บทที่ 723 อดทนอย่างยากลำบาก
ถึงแม้ว่าจี้จิ่งเชินจะรู้มาตั้งนานแล้ว หล่อนเจียนีกับหลิวเหม่ยหลันย้ายเข้ามาอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลหล่อนนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ อีกทั้งต้องหาเรื่องก่อความวุ่นวายอย่างแน่นอน แต่เป็นเพราะเวินเที๋ยนเที๋ยนยืนกราน ตกลงให้เขากลับมา
แต่คิดไม่ถึงว่าวันแรก ทั้งคู่ก็ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนห่อเหี่ยวได้ขนาดนี้
พอเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนที่ยังนอนไม่เต็มอิ่ม ถูกปลุกให้ตื่นตั้งแต่เช้ามืด ท่าทางดูง่วงนอน และยังไม่ได้ทานข้าวเช้าอีก ถึงขนาดหิ้วท้องที่หิวออกจากบ้าน จี้จิ่งเชินก็ไม่อาจยับยั้งความโกรธในใจของเขาได้
เมื่อตอนอยู่ที่ประสาทเก่าบ้านตระกูลหล่อน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มื้อเช้าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในทุกวัน ต่อให้มีเรื่องอื่นที่ทำให้ล่าช้าก็เถอะ จี้จิ่งเชินก็จะเตือนคนอื่นๆให้ปรับเปลี่ยนเวลา เติมเต็มท้องของเวินเที๋ยนเที๋ยน โดยไม่ให้ได้รับความลำบากเลยแม้แต่น้อย
แม้แต่เพื่อที่จะทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนได้นอนหลับอย่างเต็มที่ ในช่วงที่บริษัทงานยุ่ง จี้จิ่งเชินก็ยังควบคุมเป็นพิเศษ
แต่คิดไม่ถึง คนที่เขาดูแลมาเป็นอย่างดี เมื่อส่งไปอยู่ที่ตระกูลหล่อนวันแรก ก็ถูกทรมานจนเป็นแบบนี้ แม้แต่ร่างกายของตัวเองยังดูแลไม่ได้ด้วยซ้ำ
ตั้งแต่ที่รถเริ่มออกจากคฤหาสน์ตระกูลหล่อน จี้จิ่งเชินหน้านิ่ง ปลดปล่อยความเยือกเย็นออกมารอบๆอย่างต่อเนื่อง จนเวินเที๋ยนเที๋ยนที่นั่งอยู่ข้างๆจะโดนแช่แข็งอยู่แล้ว
“จี้จิ่งเชิน?”
พอเวินเที๋ยนเที๋ยนพูด ก็ทำให้บรรยากาศที่เย็นเยือนเริ่มสลายลง
ความเยือกเย็นบนใบหน้าของจี้จิ่งเชินก็ค่อยๆนุ่มนวลขึ้น ความเยือกเย็นในอากาศก็ค่อยๆเพิ่มอุณหภูมิสูงขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างประหม่า เมื่อตอนที่จี้จิ่งเชินหันหน้ามองมา ใบหน้าของเขาก็มีรอยยิ้มจางๆแล้ว อ่อนโยนมาก ต่างกับเมื่อกี๊อย่างกับเป็นคนละคน
“คุณโกรธเหรอคะ?” เวินเที๋ยนเที๋ยนถาม
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วเล็กน้อย ทำหน้าครุ่นคิด แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับไป
แต่กลับพูดว่า: “ถ้าหากเป็นไปได้ ผมอยากจะแย่งคุณคืนมา”
เขาพูด และไม่ได้รอให้เวินเที๋ยนเที๋ยนตอบ ก็รีบพูดขึ้นอีกครั้ง “แต่ผมรู้ว่าคุณไม่ยอมแน่นอน”
จี้จิ่งเชินหันมา โอบเอวของเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้ ค่อยๆก้มหน้าลง แล้ววางหน้าผากลงบนหน้าอกของเธอ หวังจะยืมมันเพื่อใช้ระงับความร้อนรุ่มในใจของตน
“เที๋ยนเที๋ยนยอมที่อยู่กับสองแม่ลูกนั้น โดยไม่ยอมกลับประสาทเก่า มันทำให้ผมรู้สึกว่า สองคนนั้นสำคัญกว่าผม”
จี้จิ่งเชินพูดน้ำเสียงที่ต่ำและแฝงไปด้วยความน้อยใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนหน้าแดงเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองคนขับรถที่อยู่ข้างหน้า
ถึงแม้เธอจะได้ฟังคำพูดที่แสดงออกถึงความรักจากคนที่หน้าตาเย็นชาอย่างจี้จิ่งเชินอยู่บ่อยๆ แต่ไม่ว่าจะได้ฟังกี่ครั้ง เธอก็อดเขินจนหน้าแดงไม่ได้
เห็นว่าคนขับรถไม่ได้มองพวกเขา เวินเที๋ยนเที๋ยนก็อธิบาย: “นั่นมันเป็นคฤหาสน์ที่ตระกูลหล่อนสืบทอดมาหลายชั่วอายุคนแล้ว อีกทั้งคุณนายหล่อนมอบมันให้ฉัน แน่นอนฉันต้องปกป้องมันให้ดี……”
“ผมรู้” จี้จิ่งเชินตอบ แต่ก็ยังไม่ค่อยจะยอม “เที๋ยนเที๋ยนคุณคิดจะชดเชยให้ผมยังไง?”
