บทที่758 ผมไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มแล้วเดินเข้ามา มองหมินอันเกอที่นั่งข้างๆ
สีหน้าของหลวนจื่อดีมาก ใบหน้าแดงเล็กน้อย ตามสถานการณ์ในเมื่อกี้ ทั้งสองคงจะคลายปมในใจ เผชิญหน้ากันอย่างสงบ
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มจงใจแซว “ที่นี่มีหมินอันเกอ แม้ว่าจะไม่อิสระแค่ไหน เธอก็มีความสุขไม่ใช่เหรอ?”
หลวนจื่อได้ยินดังนั้น ก็นึกถึงประโยคนั้นของหมินอันเกอ สีหน้ายิ่งแดงกว่าเดิม หลบหลีกสายตาของเวินเที๋ยนเที๋ยน
“ซะที่ไหนล่ะ? อีกอย่าง หมินอันเกอก็คงมีงานอื่นใช่ไหม?”
พลางพูด ก็มองไปทางหมินอันเกออย่างสงสัย
หมินันเกออธิบาย “ผมคุยกับผู้จัดการแล้ว ให้เลื่อนงานไปสองสามวัน ผมจะดูแลคุณที่โรงพยาบาล ผมกลัวว่าถ้าผมไปอีก ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่คุณจะทำตัวเองเข้าโรงพยาบาลอีก ”
หลวนจื่อได้ยินนั้นก็ลังเลเล็กน้อย
“แต่ว่าแบบนี้มันไม่กระทบโดนงานของนายเหรอ?”
สิ่งที่หลวนจื่อกังวล คือจะทำให้ความฝันของหมินอันเกอล่าช้าเพราะตัวเธอ ทำให้เขาไม่สามารถอยู่บนเวทีอีกต่อไป
หมินอันเกอยิ้มแล้วพูด “ไม่หรอก หนังเรื่องก่อนมันจบไปแล้ว ผมว่าจะพักผ่อนสักช่วง ค่อยเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง”
หลังจากที่กลับสู่วงการบันเทิงอีกครั้ง หมินอันเกอมีแผนใหม่ เมื่อก่อนยุ่งมาตลอด เพื่อแสวงหาตำแหน่งที่สูงกว่านี้
แต่ตอนนี้ เขาอยากจะฝ่าฟันและท้าทายตัวเองให้มากขึ้น สละเวลามาเพิ่มพูนตัวเอง เพื่อให้ตัวเองมีการปรับปรุงใหม่ทุกครั้งที่ปรากฏตัว และเขาก็ไม่ได้ซีเรียสกับการแก้ปัญหาทุกอย่างด้วยตัวเลข
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้หลวนจื่อสำหรับเขาแล้ว สำคัญมากกว่างานการ อยู่เคียงข้างเธอ คอยปกป้องความปลอดภัยของเธอ คือความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา
หลวนจื่อเห็นสายตาอ่อนโยนที่ไม่มีที่สิ้นสุดของเขา อุณหภูมิบนใบหน้าก็สูงขึ้นเล็กน้อย
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนอยู่ข้างๆ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นส่วนเกิน
หลังจากกลับไปที่วิลล่าเมื่อคืน เธอกังวลเกี่ยวกับเรื่องของหลวนจื่อตลอด ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความกังวลของเธอเมื่อวานนี้เหมือนจะเกินคามจำเป็น
แค่เห็นท่าทีที่หวานแหววของทั้งสอง ในใจของตัวเองก็ดีใจไปด้วย
เธอกระแอมเสียงหนึ่ง ในที่สุดทั้งสองก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง
หลวนจื่อเห็นเธอ ถึงจะดึงสติกลับมา ตัวเองมองหมินอันเกอจนเหม่อไปเลย สีหน้าแดงเพิ่มขึ้น
หมินอันเกอยังคงสงบ ไม่รู้ว่านึกอะไรได้ ในสายตามีความเข้มงวดขึ้นมา เดินขึ้นว่าแล้วพูดว่า “เที๋ยนเที๋ยน คุณมาได้พอดี ผมมีเรื่องอยากจะปรึกษาคุณสักหน่อย”
ขณะที่พูด ก็มองไปทางประตู
เวินเที๋ยนเที๋ยนเข้าใจขึ้นมาทันที
“โอเคเลย’
หลังจากพูดจบ เธอก็นำดอกไม้ที่เธอเอามาวางบนโต๊ะ พูดกับหลวนจื่อ “ให้ฉันยืมหมินอันเกอสักสองสามนาทีนะ แล้วส่งคืนให้เธอเมื่อเราคุยกันเสร็จ”
สีหน้าของหลวนจื่อแดงก่ำ
“ไม่ใช่ของฉัน……อะไรคือส่งคืนให้ฉัน?”
