บทที่ 791 งานแต่งงานใกล้มาถึงแล้ว
หลวนจื่อเป็นห่วงเรื่องของหมินอันเกอมาก
“ขอเพียงแต่ว่า” หลวนจื่อยิ้มออกมาอีกครั้ง “ตัวหลักของวันนี้คือเธอ ทำไมถึงมาถึงตัวฉันได้ล่ะ?”
ในขณะที่กำลังพูดผู้ช่วยของเคอเหยียนรุ่ยก็เข้ามาเชิญเวินเที๋ยนเที๋ยนไปที่ห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนชุดแต่งงาน
“งั้นฉันไปก่อนนะ!” เวินเที๋ยนเที๋ยนโบกมือ
หลวนจื่อกำลังจะบอกลา ผู้ช่วยคนนั้นกลับมองมาที่เธอ “เชิญคุณผู้หญิงท่านนี้ไปด้วยกันค่ะ”
“ฉันด้วย?”
หลวนจื่อชะงักไป มองเวินเที๋ยนเที๋ยน
“หรือว่าเขาวางแผนทำชุดแต่งงานให้เธอล่วงหน้า?” เวินเที๋ยนเที๋ยนเดาเหตุผลได้เพียงเท่านี้
“เคอเหยียนรุ่ยได้บอกไหมว่าต้องการพบฉันเรื่องอะไร?”
หลวนจื่อซักถาม
ผู้ช่วยส่ายหน้า “เชิญไปกับฉัน”
“ไปแล้วเดี๋ยวก็รู้เองแหละ?” เวินเที๋ยนเที๋ยนจับข้อมือเธอ “พอดีเลยไปเปลี่ยนชุดแต่งงานเป็นเพื่อนฉัน”
เมื่อทั้งสองคนมาถึงที่ห้องแต่งตัวแล้ว เคอเหยียนรุ่ยยืนอยู่หน้าราวแขวนเสื้อใช้สายตามองชุดแต่งงานบนราวอย่างละเอียดถี่ถ้วน
สายตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนและหลวนจื่อถูกดึงดูดไปในชั่วพริบตา
ชุดแต่งงานชุดนี้พิเศษเกินไปแล้ว มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร!
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือการตัดเย็บ ล้วนไม่เหมือนกับชุดแต่งงานทั่วไป
ชุดแต่งงานทั่วไปล้วนมีจุดเด่นเดียวกัน เอวจะถูกเก็บทรงให้รัดแน่น เมื่อสวมใส่ฝ่ายเจ้าสาวจะต้องใช้คอร์เช็ทเก็บรัดเอวของเธอ ซึ่งมันทรมานมาก
แต่ชุดนี้กลับไม่ได้เน้นที่ทรวดทรงองค์เอว แต่ใช้ผ้าหลายๆ ชั้นเพื่อพันทั้งสองส่วนเข้าด้วยกันแทน
“นี่……จะดูเทอะทะเกินไปหรือเปล่า?”
หลวนจื่อเป็นนางแบบ แค่มองก็เห็นถึงความพิเศษของชุดแต่งงานชุดนี้
“ลองใส่ดูก่อน หลวนจื่อ ถึงตอนนั้นต้องการคุณช่วยเวินเที๋ยนเที๋ยนเปลี่ยนชุดแต่งงาน ผมจะสอนคุณทุกขั้นตอนว่าต้องทำยังไง”
เคอเหยียนรุ่ยพลิกหาต้นฉบับแบบร่างของตัวเอง ใช้ศัพท์เฉพาะที่เวินเที๋ยนเที๋ยนฟังไม่ออกบรรยายถึงแนวคิดในการออกแบบของเขาพลางให้ผู้ช่วยสาธิตขั้นตอนการสวมชุดแต่งงานไปด้วย
ชุดแต่งงานนี้ไม่ใช่ชิ้นเดียว แต่เป็นผ้าโปร่งบางหลายชิ้นที่ใช้เทคนิคในการสวมใส่ต่างกันรวมไว้ด้วยกัน ซึ่งมีความยุ่งยากซับซ้อนมากในการสวมใส่
“เข้าใจหรือยัง? เข้าใจแล้วก็ใส่ให้คุณเวินแทนผม มีข้อสงสัยอะไรถามผมได้ตลอดเวลา”
เคอเหยียนรุ่ยพูดจบก็หยิบเอาชุดแต่งงานลงมาส่งให้ถึงมือหลวนจื่อ
เขาให้หลวนจื่อใส่ชุดให้เวินเที๋ยนเที๋ยนแทน ในแง่หนึ่งเพราะเธอมีพื้นฐานของนางแบบ สามารถเข้าใจที่เขาพูดได้ อีกแง่หนึ่งเพราะหลวนจื่อสนิทกับเวินเที๋ยนเที๋ยนจะได้ไม่เคอะเขินซึ่งกันและกัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนกับหลวนจื่อเข้ามาในห้องเปลี่ยนชุดแล้ว
“หลวนจื่อ ทำไมฉันถึงฟังที่พวกเธอคุยกันไม่เข้าใจ” เวินเที๋ยนเที๋ยนสับสน “ชุดแต่งงานชุดนี้ใส่ยังไง ซับซ้อนมากเลยเหรอ?”
