บทที่ 540 เรื่องไม่จริง
มีคนเคยถ่ายภาพไว้ที่หมินอันเกอและหลวนจื่อที่ปรากฏตัวในเวลาเดียวกัน มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาก
แม้ว่าทั้งสองคนจะเปิดเผยต่อสาธารณะว่าพวกเขามองว่ากันและกันเป็นเพื่อนและพี่น้องกัน แต่ไม่มีใครเอาจริง
แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ พ่อของเด็กอาจจะเป็นคนรักในฝันของทุกคนจริงๆ – หมินอันเกอ!
พอได้ยินข่าวนี้แล้ว แฟน ๆ ของหมินอันเกอต่างก็ตกใจ และพวกเขาก็ไม่อยากจะเชื่อเลยทีเดียว
ในขณะเดียวกันความคิดเห็นของผู้คนที่ร้อนแรงนี้ก็ถูกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
มันได้แพร่กระจายไปยังเครือข่ายทั้งหมดและแพร่กระจายไปยังผู้คนจำนวนมากในช่วงเวลาสั้น ๆ
ตอนที่หลวนจื่อหยิบกระเป๋าเดินทางในมือลงไปชั้นล่าง เธอก็ได้ยินเสียงรายการที่กำลังเล่นอยู่บนทีวีในห้องนั่งเล่น
พ่อบ้านและเวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่น แต่สีหน้าของพวกเขานั้นดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่
หลวนจื่อกำลังจะเอ่ยปากพูด แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงของพิธีกรในทีวี
“… หลังจากที่ข่าวถูกเปิดเผย ผู้รับผิดชอบของบริษัทก็ไม่ได้ออกมาชี้แจง และทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้ออกมาพูดอะไร แต่ตอนนี้ทุกคนบนอินเทอร์เน็ตได้รับข่าวแล้วก็พากันแตกตื่น ไม่กล้าที่จะเชื่อ และรอให้พวกเขาออกมาชี้แจง .”
“ หลวนจื่อท้องหรอ และลูกของเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับหมินอันเกอรึเปล่า ต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติม ดิฉันหวังว่าทุกคนจะอย่าตื่นตระหนกกับเรื่องนี้มากเกินไป … ”
เมื่อได้ยิน เสียงก้าวเท้าลงบันไดของหลวนจื่อก็หยุดลง
ส้นรองเท้าชนกับบันไดส่งเสียงดังเล็กน้อย
ในเวลานี้มีคนเพียงไม่กี่คนที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น พากันหันหน้าไปทางเดียวกันและเห็นหลวนจื่อถือของในมือ ยืนอยู่บนขั้นบันไดพร้อมกับสีหน้าที่สับสน
เวินเที๋ยนเที๋ยนลุกขึ้นมา
“หลวนจื่อ คุณจะไปไหน?”