“ชดเชย?”
“คุณทอดทิ้งคู่หมั้นของตัวเอง ไปอยู่กับคนอื่น ถึงขนาดอดหลับอดนอนเพราะพวกเขา ถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับ คุณไม่ควรจะชดเชยให้ผมหรอกเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยอึ้งไปสักพัก กินไม่ได้นอนไม่หลับคำนี้ เหมือนจะไม่ใช้แบบนี้นะ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา กับการที่จี้จิ่งเชินตีความสำนวนผิดไป
เธอบีบมือ ด้วยความเขินอาย “รอให้ฉันแก้ไขปัญหาเรื่องหล่อนเจียนีกับหลิวเหม่ยหลันเสร็จหลังจากนั้นค่อย ค่อย……”
เธอพูดอย่างตะกุกตะกัก เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นมองคนขับรถอีกครั้ง
เพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้มองมา แล้วก้มหน้า น้ำเสียงกดต่ำลงไปในลำคอ เหมือนกำลังกระซิบ
“……แล้วค่อยกลับไปหาคุณ”
ถึงแม้ว่าเสียงจะเบามาก แต่กลับเข้าหูของจี้จิ่งเชินตั้งแต่คำแรกเลย
ไม่เปิดโอกาสให้เวินเที๋ยนเที๋ยนเปลี่ยนใจ จี้จิ่งเชินพยักหน้า รอยยิ้มที่อ่อนโยนและน่ารักปรากฏในดวงตาของเขา
“ผมช่วยคุณได้……”
ยังไม่ทันพูดจบ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รีบขัดจังหวะเขา
“ไม่ได้!”
น้ำเสียงของเธอหนักแน่นมาก
“ฉันอยากลองทำมันด้วยตัวเอง”
จี้จิ่งเชินลังเลเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนกัดฟัน มือคล้องไปที่คอของเขา แล้วกล่าว: “ได้หรือเปล่า? จี้จิ่งเชิน ฉันอยากลองทำมันด้วยตัวเอง คุณอย่ามายุ่งนะ”
จี้จิ่งเชินก้มหน้า มองดูเวินเที๋ยนเที๋ยนที่พยายามจะทำตัวออดอ้อน
สักพัก ก็พ่ายแพ้ไปในที่สุด
“ถ้าหากต้องการความช่วยเหลือเมื่อไหร่ อย่าลืมผมล่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า “แน่นอน”
หลังจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาหอมแก้มของจี้จิ่งเชิน
“แค่นี้เองเหรอ?” จี้จิ่งเชินขมวดคิ้ว เขายังไม่พอใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนเกิดลังเล
“แต่……”
เธอหันไปทางคนขับรถที่นั่งอยู่ข้างหน้า
จี้จิ่งเชินสังเกตเห็นพอดี เขาพูด “เหล่าเฉิน”
“ครับ คุณผู้ชาย”
พูดจบ เขาก็กดปุ่ม ที่กั้นสีดำค่อยๆโผล่ขึ้นมา แบ่งที่นั่งข้างหน้ากับข้างหลังออกจากกัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นแล้ว แต่ก็ยังคงหน้าแดงเล็กน้อย
จี้จิ่งเชินพูดอย่างหน้าไม่อาย “เอาล่ะ ตอนนี้ระยะทางห่างจากบริษัทหล่อนซื่ออีก 10 นาที เที๋ยนเที๋ยนจะขอบคุณผมยังไงดีนะ? ผมอยากจะรู้จังเลย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนฟังแล้ว ก็หน้าแดง เงยหน้าขึ้น รวบรวมความกล้าใช้มือประคองหน้าของเขาเอาไว้ แล้วค่อยๆประกบริมฝีปากลงไป
