บทที่ 568 การเตรียมการอีกอย่าง
ทานอาหารเสร็จ ท้องฟ้าก็เปลี่ยนสีแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่รีบกลับ เธอถูกพวกเด็กๆลากให้ไปนั่งเล่านิทานในบ้าน
จี้จิ่งเชินก็นั่งอยู่ข้างๆด้วยเช่นกัน จนกระทั่งพวกเด็กๆหลับจนหมดแล้ว พวกเขาถึงขอตัวกลับ
กว่าจะขึ้นรถมาได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จี้จิ่งเชินรู้สึกโล่งใจนิดหน่อย
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขารับซาลาเปาของเด็กคนนั้นมา ต่อมา เด็กคนนั้นก็เหมือนเป็นเพื่อนของเขา ตามเขาอยู่ข้างตัวตลอด ไล่ยังไงก็ไล่ไม่ไป
เมื่อสักครู่เด็กคนนั้นเห็นเขากำลังจะกลับ ยังทำท่าเหมือนจะร้องไห้อีกด้วย ช่างทำให้คนรู้สึกจนปัญญาซะจริงๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นแล้ว กลับพูดไปด้วย และหัวเราะไปด้วย: “ ฉันเห็นนายกับเด็กคนนั้นเข้ากันได้ดี อันที่จริงพวกเด็กๆชอบนายมากเลยนะ ”
จี้จิ่งเชินพูดอย่างจนปัญญา: “ พวกเขาชอบผมนั้นเป็นเรื่องของพวกเขา แต่ผมชอบคุณแค่คนเดียว ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยิน ก็รีบหันกลับไปมองทันที
ตอนนี้พวกเขายังไม่ออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า คุณครูทั้งเจ็ดคนกับพวกเด็กๆยังยืนอยู่ด้านนอก ยังดีที่ปิดหน้าต่างไว้ พวกเขาจึงไม่ได้ยิน
แต่ต่อให้เป็นแบบนี้ ใบหน้าของเธอก็ยังแดงอยู่ดี
“ ฉัน เรารีบกลับกันดีกว่า ” เธอพูดอย่างติดๆขัดๆ
วันนี้ทั้งวันพวกเขาอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ไม่ว่าจะทำอาหารกับพวกเด็กๆ หรือเล่านิทานให้พวกเขาฟัง เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าสายตาของจี้จิ่งเชินมาหยุดอยู่ที่ตัวเธอ
ตอนนี้ความรู้สึกยิ่งชัดเจนมากกว่าเดิม
จี้จิ่งเชินที่นั่งอยู่ด้านหน้าหันกลับมามองรอยยิ้มบนใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยน หลังจากนั้นมุมปากของเขาก็ยกยิ้มตามเล็กน้อย
เขามองเวลาสักครู่ หลังจากนั้นก็พูดขึ้น: “ ตอนนี้ยังทันอยู่ ผมจะพาคุณไปอีกที่นึง ”
พูดเสร็จ เขาก็ติดเครื่องรถยนต์ และขับออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปรอบๆ หลังจากนั้นก็พูดขึ้นอย่างตกใจ: “ ยังจะไปที่อื่นอีกหรอ? ”
เธอคิดว่ามาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าคือที่สุดท้ายของวันนี้แล้ว
“ ใช่ สถานที่ต่อไปถึงจะสำคัญที่สุด ”
“ ตกลงว่าเป็นที่ไหนกันแน่? ” เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดอย่าไม่เข้าใจ
จี้จิ่งเชินยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร “ ถึงแล้วคุณก็รู้เองแหละ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ่งรู้สึกสงสัยมากกว่าเดิม ตอนนี้ก็ตอนกลางคืนแล้ว จี้จิ่งเชินยังจะพาเธอไปที่ไหนอีก?
