บทที่ 704 ต่อไปท้องฟ้าจะสดใส
เวลานี้จิตใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นจดจ่ออยู่กับเหยาเย้นและเวินหมิงเฮ่า
สามารถพูดได้ว่า เหยาเย้นกลับไปหาหลักฐานที่ตระกูลเวินแทนเธอ ตอนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ ยิ่งทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกโทษตัวเองมากขึ้น
เมื่อถึงโรงพยาบาลแล้วนั้น เวินหมิงเฮ่าก็ถูกส่งตัวไปยังห้องผ่าตัด เหยาเย้นที่ยืนอยู่หน้าประตูนั้นไม่ยอมจากไปไหนเลย
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นว่าทั้งร่างกายของเธอนั้นเต็มไปด้วยเลือด มีทั้งของตัวเองและเปื้อนมาจากร่างของหมิงเฮ่า ใบหน้าบวมช้ำ มีลักษณะที่ยากลำบากยิ่งนัก
“เหยาเย้น คุณไปทำแผลก่อนดีกว่านะคะ อย่ารอให้หมิงเฮ่าออกมาแล้วเขาจะตกใจเสียเปล่าๆ”
ได้ยินแล้ว เหยาเย้นถึงได้ขยับตัวขึ้นมา แล้วเดินออกไปทางด้านนอกกับเวินเที๋ยนเที๋ยน
บาดแผลที่ร่างของเธอนั้นสาหัสมาก แม้แต่คุณหมอที่จะทำแผลและล้างแผลให้เธอนั้นเห็นแล้วยังตกใจ รีบดึงตัวเธอเข้ามา
หลังจากตรวจแล้วนั้นถึงพบว่า ไม่เพียงแค่บนใบหน้า แม้แต่ร่างกายของเธอก็ยังมีรอยแผลไม่น้อยอีกด้วย
โดยเฉพาะด้านหลังที่ถูกเตะ ตรงสันหลังของเธอบวมนูนขึ้นมา ช้ำเสียจนน่าตกใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนไปจัดการเรื่องเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลให้ทั้งสองคน จะได้ดูแลกันได้เป็นอย่างดี
จัดการแผลบนร่างกายเสร็จ เปลี่ยนเป็นชุดผู้ป่วยเสร็จแล้วนั้น เหยาเย้นก็ไม่มีกะจิตกะใจที่จะพักผ่อน จึงกลับมายังหน้าห้องผ่าตัดอีกครั้ง แล้วรอคอยอย่างเงียบๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้ถึงความกังวลที่อยู่ภายในใจของเธอ จึงไม่ได้ห้ามเธออีก คอยมองเธออยู่ไกลๆอย่างโทษตัวเอง
จี้จิ่งเชินยืนอยู่ข้างๆ แล้วดึงเธอเข้ามาอย่างเบามือ
“ไม่ใช่ความผิดของคุณ พวกเขาจะต้องไม่เป็นอะไรนะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า แล้วหันมากอดจี้จิ่งเชินเอาไว้ แล้วค่อยๆเช็ดน้ำตาตรงหางตานั่นกับสูทของเขา
มือหนึ่งของจี้จิ่งเชินโอบเอวเธอเอาไว้ แล้วก้มลงจูบลงบนผมของเธอ
แล้วรออีกสองชั่วโมง ประตูห้องผ่าตัดถึงได้เปิดออกในที่สุด ทั้งสามคนลุกขึ้นยืนอย่างร้อนใจ
เวินหมิงเฮ่าที่อยู่บนเตียงผู้ป่วยถูกเข็นออกมา ดูแล้วสถานการณ์จะดีขึ้นมาไม่น้อย
เหยาเย้นรีบเข้าไปดู เห็นแผลที่ฉีกขาดตรงศีรษะของเขาถูกเย็บเรียบร้อยแล้ว
คุณหมอเอ่ยพูดขึ้นด้วยความโล่งใจ : “ดีที่ส่งมาทันเวลานะครับ แผลที่ศีรษะนับว่ายังไม่สาหัสมาก เลือดหยุดไหลแล้ว รอพักอีกสักระยะหนึ่งก็คงจะฟื้นขึ้นมาแล้วครับ ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร”
เหยาเย้นและเวินเที๋ยนเที๋ยนถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
ใบหน้าของเหยาเย้นนั้นปรากฏรอยยิ้มบางๆออกมา มองใบหน้าของเวินหมิงเฮ่าด้วยความสงสารจับใจ แล้วตามเขาไปยังห้องพักผู้ป่วย
