็ขอตัวกลับก่อน ”
พูดเสร็จ เขาก็โบกมือให้พวกบอดี้การ์ด และเตรียมหมุนตัวออกไปจากห้อง
เพิ่งเดินออกมา อยู่ๆกลับพบว่าใต้เท้ามีขั้นบันไดอยู่สองสามขั้น
อยู่ตรงกลางทางเดิน ตำแหน่งอยู่ห่างจากบันได โผล่ขึ้นมาตรงหน้าอย่างโดดๆ
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วนิดหน่อย การกระทำของเขาก็หยุดตามลงด้วยเช่นกัน
พอคิดกลับไป ก่อนหน้า ตอนที่ค้นหาที่ชั้นสาม คล้ายกับว่าผนังห้องที่นั่นแตกต่างกับชั้นอื่น
เว้าเข้าไปที่ตำแหน่งเดียวกัน
จี้จิ่งเชินเงยหน้ามอง พบว่าผนังห้องที่อยู่บนหัวราบเรียบมาก ไม่มีความผิดปกติใดๆ
ส่วนที่ว่างเปล่าที่อยู่ระหว่างชั้นสามกับชั้นสี่ รวมกันคงจะมีพื้นที่หนึ่งเมตรกว่าๆ
แต่ตอนที่พวกเขาเพิ่งเข้ามาจากด้านนอก ในห้องไม่มีความผิดปกติอะไร
พื้นที่หนึ่งเมตรกว่านั้นไปอยู่ที่ไหนล่ะ?
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วนิดหน่อย
ในคฤหาสน์แห่งนี้ยังมีที่ซ่อนอื่นที่พวกเขายังไม่ได้ค้นหาจริงๆด้วย
เขากำลังคิดไตร่ตรองเฟิงหมิงที่ยืนอยู่ข้างๆก็ได้แสดงสีหน้าหงุดหงิดออกมา และพูดเร่งพวกเขา: “ ประธานจี้ ยังมีอะไรผิดปกติอีกหรอครับ? ”
ตอนนี้ จี้จิ่งเชินถึงได้สติกลับมา และหันหน้าไปมอง เฟิงหมิง
“ เจอเบาะแสนิดหน่อย หวังว่าคุณจะให้เวลาผมสักสองนาที หลังจากสองนาที ถ้ายังหาไม่เจอ ผมก็จะเลิกรา ”
เฟิงหมิงมองเขาด้วยสีหน้าลังเลใจ ไม่แน่ใจว่าจี้จิ่งเชินเจอเบาะแสอะไรกันแน่
แต่ภายนอกยังคงแสร้งทำเป็นไม่สะทกสะท้าน และพูดเห็นด้วย: “ ได้สิ ”
พูดเสร็จ เขาก็เบี่ยงตัวไปยืนข้างๆ และคิดว่าจี้จิ่งเชินจะเดินออกไป
ไม่คิดว่าจี้จิ่งเชินจะไม่ขยับไปไหน แต่เขากลับก้มสังเกตขั้นบันไดที่นูนขึ้นมาที่ใต้เท้าแทน
เขาสังเกตอยู่สักครู่ เฟิงหมิงรู้สึกไม่สบายใจ และเป็นกังวลทันที
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปนิดหน่อย เขากำลังจะเดินขึ้นไป แต่เหมือนกับกลัวว่าตัวเองจะเปิดโปงออกมา จึงทำได้เพียงอดกลั้นความไม่สบายใจไว้ และยืนอยู่ข้างๆแทน
แต่จากการกระทำของเขา ก็ดูรู้ว่าเขากำลังรู้สึกเป็นกังวลมาก
ตอนนี้ จี้จิ่งเชินเงยหน้ามองเขานิดหน่อย และยิ่งแน่ใจกับการคาดเดาของตัวเอง
อยู่ๆเขาก็ยื่นมือไปเคาะที่พื้น
ก๊อก ก๊อก
เกิดเป็นเสียงขึ้น ทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที
แม้แต่พวกบอดี้การ์ดก็ยังหันหน้ากลับมาพร้อมกัน เสียงนี้ พวกเขาต้องรู้อย่างแน่นอน
“ ว่างเปล่า? ” บอดี้การ์ดพูดขึ้นอย่างตะลึง
บนใบหน้าของจี้จิ่งเชินเผยรอยยิ้มขึ้นนิดหน่อย เขาใช้สายตาแหลมคมมองไปที่ เฟิงหมิง
“ คุณเฟิง ไม่รู้ว่าด้านล่างคืออะไรกันแน่นะครับ? ”
ตอนนี้เฟิงหมิงไม่สามารถรักษาสีหน้าไม่สะทกสะท้านไว้ได้อีกต่อไปแล้ว เขาเกิดความหวาดกลัวขึ้นในใจ และมองจี้จิ่งเชินอย่างเป็นกังวล ผ่านไปสักพัก เขาก็ยังไม่พูดอะไร