บทที่ 661 คุณคือของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉัน
“ก็แค่นี้แหละ”
“ขอแค่ในสายตาของเธอยังมีฉัน นั่นก็คือของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เธอให้ฉันแล้ว”
พูดไป เขาก็กอดเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้อย่างนุ่มนวล จากนั้นจึงน้อมตัวลงเล็กน้อยและวางศีรษะของเขาลงบนไหล่ของเธอ ราวกับสุนัขตัวใหญ่ที่กำลังออดอ้อนเจ้านาย
น้ำเสียงที่ส่งผ่านมา ทั้งทุ่มต่ำและหนักแน่นอีกทั้งยังเต็มไปด้วยความรักอย่างเต็มเปี่ยม
“ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ ไม่มีอะไรเทียบได้กับเวินเที๋ยนเที๋ยน ตราบใดที่เธอยังอยู่เคียงข้างฉัน ฉันก็จะสามารถจับมือเธอ จูบริมฝีปากของเธอได้ นั่นต่างหากคือของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พระเจ้ามอบให้ฉัน”
“ถ้าเป็นไปได้ ฉันยินดีที่จะใช้ทุกสิ่งทุกอย่างแลกมาเพื่อให้มีเธอเคียงข้าง เมื่อคิดดูแล้ว ฉันยังได้เปรียบเสียมากกว่า”
หัวใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกอบอุ่น ความรู้สึกผิดของเธอค่อยๆ ถูกขจัดออกไป มือของเธอโอบรอบเอวของจี้จิ่งเชิน
“แต่ของมากมายขนาดนั้น หากทำแค่อยู่ข้างๆ คุณ คงจะต้องใช้เวลาตลอดชีวิตในการตอบแทนคืนให้แก่คุณ”
จี้จิ่งเชินหัวเราะ เสียงของเขาทุ้มต่ำ และเอ่ยเข้าสู่หูของเวินเที๋ยนเที๋ยน จนทำให้แก้มของเธอแดงระเรื่อขึ้นมา
จากนั้น เธอก็ได้ยินจี้จิ่งเชินเอ่ยขึ้นอีกว่า “ถ้าเป็นตลอดทั้งชีวิตก็ดีน่ะสิ”
นี่แต่เดิมก็คือแผนการของเขา
แผนการที่ถูกวางเอาไว้เนิ่นนานแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
ในเวลานั้นเอง แสงแดดกำลังสาดส่องเข้ามาจากหน้าต่างบริเวณทางเดิน และตกใส่คนทั้งสอง
ใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนประดับด้วยรอยยิ้ม แสงที่ตกกระทบลงมา ทำให้ดวงตาของเธอเปล่งประกายสีทองงดงาม
ในวินาทีนี้ เธอรู้สึกได้ถึงความสุขอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนและกอดจี้จิ่งเชินเอาไว้แน่น
เธอหวังเป็นอย่างยิ่งจริงๆ ว่า จี้จิ่งเชินเองก็จะอยู่ร่วมกับเธอตลอดไป แบบนั้นถึงทำให้เธอไม่โดดเดี่ยว
ในไม่ช้า การถ่ายทำภาพยนตร์ก็เริ่มขึ้น และดำเนินไปอย่างรวดเร็วโดยปราศจากการแทรกแซงของคนอื่นๆ อีก
ในช่วงเวลาเพียงเดือนกว่าๆ การถ่ายทำที่จำเป็นทั้งหมดก็เสร็จสิ้นลง
หลังจากการซ่อมฉาก ในที่สุดมันก็พร้อมสำหรับการเปิดตัวก่อนสิ้นปี
ในขณะเดียวกัน ทันทีที่ข่าวถูกแพร่ออกไป ก็ทำให้เกิดการพูดคุยกันอย่างร้อนแรงในหมู่ชาวเน็ต
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่านักแสดงนำก็คือหมินอันเกอซึ่งหายไปเป็นเวลานาน ก็ยิ่งดึงดูดการพูดคุยขึ้นมา
ก่อนหน้านี้เรื่องของหมินอันเกอและหลวนจื่อลือลั่นดังสนั่น พฤติกรรมด้านลบมากมายของเขาทำให้ภาพลักษณ์บุคคลผู้ทำงานหนักต้องพลิกผันจนถึงขนาดต้องออกจากแวดวงบันเทิง! มีแฟนคลับไม่น้อยที่เปลี่ยนไปเป็นแอนตี้แฟน และไม่พอใจอย่างยิ่งกับพฤติกรรมของเขา ถึงขนาดรวบรวมรายชื่อให้เขาออกจากวงการบันเทิง!