มือสองข้างของจี้จิ่งเชินโอบเอวของเวินเที๋ยนเที๋ยนไว้ เหมือนจะลูบไล้แต่ก็ไม่เชิง รู้สึกได้ถึงตัวเธอที่สั่นเทา แต่เขากลับไม่คิดที่จะที่จะเป็นผู้คุมเกมด้วยตัวเอง แต่กลับมองต่ำ เคลิบเคลิ้มไปกับความอ่อนโยนและอ่อนหวานของเธอ
สีหน้าดูเหมือนไม่เปลี่ยนไปจากเดิม แต่มือกลับลูบขึ้นลงอย่างไม่หยุดหย่อน มันเผยให้เห็นถึงอารมณ์ที่แท้จริงของจี้จิ่งเชินในเวลานี้
แววตาของเขาร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ลมหายใจก็เริ่มถี่และแรง
เวินเวินเที๋ยนเที๋ยนที่กำลังระวังเรื่องเวลา รู้สึกว่าตัวเองใกล้จะถึงบริษัทแล้ว
แต่ดูสถานการณ์ของจี้จิ่งเชิน ถ้าหากยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เกิดเขาไม่ยอมให้เธอลงจากรถจะทำยังไง?
ทันใดนั้นเวินเที๋ยนเที๋ยนก็เกิดกังวลเล็กน้อย คิดอยากจะหยุดมัน เธอถอยหลังเล็กน้อย
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะแยกจากไปจริงๆ มือของจี้จิ่งเชินกลับออกแรงอย่างกะทันหัน ดึงเอาตัวของเวินเที๋ยนเที๋ยนที่กำลังจะลุกขึ้นกลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วโอบเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่นอีกครั้ง พริบตาเดียวเขาก็สามารถกลับมาครอบครองการจูบนี้อีกครั้ง
ผู้ชายคนนี้ที่อยู่ในจุดสูงสุดของอำนาจ แม้แต่เรื่องการจูบก็เหมือนกับการทำงานของเขา ทั้งดุดันและเผด็จการ
ไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะยึดทั้งหมดของเวินเที๋ยนเที๋ยนมา ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึก ความคิด หัวใจหรือแม้แต่ร่างกาย เหลือไว้แค่เพียงเงาของตัวเอง
จนกระทั่งเวินเที๋ยนเที๋ยนหายใจถี่ขึ้น ในที่สุดเขาก็ถอยออกมาเล็กน้อย นิ้วมือลูบไล้ริมฝีปากสีแดงสวยของเวินเที๋ยนเที๋ยน ไม่พูดเป็นเวลานาน
ถ้าหากว่ายังไม่ยอมหยุด เป็นไปได้ที่เขาจะให้คนขับรถไปส่งพวกเขากลับไปที่ปราสาทเก่า
ลมหายใจของผู้ชายเบาลงเล็กน้อย มือได้ลูบไล้อยู่บนหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างไม่ยอมหยุด แก้ม ริมฝีปากสีแดงสด เหลือไว้แค่เพียงเปลวไฟเล็กน้อย
ไม่ทันรู้ตัว รถก็ค่อยๆหยุดลงแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองออกไปข้างนอก พบว่าตัวเองได้มาถึงหน้าตึกของบริษัทหล่อนซื่อแล้ว รีบดึงตัวกลับมา ผลักเขาออกทันที
“ฉันถึงแล้ว……”
จี้จิ่งเชินยื่นหน้าออกมามองข้างนอก ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความผิดหวัง
“ทำไม10นาทีถึงเร็วขนาดนี้”
ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นท่าทีของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา แล้วกล่าว: “ฉันเข้าบริษัทก่อนนะคะ”