บทที่ 680 เปิดโปงหลักฐาน
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินเข้าไปในห้องประชุม ทุกคนที่นั่นเมื่อเห็นเธอสีหน้าก็เปลี่ยนไป โดยเฉพาะนั่งอยู่ด้านหน้าสุดอย่างหล่อนเจี้ยนกั๋วที่ซีดลงในทันที
หลังจากได้รับข่าวคืนก่อน เขาก็รีบหาแผนรับมือ วันนี้ตอนเช้าก็เรียกหาผู้ถือหุ้นหลายคน ก่อนที่เวินเที๋ยนเที๋ยนจะลงมือ ก็ชิงลงมือก่อน รีบไล่เธอออกจากกิจการของตระกูลหล่อน
แต่คิดไม่ถึงว่า เธอจะได้รับข่าวเร็วขนาดนี้
สายตาของเขาก็มองไป เห็นผู้จัดการหยางที่เดินตามหลังเวินเที๋ยนเที๋ยนเข้ามา
มิน่าทำไมถึงได้มาเร็วขนาดนี้ ที่แท้ก็มีคนคาบข่าวไปบอก
หลังจากที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินเข้ามาแล้ว กวาดสายตามองหลายคนที่นั่งอยู่
ทุกคนสัมผัสได้ถึงสายตาของเธอ ค่อย ๆ หลบสายตา ไม่กล้าสบตา และไม่รู้ว่าที่พวกเขาคุยกันเมื่อสักครู่เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินไปมากน้อยแค่ไหน หวาดผวาขึ้นมากันในพริบตา
สองฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน หล่อนเจี้ยนกั๋วลุกขึ้นยืนก่อน
“เวินเที๋ยนเที๋ยน เช้าขนาดนี้รีบมาเอาบริษัทเธอคืนเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้ตอบ และเดินเข้าไปเรื่อย ๆ จนถึงด้านหน้าโต๊ะประชุม
ถึงค่อย ๆ เอ่ยปาก: “ถ้าหากฉันไม่กลับมา เกรงว่าทั้งบริษัทคงถูกพวกคุณเอาเข้ากระเป๋าไปหมด ไม่มีตำแหน่งของฉันแล้วน่ะสิ”
ได้ยินแบบนั้น หล่อนเจี้ยนกั๋วหัวเราะ
“เวินเที๋ยนเที๋ยน คุณก็ช่างขี้เล่น ตอนนี้คุณก็ชนะเดิมพันพวกเราแล้ว ทั้งบริษัทก็เป็นของคุณ พวกเราไม่มีสิทธิ์แทรกแซงแล้ว เธอฟังคำใส่ร้ายจากพวกปลาซิวปลาสร้อย แล้วกังวลเกินไป”
สายตาเขากวาดมองผู้จัดการหยางอย่างจงใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มบาง ๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่เนิบนาบ
“ฉันกลับไม่ได้กังวลเกี่ยวกับหลายคนที่จะละเมิดสัญญาเดิมพัน อย่างไรก็ตามพนักงานอาวุโสมากกว่าครึ่งก็เป็นพยานให้พวกเรา ต่อให้ระหว่างทางจะเกิดความผิดพลาดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าพวกเขาไม่น่าจะมองไม่เห็น ใช่ไหม?”