หลวนจื่อพูดตามตรง “ซับซ้อนมาก แต่ฉันทำเป็นแล้ว วางใจแล้วส่งมาให้ฉันเถอะ!”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เวินเที๋ยนเที๋ยนถูกหลวนจื่อพลิกไปพลิกมา
ในที่สุดชิ้นส่วนผ้าที่ดูเหมือนกระจัดกระจายพวกนั้นถูกสวมไว้บนตัวแล้ว
“เสร็จแล้ว”
หลวนจื่อถอนลมหายใจ เช็ดเม็ดเหงื่อบนหน้าผาก
“หลวนจื่อ เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?” เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย
“ไม่เป็นไร เที๋ยนเที๋ยน” พูดจบแล้วหันมาเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่ตรงหน้า สายตาก็ปรากฏความประหลาดใจอย่างไม่ปิดบัง
“เที๋ยนเที๋ยน เธอ……สวยเกินไปแล้วจริงๆ!”
สายตาของหลวนจื่อปรากฏความประหลาดใจอย่างไม่ปิดบัง
“สวยขนาดนั้นเลย?”
ในห้องเปลี่ยนชุดนั้นไม่ได้ติดกระจก ต้องไปที่ห้องแต่งตัวเท่านั้นถึงจะมีกระจก
“ดูเองก็รู้แล้วไม่ใช่หรือไง?”
หลวนจื่อเปิดประตูเล็กของห้องเปลี่ยนชุด จูงเวินเที๋ยนเที๋ยนให้เดินออกมา
ทุกสายตาต่างมองมาที่เวินเที๋ยนเที๋ยนในทันที
ผู้ออกแบบหลักอย่างเคอเหยียนรุ่ย นัยน์ตายิ่งปรากฏความหลงใหล “พระเจ้า เที๋ยนเที๋ยน คุณคือเทพธิดามิวส์ของผม!”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนมองตัวเองในกระจกก็ชะงักค้างอยู่กับที่
ชุดแต่งงานไม่เป็นระเบียบแต่ดึงดูดใจมีความสวยงามที่ยุ่งเหยิง แต่ในความยุ่งเหยิงนั้นกลับมีความเป็นระเบียบบางอย่างอยู่เบาบาง
เอวของเธอไม่ได้ใหญ่หนาเพราะแบบนั้น เส้นที่มองพับซ้อนกันแบบนั้นกลับดูนุ่มนวลอย่างไม่สามารถจับต้องได้
เมื่อเธอเดินกระโปรงก็แกว่งไปมาเป็นระลอก ราวกับคลื่นที่ซัดเข้าหาชายฝั่งละอองคลื่นสีขาวซัดสาดและยกตัวเธอขึ้นบนท้องทะเล
ราวกับเป็นเทพธิดาที่เดินบนเกลียวคลื่น
“นี่มัน ทำได้อย่างไร?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองตัวเองในกระจกอย่างไม่ยากที่จะเชื่ออยู่นาน
“ผ้าที่ซ้อนกันไปมา สามารถใช้ลวงตาคนได้ ตกแต่งรูปร่างของคุณตามความคิดของผม ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความรู้สึกเป็นเลเยอร์ของเทคนิคการพัน ปรากฏความสวยงามของการเคลื่อนไหวของชุดแต่งงานออกมา”
เคอเหยียนรุ่ยมองผลงานของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ
เขากล้ารับประกันว่านี่คือผลงานที่น่าทึ่งที่สุดที่เขาทำสำเร็จในปีนี้!