ตอนนี้เมื่อเห็นคนกลับมาอีกครั้ง อีกทั้งยังทำหน้าที่เป็นนักแสดงนำ ก็ยิ่งทำให้คนไม่พอใจ
ในวันเดียวกันนั้นเอง มีบางคนเริ่มการคว่ำบาตรบนอินเทอร์เน็ตและปฏิเสธที่จะดูภาพยนตร์เรื่องนี้เพราะหมินอันเกอ อีกทั้งยังเรียกร้องให้นำภาพยนตร์เรื่องนี้ออกจากชั้นวางทันทีภายในหนึ่งสัปดาห์
ผู้คนที่ไม่เห็นด้วยกับภาพยนตร์เรื่องนี้มีมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังมีการค้นหาเกี่ยวกับเรื่องราวก่อนหน้านี้และพฤติกรรมเชิงลบของหมินอันเกอ และเกิดการต่อต้านอย่างมาก
ตอนนี้ภาพยนตร์ยังไม่ได้ฉาย แต่กลับถูกชาวเน็ตจำนวนมากคว่ำบาตร
ไม่ว่าหนังเรื่องนี้จะถ่ายดีมากแค่ไหน พวกเขาก็จะไม่เข้าโรงภาพยนตร์เพื่อชมมันแน่
ยังไม่ได้เผยแพร่ก็มีกระทบเชิงลบมากมายเช่นนี้ เพียงพริบตาคนในกองถ่ายที่แต่เดิมเต็มไปด้วยความมั่นใจและเตรียมพร้อมสำหรับการทำงานอย่างเต็มที่ก็รู้สึกหดหู่ใจ
หมินอันเกอหลังจากได้ยินข่าว ก็รู้สึกสำนึกผิดอย่างยิ่ง และขมวดคิ้วไปทั้งวันด้วยความเป็นกังวล
ตอนนี้บนอินเทอร์เน็ต การต่อต้านภาพยนตร์และตัวเขาทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ มีหัวข้อและโพสต์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุด ทุกวันมีผู้คนนับแสนกำลังถกเถียงกัน
มีหัวข้อ “หากไม่หาคนมาแสดงนำแทนหมินอันเกอ พวกเขาจะไม่ดูภาพยนตร์เรื่องนี้” ถูกรวบรวมลงรายชื่อเอาไว้ อีกทั้งยังมีผู้ต่อต้านเดินกว่าสองแสนคนไปแล้ว”
หากพวกเขาทำได้จริงๆ ภาพยนตร์ก็ต้องล้มเหลวลงก่อนที่จะออกฉายด้วยซ้ำ
แต่ความต้องการของพวกเขานั้นไม่มีทางเป็นไปได้เลย!
ตอนนี้ก็เกือบจะสิ้นปีแล้ว การตรวจสอบเองก็กำลังจะมาถึง ไม่มีเวลาให้เปลี่ยนตัวนักแสดงหลักเหลือเลยสักนิด
ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนในทีมงานต่างพอใจกับการแสดงหมินอันเกอมาก
เหมือนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนกล่าวเอาไว้ ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างขึ้นเพื่อเขา หากมีการเปลี่ยนแปลงเป็นบุคคลอื่น ก็จะไม่สามารถเล่นได้อย่างที่พวกเขาวาดหวังเอาไว้แน่
แต่เมื่อเผชิญกับข้อเรียกร้องที่ไม่มีเหตุผลจากชาวเน็ต ทีมงานทั้งหมดก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ในตอนนี้ หมินอันเกอหาเวินเที๋ยนเที๋ยน และเป็นฝ่ายเสนอให้เปลี่ยนนักแสดงนำชายมาแทนตน และขอแค่ให้ภาพยนตร์สามารถออกฉายตามปกติ
แต่ทันทีที่พูดจบ เขาก็ถูกปฏิเสธโดยเวินเที๋ยนเที๋ยน
“ไม่มีทาง”
แม้จะรู้ดีว่าหมินอันเกอกำลังพยายามทำเพื่อประโยชน์ของสถานการณ์โดยรวม และทำให้พวกเขาสามารถชนะงานประกวดภาพยนตร์
แต่ความคิดนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้นจริง
บางทีอาจจะเพราะถูกความเป็นจริงและความคิดเห็นที่หุนหันพลันแล่นของชาวเน็ตทำให้จิตใจสับสน หมินอันเกอผู้สงบนิ่งไม่สนใจเรื่องอื่นใดมาโดยตลอด กลับเอาความผิดทั้งหมดมาไว้ที่ตนเอง
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างเคร่งเครียด และเอ่ยอย่างจริงจังว่า “ที่ตอนแรกฉันเลือกคุณเป็นพระเอกของหนังเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่เพราะคุณกับฉันเป็นเพื่อนกัน แต่เพราะหลังจากที่ฉันได้พิจารณาอย่างรอบด้านแล้วถึงตัดสินใจว่าเป็นคุณ”
“คุณจะต้องสามารถทำได้อย่างที่ใจของฉันต้องการ อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงบทบาทของพระเอกได้อย่างสำเร็จ บทนี้ต้องเป็นของคุณเท่านั้น หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นจะไม่มีทางทำได้สำเร็จ มาตอนนี้แค่เพราะคำกล่าวของคนบนอินเทอร์เน็ตไม่กี่คน คุณก็ยอมแพ้แล้วหรือ?”
