บทที่ 655 ไล่เธอออกไป
หล่อนเจียนีก้าวเท้าเดินเข้าไปโดยตรง เดินไปด้วยตะโกนเสียงดังไปด้วย
“เวินเที๋ยนเที๋ยน! เวินเที๋ยนเที๋ยน!”
“เธอออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”
พ่อบ้านได้ยินแล้ว ทั้งโมโหทั้งร้อนใจ เพราะกลัวเธอจะส่งเสียงรบกวนทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนตื่น
เขารีบวิ่งเข้ามา อยากจะขัดขวางเธอไว้
“คุณหล่อนครับ กรุณาเงียบๆหน่อย อย่างเสียงดัง!”
“คุณผู้หญิงไม่มีเวลาจริงๆ เชิญคุณรีบออกไปจากที่นี่ซะ”
แต่หล่อนเจียนีแน่ใจว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนต้องอยู่ห้องใดห้องหนึ่งอย่างแน่นอน ผลักเขาออกไปโดยไม่สนใจ ก้าวเท้ายาวๆเข้าไปด้านใน
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังกำลังหลับฝันหวานอยู่ ตกตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงดัง
ลืมตาขึ้นมา หันหน้าไปทางที่มีเสียงดังมา ทันใดนั้นก็เห็นหล่อนเจียนีเดินเข้ามาจากด้านนอกประตู
พอเห็นเธอ ก็ทำเสียงฮึ่มใส่
“ที่แท้เธอก็มาหลบอยู่ในนี้นี่เอง กลัวฉันขนาดนี้เลยเหรอ?”
หล่อนเจียนีหัวเราะอย่างได้ใจ เดินเข้ามาเรื่อยๆ จนถึงตรงหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยน
มองดูดีๆปุ๊บ เห็นข้อมูลที่ปรากฏบนจอคอมพิวเตอร์ ยิ่งหัวเราะขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
“ฉันว่าแล้ว ที่แท้เธอก็ยังไม่ยอมตายใจ”
“ฉันเตือนเธอรีบๆยอมแพ้ซะ เธอไม่มีทางหาสตูดิโอที่สามารถช่วยเธอได้หรอก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเพิ่งจะตื่นจากความฝัน ความคิดยังมีอาการมึนงง ได้ยินคำนี้แล้ว ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่สนใจเธอ
แต่หันไปมองหน้าพ่อบ้านและถาม
“เขาเข้ามาได้ยังไง?”
พ่อบ้านสีหน้าลำบากใจ “บอดี้การ์ดขวางเธอยังไงก็ขวางไม่อยู่ครับ เธอบุกเข้ามาโดยไม่สนใครเลย”
หล่อนเจียนีมองหน้าพวกเขาอย่างได้ใจ
“ทำไม? เธอกลับเจอฉันขนาดนั้นเชียวเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองหน้าเธอ ในใจรู้สึกโมโหมาก
เธอลุกขึ้นมาแล้วเอาผ้าห่มออก จากนั้นยื่นมือไปปิดคอมพิวเตอร์ด้วย
“คุณมาหาฉันมีธุระอะไรเหรอ?”
“ใครบอกว่าฉันมาหาเธอ?”
เธอเบะปากและหันไปมองรอบๆด้วยความไม่พอใจ เหมือนกำลังหาใครสักคน
มองไม่เห็นแม้แต่เงาของจี้จิ่งเชิน จึงค่อยหันหน้ากลับมามองที่ตัวเวินเที๋ยนเที๋ยน
“ในปราสาทมีแต่เธอคนเดียวเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่เข้าใจคำพูดนี้หมายความว่าอะไร
หล่อนเจียนีก็ไม่อธิบายอะไร เดินตรงเข้าไป นั่งลงบนโซฟาอย่างสบาย
“ฉันก็แค่มาดูท่าทางของเธอในตอนนี้ ว่ายุ่งๆและร้อนรนใจจนจะแย่หรือยัง?”