ต่อมา กลับพบว่าเขาไม่ได้ขับรถกลับไปทางเดิม แต่ขับออกไปทางชานเมืองแทน
ไม่นาน ก็มองไม่เห็นบ้านคนแล้ว
“ ตกลงว่านายจะพาฉันไปที่ไหนกันแน่? ”
จี้จิ่งเชินกลับไม่ยอมบอกเธอ แต่พูดขึ้น: “ ยังใช้เวลาอีกสักพัก ถ้าคุณง่วงก็นอนพักไปก่อน ถึงแล้วผมค่อยเรียกคุณ ”
แต่ตอนนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนจะหลับลงได้ยังไงล่ะ? ”
ในใจของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย เธอมองรถขับออกจากเมืองหลวงตาละห้อย และขับไปทางที่ไม่มีบ้านคน ยิ่งขับก็ยิ่งเปลี่ยว จนกระทั่งขับมาถึงสุดทางหลวง ความเร็วของรถถึงค่อยๆสม่ำเสมอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองออกไปทางหน้าต่าง และไม่รู้ว่าตัวเองถูกจี้จิ่งเชินพาตัวมาที่ริมหน้าผาตอนไหน
ไม่คิดว่าที่ริมหน้าผาอีกฝั่งจะมีเฮลิคอปเตอร์จอดอยู่หนึ่งลำ
เกลียวยังปิดอยู่ บริเวณรอบๆไร้เสียง มีแค่ไฟบนเครื่องบินที่กำลังสว่างอยู่ มองดูแล้วกว้างใหญ่ และโอ่อ่ามาก
มีคนที่ใส่แว่นตาบินยืนอยู่ด้านข้าง คล้ายกับเป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังมองอย่างสงสัย เธอยังไม่ได้ตอบสนองกลับมา ประตูรถก็ถูกเปิดออกเสียก่อน
จี้จิ่งเชินยืนอยู่ที่ประตู เขายื่นมือมาให้เธอ พอเห็นดวงตาที่เป็นประกายของเวินเที๋ยนเที๋ยน เขาก็พูดขึ้นยิ้มๆ: “ ไม่ได้หลับหรอ? ไปกับผมเถอะ ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกสับสน เธอไม่รู้ว่าจี้จิ่งเชินต้องการทำอะไรกันแน่ แต่ยังคงจับมือเขาอยู่ดี หลังจากนั้นก็ถือโอกาสลงมาจากรถ
เธอถูกจี้จิ่งเชินพาเดินมาด้านหน้าเฮลิคอปเตอร์ลำนั้น พอนักบินเห็นพวกเขาเดินเข้ามา เขาก็เอาสองมือมาพาดด้านหน้า และโค้งตัวให้จี้จิ่งเชินเล็กน้อย
จี้จิ่งเชินพยักหน้าเป็นการขานรับ: “ ไปกันเถอะ ”
พูดเสร็จ เขาก็หยิบหูฟังกับหมวกนิรภัยใส่ให้เวินเที๋ยนเที๋ยน และพูดขึ้น: “ อย่ากังวล ผมจะอยู่ข้างกายคุณ ”
ตอนนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนถึงจะตอบสนองกลับมา “ ตกลงว่านายจะพาฉันไปที่ไหนกันแน่? ”
จี้จิ่งเชินคาดหมวกให้เธออย่างใกล้ชิด ในดวงตาของเขาเผยให้เห็นความขี้เล่นเล็กน้อย
“ ไปเอาของขวัญวันเกิดของคุณ ถึงแม้ว่าเดิมทีควรให้คุณตั้งแต่วันเกิดคุณเมื่อครั้งที่แล้ว แต่วันนั้นเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อย โชคดีที่ตอนนี้ยังไม่สาย ”
ของขวัญวันเกิด?
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปมองเฮลิคอปเตอร์ที่อยู่ด้านหลัง ตกลงว่ามันคือของขวัญอะไรกันแน่ ถึงกับต้องใช้เฮลิคอปเตอร์บินไปเอาถึงจะสามารถมองเห็น?