“ตอนนี้เป็นของเธอแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้ม หันหลังกลับเดินออกไปกับหมินอันเกอ
ปิดประตู ท่าทีบนใบหน้าของหมินอันเกอจริงจังขึ้นมาไม่น้อย แล้วขมวดคิ้ว
“หาหล่อนเจียนีเจอหรือยัง?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดาออกว่าเขาจะถามเรื่องนี้ ส่ายหัวอย่างผิดหวัง
“ตอนนี้ยังไม่ได้ข่าวอะไร แต่ฉันให้พวกเขาพยายามหาแล้วนะ วันนี้ฉันมาเพื่อที่จะบอกเรื่องเกี่ยวกับทางบริษัทหวนฉิว เพราะครั้งก่อนที่นายออกไปจากรายการแบบส่วนตัว ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่พอใจเป็นอย่างมาก ให้คนเขียนสื่อไม่ดีของนายในอินเทอร์เน็ตเยอะมาก”
“ฉันพยายามให้พวกเขาลบข่าวที่ไม่เป็นประโยชน์ทั้งหมดออกให้มากที่สุด แต่ก็ยังคงห้ามไม่ได้ รวมกับทางหลิ่วเฟยเฟย เหมือนจะพบว่าความนิยมของข่าวเริ่มสงบลง ได้เริ่มสร้างกระแสข่าวของนายกับเธอฝ่ายเดียวอย่างจงใจ”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นข่าวเหล่านี้ กังวลว่าหลวนจื่อจะรู้ และส่งผลต่ออารมณ์ของเธอ จึงมาเตือนหมินอันเกอโดยเฉพาะ
แต่หลังจากที่หมินอันเกอได้ยินข่าวนี้ กลับไม่ได้ตกใจ
“พวกเขาทำแบบนี้ ผมเดาไว้แล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนประหลาดใจเล็กน้อย “แล้วนายจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร?”