เมื่อเห็นว่าท่าทีออกของหมินอันเกอยังลังเล เธอจึงพูดอย่างหนักแน่นว่า “อย่างน้อยที่สุด ต่อให้มีการเปลี่ยนตัวนักแสดงจริง ก็ไม่มีทางตอบสนองความคิดของทุกคนได้อยู่ดี ขอแค่มีสักคนที่คัดค้าน พวกเราก็ต้องเปลี่ยนแบบนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จะไม่มีวันได้ฉายแน่”
แต่หมินอันเกอลังเล
“เมื่อวานผมเห็นความคิดเห็นเหล่านั้นบนอินเทอร์เน็ต หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป หนังเรื่องนี้จะไม่มีโอกาสได้ฉายแน่ๆ”
ถ้าเขาสามารถใช้ตัวเขาเพียงคนเดียวเพื่อแลกกับการวางฉายหนัง เขาคิดว่ามันคุ้มค่า
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนเทียนไม่คิดเช่นนั้น
เธอลุกขึ้นยืนและเดินไปที่หมินอันเกอ
“คุณวางใจเถอะ ไม่มีทางเกิดเรื่องแน่ ดังนั้นการโปรโมตบางส่วนจะดำเนินการตามที่เราได้พูดคุยกันก่อนหน้านี้ คุณไม่ต้องกังวล”
หมินอันเกอขมวดคิ้ว
เขารู้ซึ้งดีถึงความสำคัญของแฟนๆ ในบ็อกซ์ออฟฟิศ ดังนั้นเขาถึงได้เกิดความลังเลขึ้นมา
แต่ในเวลานี้เมื่อได้เห็นสายตาที่มุ่งมั่นของเวินเที๋ยนเที๋ยน ความสงสัยในใจจึงได้แต่ลดลงมา
“ก็ได้ ถ้าหากมีอะไรที่ผมสามารถทำได้ ผมพร้อมที่จะทำเสมอ”
“แน่นอน เพียงแต่ก่อนหน้านี้คุณเหนื่อยกับการถ่ายทำมามากแล้ว ถือโอกาสใช้ประโยชน์จากช่วงนี้เพื่อพักผ่อนอย่างเต็มที่เถอะ”
หลังจากส่งหมินอันเกอที่เต็มไปด้วยความกังวลหลับไป สีหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมา
แม้ว่าเธอจะปลอบหมินอันเกอให้คลายกังวล ทุกอย่างจะเป็นไปตามแผน แต่เธอก็อดกังวลไม่ได้ เมื่อนึกถึงความคิดเห็นของชาวเน็ตเหล่านั้น
ในขณะที่กำลังคิด ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง
เธอคิดว่ามันเป็นหมินอันเกอที่คิดไม่ตกและกลับมาอีกครั้ง เธอพูดขึ้นโดยไม่เงยหน้า “ไม่ต้องกังวล ฉันจะแก้ปัญหาทุกอย่างเอง”
พูดจบ ยังไม่รอเสียงของหมินอันเกอดังขึ้น เธอกลับได้ยินเสียงของจี้จิ่งเชินพูดแทน
“ต้องแก้ไขอะไร?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ และพบจี้จิ่งเชินยืนอยู่ที่ประตู