เธอรู้สึกสับสน หลังจากนั้นก็ถูกจี้จิ่งเชินอุ้มขึ้นเฮลิคอปเตอร์ แต่เธอยังคงจับมือเขาไว้แน่น
เฮลิคอปเตอร์เริ่มติดเครื่องยนต์ เสียงเกลียวดังสนั่นหวั่นไหว
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วนิดหน่อย เธอรู้สึกกังวลโดยไม่รู้ตัว
จี้จิ่งเชินจับมือเธอแน่น
“ อย่ากังวล มันจะไม่เป็นอะไร ”
เพราะเสียงรบกวนดังมาก เขาจึงต้องพูดเสียงดัง และขยับเข้าไปใกล้หูของเวินเที๋ยนเที๋ยน
เห็นเธอยังคงตื่นกลัว เขาจึงขยับขึ้นไปด้านหน้า และจูบเธอในที่สุด
ผ่านไปชั่วขณะ ก็เห็นหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนค่อยๆแดงขึ้น และเธอก็ไม่มีกะจิตกะใจไปคิดเรื่องอื่นอีกเลย
จี้จิ่งเชินหัวเราะนิดหน่อย
ตอนนี้เฮลิคอปเตอร์ถึงจะติดเครื่องยนต์ หลังจากนั้นก็ค่อยๆบินขึ้นไปในอากาศช้าๆ บินห่างจากเมืองหลวงที่อยู่ด้านหลัง และบินไปตามมหาสมุทร
ท้องฟ้าเป็นสีน้ำเงินเข้ม พอมีแสงจันทร์ ดวงดาวก็บางตาลง แสงจันทร์ที่สว่างไสวส่องไปบนผืนน้ำทะเล จึงทำให้คลื่นน้ำเกิดการสะท้อนแสง
มีปลากระโดดขึ้นจากผืนน้ำในบางครั้ง ละลานตาเหมือนดั่งอัญมณี
เวินเที๋ยนเที๋ยนตามองผืนน้ำไม่ขยับไปไหน ไม่นานเธอก็ลืมความกังวลในใจไปจนหมดสิ้น
“ ไม่คิดว่าจะมีปลาโลมาด้วย! ”
เงาเงาหนึ่งกระโดดขึ้นจากผืนน้ำ เวินเที๋ยนเที๋ยนส่งเสียงร้องออกมาอย่างตกใจ หลังจากนั้นก็ชี้ไปบนผืนน้ำ
จี้จิ่งเชินมองตามทิศทางที่มือของเธอที่ชี้ไป และเห็นว่ามีปลาโลมาสองถึงสามตัวกำลังกระโดดขึ้นจากผืนน้ำอยู่จริงๆ ลายเส้นของพวกมันงดงามมาก คล้ายกับแป้งม้วนที่สวยงามเลยทีเดียว
เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนมีสีหน้าดีใจ จี้จิ่งเชินจึงหันไปส่งสัญญาณมือให้นักบิน
หลังจากนั้นนักบินก็รีบเปลี่ยนทิศทางบินทันที เขาบินไปทางที่มีปลาโลมาว่ายอยู่ด้านหน้า เพื่อให้เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
คล้ายกับว่าปลาโลมาพวกนั้นก็เห็นพวกเขาแล้วเหมือนกัน เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงตะโกนเรียกเสียงใสเหมือนกำลังทักทายพวกมันอยู่
ผ่านไปสักครู่ ปลาโลมาพวกนั้นก็ค่อยๆว่ายห่างออกไป และเฮลิคอปเตอร์ถึงค่อยบินกลับมาที่เส้นทางเดิมอีกครั้ง
ระดับน้ำทะเลที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของทิวทัศน์ใดๆ ทำให้จิตใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนค่อยๆคงที่ตามไปด้วยเช่นเดียวกัน
เธอเอนหลังไปพิงในอ้อมอกของจี้จิ่งเชิน ผ่านไปสักครู่ ก็ไม่รู้ว่าเธอหลับไปตอนไหน
จี้จิ่งเชินหยิบผ้าห่มมาห่มให้เวินเที๋ยนเที๋ยน หลังจากนั้นก็พาเธอมากอดไว้ เพื่อไม่ให้เธอถูกลมหนาวพัดใส่
มองใบหน้าที่กำลังหลับสนิทของเวินเที๋ยนเที๋ยน มุมปากของเขาก็เผยให้เห็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนขึ้น จิตใจของเขาก็สงบตามไปด้วยเช่นเดียวกัน และเขาก็รู้สึกพอใจมาก
นิ้วมือของเขาวางอยู่ในเสื้อของตัวเอง เขาจับกล่องเล็กใบนั้นที่วางอยู่ด้านในอย่างตื่นเต้น จึงทำให้รู้สึกกังวลอย่างอดไม่ได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนนอนหลับสบายมาก ตอนเธอตื่นขึ้นมา พอลืมตาขึ้นก็เห็นใบหน้าของจี้จิ่งเชินอยู่ตรงหน้า
ไม่รู้ว่าตัวเองออกจากเฮลิคอปเตอร์ตอนไหน ตอนนี้เธอกำลังถูกจี้จิ่งเชินอุ้มอยู่ในอ้อมกอด และกำลังเดินไปด้านหน้า
พอเธอลืมตาขึ้นก็ถูกจี้จิ่งเชินเห็นเข้า เขาก้มลงมอง และสบตาที่กำลังงัวเงียของเวินเที๋ยนเที๋ยน หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มนิดหน่อย
เขาก้มลงจูบไปที่ใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนเบาๆ คล้ายกับกำลังปลุกเจ้าหญิงนิทราให้ตื่นขึ้นมา