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังรู้สึกไม่วางใจอยู่บ้าง กังวลว่าเหยาเย้นจะเอาแต่ดูแลหมิงเฮ่า จนลืมตัวเอง
และเพิ่งจะเดินมาถึงประตูห้องพักผู้ป่วย และกำลังจะเปิดประตูนั้น กระจกตรงประตูก็สามารถมองเห็นเหยาเย้นที่นั่งอยู่ข้างๆเตียงของเวินหมิงเฮ่า สองมือจับเขาแน่น ในแววตานั้นมีรอยยิ้มจางๆปรากฏอยู่
ถึงแม้จะไม่ได้เข้าไปใกล้ แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับรับรู้ได้อย่างชัดเจนถึงการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าที่แสดงออกมาจากแววตาของเหยาเย้น
ราวกับว่าภูเขาลูกใหญ่ที่กดทับตรงหน้าอกของเธอมาโดยตลอดนั้นถูกยกออกไปแล้ว ถึงแม้เวลานี้จะตกอยู่ในลักษณะที่ยากลำบาก แต่ก็เชื่อได้ว่า ในอนาคตของเธอท้องฟ้าจะต้องปลอดโปร่งสดใสอย่างแน่นอน
มือที่เวินเที๋ยนเที๋ยนเตรียมจะเปิดประตูนั้นชะงักลง ไม่ได้เข้าไปด้านใน แต่กลับยืนมองสองแม่ลูกที่เหมือนกับได้เกิดใหม่ที่อยู่ด้านในห้องตรงหน้าประตู แล้วค่อยๆยิ้มออกมา
มีคนดึงมือเธอเอาไว้ เวินเที๋ยนเที๋ยนหันกลับมามองจี้จิ่งเชิน แล้วส่งยิ้มบางๆให้เขา
“เรากลับกันก่อนเถอะค่ะ ให้เวลาพวกเขาอีกสักหน่อย ทางเหยียนเจิ้งเหมือนกับจะยังต้องการหลักฐานบางอย่าง ฉันไปดูหน่อยว่าจะพอช่วยอะไรได้บ้างไหม”
จี้จิ่งเชินนึกถึงข่าวที่ได้รับแจ้งมาเมื่อครู่แล้วจึงเอ่ยขึ้น : “พวกเขาถูกส่งตัวไปที่สถานีตำรวจแล้วครับ ไปตอนนี้น่าจะตามไปทันพอดี”
ว่าแล้ว จึงดึงตัวเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินออกไปทางด้านนอก แล้วมุ่งหน้าไปยังสถานีตำรวจ
เหยียนเจิ้งได้ยินว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนมาที่สถานีตำรวจแล้ว จึงรีบออกมา
วันนี้เป็นครั้งแรกที่เวินเที๋ยนเที๋ยนได้เห็นเขาในแบบที่ใส่ชุดเครื่องแบบตำรวจเช่นนี้ สภาพของเหยียนเจิ้งนั้นนับว่าไม่เลวเลย และใบหน้ายังปรากฏรอยยิ้มออกมาอีกด้วย
“เป็นอย่างไรบ้างคะ? หลักฐานล่ะ?”
“ไม่มีปัญหาครับ!” เหยียนเจิ้งเอ่ยพูดขึ้นอย่างสบายๆ : “ข้อมูลก่อนหน้าที่พวกเราได้รับก็เพียงพอที่จะตัดสินคดีของเขาแล้วล่ะครับ และต่อมาตอนที่เหยาเย้นออกมาก็ได้ให้กุญแจดอกหนึ่งกับพวกเราเอาไว้ ตามที่เธอบอกมา พวกเราได้ไปเปิดตู้เซฟใบนั้นในห้องหนังสือของเวินฉี่แล้ว ข้างในนั้นยังพบหลักฐานอีกไม่น้อยเลยครับ”
“ตอนนี้เขาทำผิดซ้อนผิด ไม่ว่าจะอย่างไรก็ลบล้างไม่ได้แล้ว”
ได้ยินแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้สึกโล่งใจด้วยเช่นกัน แบบนี้ก็ดีแล้ว
เช่นนี้ความยากลำบากที่พวกเหยาเย้นได้รับก่อนหน้านี้ ก็มีการตอบแทนแล้วเช่นกัน มิน่าล่ะคนทั้งสถานีตำรวจนี้ถึงได้ดูดีใจกันขนาดนี้
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เหยียนเจิ้งหยิบเอาข้อมูลที่อยู่ในมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจมา แล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง : “พวกคุณจะไปดูเขาไหมครับ?”
“ไปเจอหน้าได้หรือคะ?”