“เป็นไง? ก็ยังหาสตูดิโอใหม่ไม่ได้อีกเหรอ? คำพูดในวันนั้นที่ฉันพูดกับเธอ ตอนนี้ก็ยังใช้ได้นะ”
พูดแล้ว หล่อนเจียนียกขาขึ้นมานั่งไขว่ห้างและยกคางขึ้นมองแก้วบนโต๊ะ
“แค่เธอยอมยกน้ำชารินมาให้ฉัน คุกเข่าขอโทษและพูดว่าตนเองผิดไปแล้ว หลังจากนี้ไม่กล้าเยาะเย้ยฉันอีก ย้ายออกจากปราสาทวันนี้ ฉันก็จะช่วยเธอหาสตูดิโอ เป็นไง?”
พ่อบ้านได้ยินคำพูดนี้ ไฟแห่งความโมโหลุกขึ้นมาทันที
เดินเข้าไปด้วยความโกรธและอยากจะขัดเธอ กลับถูกเวินเที๋ยนเที๋ยนห้ามไว้
ท่าทางของเวินเที๋ยนเที๋ยนใจเย็นมาก น้ำเสียงนิ่งๆ
“คำตอบของฉันเหมือนเดิม เชิญคุณออกไปจากปราสาท”
หล่อนเจียนีก็ยังทำหน้าไม่สนใจ
“เธอมีสิทธิ์อะไรให้ฉันออกไป?”
เธอพูดอย่างหยิ่งผยอง: “ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเธอ นี่มันเป็นบ้านของจี้จิ่งเชิน! เขาไม่เอ่ยปาก เธอมีสิทธิ์อะไรไล่ฉันไป? ฉันจะรออยู่ที่นี่จนกว่าจี้จิ่งเชินจะกลับมา”
ได้ยินดังนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้น
เห็นหล่อนเจียนีเดินไปเดินมามองดูรอบๆ ชี้ไปข้างบนและถาม: “ชั้นสองเป็นห้องอะไร?”
พูดจบ ไม่รอให้เวินเที๋ยนเที๋ยนกับพ่อบ้านตอบ ก็เดินขึ้นชั้นบนไป เหมือนไม่มีใครอยู่บ้านอย่างนั้น
พ่อบ้านร้อนใจและมองหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยน
“คุณผู้หญิง หล่อนเจียนีชักจะยโสโอหังเกินไปแล้วนะ กล้าเดินขึ้นไปเองโดยไม่ขออนุญาตเลย!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วแน่นๆ ในที่สุดก็เปิดปากพูด: “ให้คนไม่เอาเธอลงมา เอาออกไปจากปราสาท”
พ่อบ้านรอคำนี้แหละ ดีใจขั้นมาทันที
“ไม่มีปัญหา ผมไปส่งให้พวกเขาไปจับตัวเธอกลับมา!”
พูดจบ เขาพับแขนเสื้อ เดินขึ้นไปชั้นสองอย่างดุดัน
หล่อนเจียนีกำลังจะเดินไปถึงห้องนอนของจี้จิ่งเชิน รอบตัวก็มีบอดี้การ์ดตัวใหญ่ๆหลายคนมาล้อมเธอไว้ จับตัวเธอกะทันหันและนำตัวลงไปชั้นล่าง ทำให้เธอตกใจมาก เธอรีบดิ้นรนออกมา
“พวกแกจะทำอะไร?”
ถึงแม้จะดิ้นรน แต่ก็ถูกนำตัวลงมาชั้นล่าง
เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่ห้องรับแขก เธอเข้าใจทันที ตั้งสติกลับมาเหมือนเดิม เชิดหน้าทะนงตัวขึ้นมา
“เธอคิดจะทำอะไร? ฉันสั่งให้พวกคุณปล่อยตัวฉันเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจนะ!”
พ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างๆโมโหอย่างมาก
“คุณเป็นคนบุกรุกเข้ามาเอง ยังมีเหตุผลหรือ?”
พูดแล้วก็สั่งให้บอดี้การ์ด: “โยนคนออกไปเลย!”
“พวกแกกล้ารึ!”
หล่อนเจียนีพูดอย่างดุดันหนึ่งคำ จ้องหน้าพ่อบ้าน
“แกแค่คนใช้คนนึง กล้าใช้ไม้ใช้มือกับฉันเหรอ? ถ้ากล้าแตะฉันทีหนึ่ง ฉันจะทำให้พวกแกไม่มีที่จะทำมาหากิน คอยดู!”