“เนื่องจากทุกอย่างเกิดขึ้นจากงานเลี้ยงตอนจบในวันนั้น งั้นก็เริ่มจากตรงนั้นเลย หลิ่วเฟยเฟยและผู้กำกับคิดอะไรอยู่? ผมเข้าใจดี”
หมินอันเกอหรี่ตาเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะรู้ว่าพวกเขาทำแบบนี้เพื่อให้เรตติ้งหนังสูง แต่สำหรับหมินอันเกอแล้ว ความเสียหายที่กระทบต่อหลวนจื่อนั้น ไม่อาจให้อภัยได้
“ผมจะจัดงานแถลงข่าวเพื่อชี้แจง ทางฝั่งรายการผมจะขอโทษด้วยตัวเอง พี่เจี้ยนพูดถูก ออกไปจากทางรายการเป็นความผิดของผม ควรที่จะขอโทษด้วยตัวเอง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นว่าเขาจัดการได้อย่างใจเย็น ก็พยักหน้า
“ไม่ว่ายังไง ขอแค่นายอย่าใจร้อนก็พอ”
“ผมรู้”
ขณะที่หมินอันเกอพูด ก็หันหน้าไป ราวกับอยากมองหลวนจื่อที่กำลังนอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลผ่านประตู สายตาก็อ่อนโยนขึ้น
พูดต่อว่า “ตอนนี้ผมไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้ว แน่นอนว่าผมจะใจร้อนเหมือนเหมือนก่อนไม่ได้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปที่หน้าด้านข้างของเขา ในใจเริ่มอ่อนโยนขึ้นมา
เธอรู้ หมินอันเกอหวั่นไหวแล้ว
หลวนจื่อใช้ความพยายามและเวลาเคียงข้างนานกว่าสิบปีถึงจะแลกความหวั่นไหวนี้มา แม้ว่าสิ่งที่ต้องเผชิญนั้นทุกข์ทรมานมากเพียงใด เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยินดีกับพวกเขาเป็นอย่างมาก
หลังจากพูดคุยเกี่ยวกับการตามหาของหล่อนเจียนี เวินเที๋ยนเที๋ยนกับเขากลับสู่ห้องพักอีกครั้ง
หลวนจื่อนั่งไว้แล้ว พร้อมมีดผลไม้และแอปเปิลในมือพยายามปอกแอปเปิล
เพิ่งดำเนินไปถึงครึ่งทาง หมินอันเกอก็เข้ามา รีบรับแอปเปิลไป
“คุณอยากทานแอปเปิลทำไมไม่บอกผม?”
หลวนจื่อหดมือกลับมา พูดอย่างน้อยใจ “ฉันไม่รู้ว่านายจะกลับมาเมื่อไหร่ ฉันอยากกินไง”
หมินอันเกอถอนหายใจ แล้วพูด “คราวหน้าอยากกิน ผมจะปอกให้คุณเอง ห้ามคุณปอกเอง”
“ค่ะ”
หมินอันเกอนั่งลงข้างๆ นิ้วเรียวยาวหมุนอย่างชำนาญ สักพักก็ปอกแอปเปิลเสร็จอย่างรวดเร็ว หันเป็นชิ้นเล็กส่งให้เธอ
หลวนจื่อรับมาอย่างระมัดระวัง สีแดงของแก้มนั้นไม่เคยหายไป
เวินเที๋ยนเที๋ยนนั่งไปสักพักก็กลับ มองดูพวกเขาแล้ว รู้สึกว่าตัวเองเหมือนก้างขวางคอ ส่วนเกินไปหน่อย
ในที่สุดพวกเขาก็ไขความเข้าใจผิดที่อยู่ในใจกัน ความสัมพันธ์พัฒนาไปอีกขั้น เหลือเวลาให้พวกเขาสองคนดีกว่า
เวินเที๋ยนเที๋ยนบอกลาทั้งสองคน หลังจากออกจากโรงพยาบาล ก็แจ้งให้กับผู้รับผิดชอบของบริษัทหวนฉิว แจ้งการตัดสินของหมินอันเกอให้กับพวกเขา
วันรุ่งขึ้น หมินอันเกอจัดงานแถลงข่าว และชี้แจงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ กล่าวความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับหลิ่วเฟยเฟยให้ชัดเจน นอกจากงานแล้วไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ สิ่งเดียวที่เขาอยากปกป้องมีเพียงหลวนจื่อ
หมินอันเกอกล่าวแบบนี้กับทุกคน สำหรับหลิ่วเฟยเฟยที่สองสามวันก่อนพยายามจับเรตติ้งสุดท้าย และสร้างกระแสนั้น เหมือนตบเข้าหน้าดังก้องกังวาน
แม้ว่าในใจจะไม่พอใจ สมาชิกในกองและหลิ่วเฟยเฟย ก็ทำอะไรไม่ได้
ก่อนที่หมินอันเกอจะรับบท ก็แสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่า นอกจากถ่ายละครแล้ว ไม่ขอร่วมการกระทำที่สร้างกระแสใดๆทั้งนั้น