หลวนจื่อขยับตัวอีกครั้งและเดินลงจากบันได
“ ฉันบอกเธอก่อนแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันจะไปต่างประเทศสักพัก”
“แต่……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนนึกถึงข่าวที่รายงานในเมื่อกี้ มึรู้จะทำยังไงดี
เมื่อเทียบกับความสงสัยของชาวเน็ต เวินเที๋ยนเที๋ยนมีความแน่ใจมากขึ้น
ดูจากสัญญาณในช่วงนี้แล้ว หลวนจื่ออาจกำลังท้องจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้น มันเกี่ยวข้องกับหลวนจื่อด้วย
ในช่วงเวลานี้ ปฏิกิริยาทั้งคู่ต่างดูผิดปกติมาก จนต้องสงสัย
“ แต่ที่ในทีวีเมื่อกี้พูด … ”
“ไม่จริงทั้งหมด”
หลวนจื่อโต้กลับอย่างรวดเร็ว
แต่ข้อสงสัยในใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนยังไม่ได้หายไป
หลวนจื่อพูดอีกครั้ง: “ไม่ควรเชื่อข่าวพวกเหล่านั้นนะ เธอควรจะรู้ว่าพวกเขาพูดเรื่องไร้สาระตลอด”
“ฉันรู้ แต่…”
“ไม่ต้องพูดแล้ว”
หลวนจื่อขัดจังหวะเวินเที๋ยนเที๋ยนและพูดว่า “ฉันจัดการธุระของตัวเองได้ เธอไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก”
หลังจากพูดจบ เธอก็ขนของและเตรียมออกไปข้างนอก
เพิ่งจะยื่นมือออกไปเพื่อเปิดประตู แต่ทันใดนั้นประตูก็ถูกผลักเข้ามาจากด้านนอก
เมื่อเธอเงยขึ้นไปก็เห็นหมินอันเกอยืนอยู่ที่ประตู ท่าทางดูรีบร้อน สูดหายใจเฮือกใหญ่ เหมือนเพิ่งวิ่งกลับมา
เขาคาดคิดไม่ได้ว่าจะได้เห็นหลวนจื่อตอนที่เขาเปิดประตู เลยอึ้งไปสักครู่
รีบพูดว่า: “หลวนจื่อ คุณ … ”
แต่เอ่ยปากแล้ว ก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร เลยค่อยๆหยุดไป
“ข่าวบนอินเทอร์เน็ตพวกนั้น … ”
เขาขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนจะพูดยาก ลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดต่อ: “มันจริงหรอ?”
“ไม่จริง” หลวนจื่อตอบด้วยท่าทีหนักแน่น
แต่เมื่อเธอเพิ่งพูดจบ ก็มีเสียงอีกเสียงดังขึ้นจากบันไดชั้นสอง
“หลวนจื่อ อย่าปิดบังต่อไปอีกเลย บอกเขาไปเถอะ”
จู่ๆเสียงผู้จัดการก็ดังขึ้น
เขาเดินลงไปข้างล่าง จนไปถึงตรงหน้าของหลวนจื่อและหมินอันเกอยืนบังอยู่ตรงกลางพวกเขา
แม้ว่าเขาจะรู้สึกได้ว่าหลวนจื่อไม่สามารถซ่อนตัวต่อไปได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะให้อภัยหมินอันเกอ
เขารู้ดีว่าหลวนจื่อคิดอย่างไรกับหมินอันเกอ
เขาเป็นคนเดียวที่ทำให้เธอทนทุกข์กับความผิดหวังได้
หลวนจื่อขมวดคิ้วเมื่อเห็นผู้จัดการที่ปรากฏตัวขึ้นทันใดและดึงตัวเขา
“ไม่ต้องห่วง นี่เป็นเรื่องของฉันเอง”
หลังจากนั้นเขาก็หันหน้าไปทางหมินอันเกอ
“เรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณ ข่าวบนอินเทอร์เน็ตไม่ใช่เรื่องจริง ไม่ต้องห่วง”
แต่มีเสียงในใจของหมินอันเกอที่คอยบอกเขา
เขาไม่เชื่อสิ่งที่หลวนจื่อพูดต่อหน้าเขา
ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเห็น ผู้หญิงคนที่อยู่ตรงหน้าเคยหลอกทุกคนมาได้หลายครั้ง
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้แต่เขาก็ถูกหลอกหลายที
ดวงตาของหมินอันเกอกระพริบไปทั่วกระเป๋าเดินทางในมือของหลวนจื่อ
“คุณกำลังจะไปไหน?”
“ไปต่างประเทศ.”