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว บอดี้การ์ดทั้งหมดต่างก็ลังเลทันที
หล่อนเจียนีถือโอกาสนี้ ผลักพวกบอดี้การ์ดออกและพุ่งเข้าหาเวินเที๋ยนเที๋ยน
“เธอเป็นคนให้พวกมันมาจับฉัน ใช่ไหม?”
“ไอ้ลูกหมาหัวเน่า กล้าหาญขนาดนี้เชียวหรือ! วันนี้ฉันจะสั่งสอนเธอให้รู้รสชาติสักบ้าง!”
เธอจับตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนเตรียมจะยกมือขึ้นมา พ่อบ้านตกใจ อยากจะเข้าไปช่วย
แต่เห็นทั้งสองคนกำลังตัวติดกัน ไม่รู้ควรจะลงมือช่วยยังไง
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วและดิ้นรนขึ้นมา
หล่อนเจียนีตะโกนด่าไปด้วย มือทั้งผลักทั้งกำลังหยิก
แต่เธอคิดผิดไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนเติบโตในสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่จำความได้ เธอจะคอยเป็นผู้ช่วยที่เก่งที่สุดของผู้อำนวยการสถานสงเคราะห์
ยิ่งกว่านั้นคือหลังจากที่ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาหลายต่อหลายครั้ง จี้จิ่งเชินได้หาคนมาฝึกไว้อย่างดี เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่เหมือนเมื่อก่อนตั้งนานแล้ว
ถึงแม้จะเผชิญหน้ากับหล่อนเจียนีที่ดุร้าย เธอก็ไม่ได้อ่อนแอกว่า แค่ท่าทางเบาๆก็หยุดการกระทำของเธอได้อย่างง่ายดาย
ขณะเดียวกันยังหันหน้าไปสั่งการพวกบอดี้การ์ด
“นำตัวคนๆนี้ออกไป ต่อจากนี้ไปห้ามให้เธอเข้ามาในปราสาทแม้แต่ครึ่งก้าว”
บอดี้การ์ดทั้งหลายรีบเดินหน้าเข้าไป เตรียมจะลากตัวเธอออก
หล่อนเจียนีรู้ตัวว่าแพ้ ในใจยิ่งไม่พอใจ เงยหน้าขึ้นมาจะไปผลักเวินเที๋ยนเที๋ยน
ถึงแม้เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังคุยอยู่กับพวกบอดี้การ์ดอยู่ แต่ก็คอยระวังตัวอยู่ตลอดเวลา
หางตาเห็นท่าทางของเธอ รีบถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว จากนั้นเอียงตัวหลบหนีการโจมตีของเธอ
หล่อนเจียนีนึกไม่ถึงว่าเธอจะหลบออกไป รีบพุ่งตัวเข้าไป จนเบรกตัวไม่ทัน
เธอร้องเสียงดังลั่น “ปั้ง” เสียงกระแทกตรงที่มุมโต๊ะ
รอเงยหน้าขึ้นอีกที หน้าผากก็เกิดเป็นแผลใหญ่ กำลังมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด
หล่อนเจียนีตกใจจนหยุดชะงักอยู่อย่างนั้น จับหน้าผากแล้วถึงรู้ว่าเลือดกำลังไหล จากนั้นตะโกนร้องลั่น
“เวินเที๋ยนเที๋ยน แกกล้าทำอย่างนี้เหรอ! ฉันจะต้องเอาคืนอย่างแน่นอน!”
“แกกล้าทำอย่างนี้กับฉัน! แกคอยดูเถอะ!”
พูดแล้วก็ตะโกนร้องไห้ลั่นบ้าน
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้ว นึกไม่ถึงว่าเธอจะหกล้มไปกระแทกกับโต๊ะ ทำร้ายคนอื่นไม่สำเร็จ กลับเจ็บตัวเสียเอง
แต่ว่าในสายตาเธอไม่มีแม้แต่ความสงสาร แค่มองดูเธออย่างเฉยชา แล้วหันไปสั่งการบอดี้การ์ด
“ตอนนี้เอาตัวเธอออกไปได้ละ”