“ตอนนี้ยังได้อยู่ครับ รออีกสองวันก็คงจะไม่ได้แล้วล่ะครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดแล้ว จึงเอ่ยขึ้น : “ถ้าอย่างนั้นให้ฉันได้พบเขาหน่อยนะคะ”
ได้ยินแล้วนั้น เหยียนเจิ้งจึงเรียกนายตำรวจสองคนมา แล้วให้พวกเขาพาเวินเที๋ยนเที๋ยนเข้าไปพบเวินฉี่ แล้วจึงหันกลับไปยุ่งกับงาน
เวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินเดินเข้ามาด้านในด้วยกัน มาถึงยังห้องขัง เห็นเวินฉี่กำลังนั่งอยู่ด้านใน
เวลานี้เขาได้เปลี่ยนเป็นชุดเครื่องแบบในเรือนจำเรียบร้อยแล้ว ท่าทางดูแก่ไปมาก
ไม่คาดคิดเลย ว่าก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อน เขาที่ยังดูมีชีวิตชีวานั้นราวกับแก่ลงไปอีกเป็นสิบปีเพียงชั่วข้ามคืน
เขานั่งอยู่ด้านใน สายตาของเขาไร้ความรู้สึก จ้องมองเพียงแต่อากาศอยู่เพียงจุดเดียว ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ได้ยินเสียงฝีเท้า จึงเงยหน้าขึ้นมามอง
เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว สีหน้าก็ยิ่งดูแย่ลงไปอีก
“แกยังมีหน้ามาที่นี่อีกหรือ?” เขาเอ่ยขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาแวบหนึ่ง แต่กลับไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับถามตำรวจที่อยู่ข้างๆ : “ฉันอยู่เจอเขาได้นานแค่ไหนคะ?”
“อย่างมากๆก็สิบนาทีครับ เร็วหน่อยแล้วกันนะครับ”
ว่าแล้วก็หันกลับออกไป พลางปิดประตูให้ด้วย
ตั้งแต่ที่พวกเขาเข้ามานั้น เวินฉี่ก็จ้องมองด้วยความดุเดือดและสายตาที่มืดมนตลอดเวลา
“แกวางแผนเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม?” เวินฉี่เอ่ย
เวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินนั่งลงตรงหน้าเขา ครั้งนี้ไม่ได้โต้แย้งไปอีก แต่กลับพยักหน้าลงอย่างตรงไปตรงมา
“ใช่ สองสามเดือนก่อน พวกเราได้เริ่มรวบรวมหลักฐานเอาไว้แล้ว บวกกับข้อมูลเหล่านั้นที่คุณซ่อนเอาไว้ในตู้เซฟ ตอนนี้คุณดิ้นไม่หลุดกับโทษที่คุณทำไว้หรอก”
เวินหงไห่ได้ยินแล้ว กลับหัวเราะเยาะขึ้นมา
“ฉันประเมินค่าแกต่ำเกินไป ไม่คิดเลยว่าแกจะรับมือได้ยากกว่าหล่อนหลีนั่นเสียอีก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้พูดอะไรออกมาเขาจึงเอ่ยพูดขึ้นต่อ : “แต่แกคิดว่าแบบนี้ จะสามารถเอาชนะตระกูลเวินได้อย่างนั้นหรือ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยขึ้นเพียงว่า : “ตอนนี้คุณกับเวินหงไห่ก็เข้าคุกมาแล้วนี่คะ”
“แค่นี้เองหรือ?”
เวินฉี่เงยหน้าขึ้นมาแล้วหัวเราะ “ตระกูลเวินไม่มีวันล้มหรอก”
เห็นท่าทางเขาเช่นนี้แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงขมวดคิ้วขึ้นมา ในใจนั้นรู้สึกงงงวย
คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไรกัน?
ที่เขาพูดก็คือ เวินหงหยู้ที่กำลังไปเที่ยวพักผ่อนกับคุณนายหล่อน? หรือเวินหมิงเฮ่าที่ถูกทำร้ายแล้วยังอยู่ที่โรงพยาบาลกัน?
หรือว่าเขาจะยังรู้สึกว่า ทั้งสองคนจะยืนอยู่ทางฝั่งเดียวกันกับเขา?
มองโลกในแง่ดีเกินไปแล้ว
“รับรู้ถึงความเป็นจริงได้แล้วนะคะ” เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยขึ้น : “ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาของตระกูลเวินแล้ว ไม่มีใครที่จะช่วยคุณได้หรอก”
เวินฉี่จ้องมองเธอด้วยความเคียดแค้น แล้วลุกขึ้นมาทันที โต๊ะตัวนั้นถูกเขาคว่ำเสียจนเกิดเสียงดัง
“ฉันทุ่มเททุกอย่างเพื่อตระกูลเวินทั้งหมดก็เป็นเพราะแก! เวินเที๋ยนเที๋ยน!”
เขากัดฟันด้วยความเคียดแค้น : “ฉันแทบอยากจะบีบคอแกให้ตายๆไปซะตั้งแต่ตอนที่แกเกิดมาแล้ว!”