หลวนจื่อละสายตาและไม่ไปมองเขา
น้ำเสียงเริ่มแข็งกร้าว
“หลีกไป เครื่องบินจะเทคออฟแล้ว”
เธอยื่นมือออกไปเพื่อผลักหมินอันเกอออกไป แต่อีกฝ่ายยังคงนิ่งและคว้ามือของเธอไว้
“ฉันบอกว่าฉันจะรับผิดชอบทุกอย่าง ฉันไม่ … ”
“ไม่ต้องพูดอีกแล้ว……”
จู่ๆหลวนจื่อก็ขึ้นเสียงสูงและขัดจังหวะหมินอันเกอด้วยเสียงกรีดร้อง
เธอเป็นคนมีอารมณ์
“ ฉันให้คุณรับผิดชอบตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันบอกว่าทั้งหมดเป็นความผิดของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่”
“หมินอันเกอ คุณคิดว่าคุณกำลังเอาเปรียบฉันหรอ ฉันบอกคุณนะ ไม่ใช่! ฉันเป็นคนต่างหากที่เอาเปรียบคุณ คุณไม่รู้เลยรึไงว่าฉันรู้สึกยังไงกับคุณ”
“ฉันนี่แหละที่ผิด ฉันสิต้องขอโทษคุณ!”
เธอพูดออกมา
ใช่แล้วเมื่อคืนนั้นเธอไปที่บาร์ หมินอันเกอก็เมาแล้วและไม่มีวี่แววว่าจะสร่างเมา
เป็นเธอ.
ทุกอย่างเป็นเธอ
แม้ว่าในตอนแรก หมินอันเกอคิดว่าเธอเป็นเวินเที๋ยนเที๋ยน แต่ในเวลานั้น หมินอันเกอก็เมาจนเละเหมือนจะมึนแล้ว
ขอแค่เธอขัดขืน อีกฝ่ายก็จะทำอะไรไม่ได้เลย
แต่หลวนจื่อไม่ทำ
ขนาดเรียกแต่ชื่อของเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็ยังไม่หยุด
แล้วหมินอันเกอล่ะ?
อะไรคือการรับผิดชอบต่อเธอ
ถ้าเขารู้ความจริงในเรื่องนี้คงจะเหลือรังเกียจเท่านั้น
เมื่อนึกถึงจุดนี้ หลวนจื่อก็เสียใจมาก
เธอปกปิดทุกอย่างที่จะทำไว้ ยินยอมให้หมินอันเกอรู้สึกถึงความผิดของตน แต่เธอไม่สามารถยอมรับการให้อภัยของอีกฝ่ายได้
แม้แต่พบว่าตัวเองท้อง ก็ไม่อยากบอกให้ใครรู้
ความผิดพลาดของตนเอง ก็ต้องแบกมันด้วยตัวเอง
อย่างน้อยตอนที่เธอจากไป เธอก็ยังสามารถทิ้งความทรงจำที่สวยงามเช่นนี้ไว้ในใจให้กับหมินอันเกอแทนที่จะเกลียดชัง
แต่ตอนนี้ทุกอย่างสายเกินไปแล้ว
หลวนจื่อโพล่งออกมาทั้งหมด ทุกอย่างบนใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
แม้ว่าจะก้มหัวลง แต่เธอก็เดาการแสดงออกบนใบหน้าของหมินอันเกอได้ทั้งหมด
มันช็อค?
ไม่อยากจะเชื่อเลย?
รังเกียจหรือไม่พอใจ?
ยิ่งคิดมากเธอก็ยิ่งไม่มีความกล้าหาญที่จะเงยหน้าขึ้นมามอง
หลวนจื่อรีบผลักหมินอันเกอออก แล้ววิ่งออกไป ออกจากปราสาทเก่าไป
หมินอันเกออึ้งไปสักพัก ในที่สุดก็รีบหันหลังกลับและไล่ตามไป
เมื่อออกจากปราสาทเขาก็เห็นหลวนจื่อหยุดอยู่ข้างถนนและข้างหน้าเธอมีรถจอดอยู่
เวินเที๋ยนเที๋ยนตามไปด้วย และเห็นสีหน้าเธอเต็มไปด้วยความตกใจและหวาดกลัว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็สงสัยเล็กน้อย ประตูรถเปิดออก ผู้หญิงที่สวมชุดหรูหราก็เดินลงมา
หลวนจื่ออ้าปากค้าง
“แม่?”