ประธานหล่อนกัดฟันกรอดทันที คิดไม่ถึงว่าคนที่ตนเองเรียกมาเป็นพยานให้ตนเอง ตอนนี้กลับทำให้ตนเองนั้นกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เขาเก็บสายตากลับมา หัวใจบีบแน่นอยู่นานถึงหัวเราะแห้ง ๆ ออกมา
“แน่นอน ทั้งบริษัทล้วนเป็นพยานของพวกเรา ในเมื่อเธอชนะแล้ว พวกเราไม่มีทางเปลี่ยนใจอย่างเด็ดขาด”
“ในธุรกิจของตระกูลหล่อน การเลือกประธานตลอดมาจะเปิดเผยต่อสาธารณะเสมอ สายเลือดของตระกูลหล่อนมีค่ามากกว่าทั้งหมด เธอเป็นคนที่คุณนายหล่อนเลือกมารับช่วงต่อด้วยตัวเอง ทั้งสภาพการณ์และเหตุผล ล้วนน่าจะเป็นเธอมาดูแลบริษัท คนอื่นไม่มีสิทธิ์แทรกแซงอยู่แล้ว”
คำพูดของเขาเห็นด้วยกับเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างชัดเจน ในน้ำเสียงตรงไปตรงมาเป็นอย่างมาก บอกว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนสามารถรับผิดชอบบริษัทได้ ไม่เกี่ยวกับความสามารถ แต่เป็นเพราะชาติกำเนิดของเธอเท่านั้น
พูดพลาง เขาก็ยิ้มอย่างลำพองใจ เอ่ย: “ที่แท้แล้วเป็นใครปล่อยข่าวโคมลอยแบบนี้ เพื่อใส่ร้ายพวกเราอย่างแน่นอน”
ผู้จัดการหยางลนลาน เมื่อกี้เขากับเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ข้างนอกประตู และได้ยินอย่างชัดเจน
คนพวกนี้ที่พูดคำพูดพวกนั้น แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนท่าทางเป็นอีกอย่าง สมกับเป็นฝูงหมาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์จริง ๆ!
ผู้จัดการหยางรู้ว่าในใจพวกเขาคิดอะไร จึงกอดกล่องในอ้อมแขนแน่นขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่ได้โกรธ ทั้งยังพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“อย่างนี้นี่เอง ประธานและกรรมการบริหารความสัมพันธ์ใกล้ชิดมาโดยตลอด ต่อไปฉันดูแลบริษัทยังหวังว่าหลายท่านจะช่วยเหลือ ทำให้บริษัทเจริญก้าวหน้า”
“แน่นอน นี่มันแน่นอนอยู่แล้ว” เมื่อพูดจบกรรมการคนหนึ่งก็เอ่ยปากสมทบ
“ทุกคนล้วนเป็นพนักงานของตระกูลหล่อน การพยายามอย่างหนักเพื่อบริษัทก็เป็นเรื่องที่อยู่ในหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ”
หลายคนทยอยพยักหน้าทีละคน มีเพียงหล่อนเจี้ยนกั๋วที่ไม่ได้พูดอะไร
สายตาเวินเที๋ยนเที๋ยนกวาดมองหลายคนไปทั่ว
“ในเมื่อทุกคนอยู่ตรงนี้แล้ว ฉันเองก็ไม่อยากวิ่งมาที่นี่อีกแล้ว”
เธอพูดพลางท่าทางค่อย ๆ เคร่งขรึมขึ้น น้ำเสียงเย็นเยือกลงไม่น้อย
“ฉันเดิมพันกับประธานหล่อน เพียงแต่ว่าช่วงเวลาที่เดิมพันอยู่นั้นภายในบริษัทก็เกิดเรื่องบางอย่างขึ้น เกี่ยวข้องกับบริษัท เชิญทุกคนเป็นพยานเหมือนกัน ช่วยฉันดูหน่อยว่าสุดท้ายแล้วควรทำอย่างไรดี”
พูดจบ เธอโบกมือให้ผู้จัดการหยาง
ผู้จัดการหยางก้าวไปข้างหน้าทันที นำกล่องในมือวางลงบนโต๊ะ
เวินเที๋ยนเที๋ยนรับมาพลางพูด: “ทุกท่านเห็นในเอกสารนี้แล้ว ก็ไม่ต้องตกใจเกินไป แต่ช่วยฉันคิดหน่อย ว่าควรตัดสินอย่างไร”
เธอพูดพลางเปิดกล่องออก นำเอกสารหลายฉบับข้างในแจกจ่ายให้ทุกคนคนละหนึ่งฉบับ
เมื่อสักครู่ตอนหล่อนเจี้ยนกั๋วเห็นผู้จัดการหยางหอบกล่องเข้าไปด้วย ในใจก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
ตอนนี้เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนเปิดกล่อง ส่งเอกสารในมือมา
แววตาเจือด้วยรอยยิ้มมองหล่อนเจี้ยนกั๋ว พลางพูด: “โดยเฉพาะประธานหล่อนที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด การตัดสินใจของคุณสำคัญสำหรับฉันมาก”
กรรมหาหล่อนรับมาอย่างงงงวย เมื่อกวาดสายตาอ่านเอกสาร เหงื่อกาฬก็ไหลซึมออกมาในทันที
เมื่อกรรมการหลายคนที่นั่งอยู่อ่านแล้ว ก็ทยอยกังวลขึ้นมา ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อบนศีรษะ หัวเราะแห้ง ๆ
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ท่านประธานคุณตัดสินเองก็ได้แล้ว”
“ใช่แล้ว เดิมพันก่อนหน้านี้พวกเราได้ตกลงกันแล้ว คุณชนะการแข่งแล้ว กรรมการไม่สามารถยื่นมือเข้าไปยุ่งงานของบริษัทได้ พวกเราไม่มีสิทธิ์จัดการเรื่องนี้แน่นอน”
“ตอนนี้พวกเราแค่ฟังประธานชี้ขาด”
เนเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า หันไปมองหล่อนเจี้ยนกั๋วที่อยู่ด้านข้างอย่างใช้ความคิด
เห็นสีหน้าของเขาห่อเหี่ยว ราวกับแก่ขึ้นไปเป็นสิบปีในชั่วข้ามคืน แทบจะยืนไม่มั่นคง มือค้ำไว้บนโต๊ะ ฝืนร่างกายไว้
เขาไม่ได้เปิดดูต่อ เพราะบนเอกสารนี้ ทุกตัวอักษรทุกประโยค เขารู้ดีอยู่แก่ใจ
พวกนี้ คือหลักฐานที่เขายักยอกเงินของบริษัท!
แต่ว่า เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้ได้อย่างไร?
เขาครุ่นคิด อยู่ ๆ ก็หันไปมองทางผู้จัดการหยาง
เป็นมัน!
ต้องเป็นมันแน่ ๆ ที่ส่งข้อมูลออกไป!
แต่ตอนนี้ไม่มีเรื่องที่ต้องเสียดายแล้ว หล่อนเจี้ยนกั๋วหัวเราะฝืน ๆ ออกมา
ไม่คิดว่าเขาคิดไว้อย่างดีแล้ว ยังคิดตกหล่นในจุดนี้อย่างคาดไม่ถึง
ข้อมูลพวกนี้ ถ้าเขาหูทีมตรวจสอบของเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในคุก
ให้เขาชำระคืนเงินของบริษัทที่ยักยอกไป มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ต่อให้ทั้งตระกูลเขาชดใช้ ก็สามารถใช้คืนได้แค่ครึ่งหนึ่งของทั้งหมดเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเลขนี้เป็นจำนวนที่มากเกินไปจริง ๆ ดังนั้นตอนนั้นแม้รู้ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนมีความเป็นไปได้ที่จะชนะการแข่งขันนี้ เขาก็ยังเลือกที่จะปลีกตัวไปจัดการจุดอ่อนและหลักฐานพวกนั้น
แต่คิดไม่ถึงว่าเขาเองคิดว่าตนเองได้จัดการอย่างสะอาดเรียบร้อยแล้ว กลับยังประเมินค่าคนที่อยู่ข้างเวินเที๋ยนเที๋ยนต่ำไป
ผู้จัดการหยางคนนั้นปกติมักดูหน้าตาอัปลักษณ์ ต่ำต้อย คิดไม่ถึงว่าเขาแอบซ่อนหลักฐานไว้มากมายขนาดนี้
คิดถึงตรงนี้ ในใจประธานหล่อนก็เหี่ยวเฉา รู้สึกว่าอนาคตของตนเองและหนทางข้างหน้าตั้งแต่นี้ไปได้พังพินาศไปแล้ว
ร่างกายเขาสั่นอย่างรุนแรง มือกำหมัดแน่น
เอกสารในมือเขาถูกขยำจนเป็นก้อนกลม กลายเป็นเศษกระดาษ