หลวนจื่อจูงเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินไปมาหน้ากระจก
เธอพูดด้วยความชื่นชม “เที๋ยนเที๋ยน อีกครึ่งเดือน เธอจะต้องเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดแน่นอน!”
ได้ยินดังนั้นเวินเที๋ยนเที๋ยนจึงส่งสายตาล้อเลียนให้เธอ
“ทำไม เธอก็อยากเป็นเจ้าสาวแล้ว?”
เธอไม่พลาดความรู้สึกใฝ่ฝันในน้ำเสียงของหลวนจื่อ
“บ้าน่า ไม่ใช่สักหน่อย!”
หลวนจื่อหน้าแดงระเรื่อขึ้นทันที
แต่ความร้อนบนใบหน้าก็บรรเทาลงอย่างรวดเร็ว เธอยังรู้สึกเสียใจเล็กน้อย “ฉันตอนนี้เป็นแบบนี้ เป็นเพื่อนเจ้าสาวเธอไม่ได้แล้ว น่าเสียดายมากเลย”
บริเวณท้องของหลวนจื่อที่นูนสูงขึ้น ไม่เหมาะกับการเป็นเพื่อนเจ้าสาวจริงๆ
“ไม่ต้องห่วง ต่อให้ไม่ใช่เพื่อนเจ้าสาว ช่อดอกไม้จะต้องเป็นของเธอแน่นอน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดอย่างมั่นใจว่าจะเป็นเช่นนั้น
“เหรอ?” หลวนจื่อเงยหน้า สายตาเต็มไปด้วยความหวังมองที่ใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยน “งั้นฉันก็จะรอนะ”
“แน่นอน!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มสดใส พูดพลางพยักหน้าเล็กน้อย
เวลาครึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวก็ถึงคืนก่อนวันแต่งงานแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนกระสับกระส่ายทั้งวัน แม้ว่าจะพยายามระงับไว้อย่างดี แต่ก็ยังตื่นเต้นอย่างพูดไม่ออก
ตอนดื่มนมตอนเช้า ก็เกือบจะทำแก้วตกแตก
ตอนตักซุปตอนเที่ยง เธอไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าซุปแทบจะล้นออกมาแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะจี้จิ่งเชินมาเห็นเข้าอย่างรวดเร็วแล้วเตือนเธอ กว่าเธอจะรู้ตัวมือของเธออาจจะโดนลวกไปแล้วก็ได้
เมื่อสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของเวินเที๋ยนเที๋ยน จี้จิ่งเชินจึงทิ้งคำสัญญาหกชั่วโมงอย่างไม่ลังเล
“กำลังคิดอะไรอยู่?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังตากลมตอนค่ำอยู่ที่ระเบียง ทันใดนั้นแขนที่มีพละกำลังคู่หนึ่งก็โอบรอบเอวของเธอ
เธอวางมือลงบนหลังมือคู่นั้นโดยไม่รู้ตัว
“เปล่า ไม่ได้คิดอะไร”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินเสียงก็จำเจ้าของมือคู่นี้ได้แล้ว
แผ่นหลังที่แข็งค้างของเธอก็อ่อนลงมาเช่นกัน
จี้จิ่งเชินชอบที่เวินเที๋ยนเที๋ยนพึ่งพาเขาแบบนี้ ราวกับว่าวางทุกอย่างให้กับเขา
ทำให้เขารู้สึกอิ่มอกอิ่มใจบางอย่าง
“คุณไม่พูดผมก็รู้” . จี้จิ่งเชินฝังศีรษะลงบนซอกคอของเวินเที๋ยนเที๋ยน “กังวลเรื่องงานแต่งงานพรุ่งนี้ใช่ไหม?”
“ไม่ใช่……” เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่อยากให้เขาเป็นห่วง แต่สุดท้ายก็พยักหน้า
จี้จิ่งเชินเห็นดังนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ
“รอคอยที่จะเป็นคุณนายจี้ขนาดนั้นเลย?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนใบหูร้อนขึ้นมาทันที ใบหน้าก็แดงเรื่อขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ไม่ใช่สักหน่อย……”
“จริงเหรอ?”
จี้จิ่งเชินก้มหน้าลงมาแล้วแกล้งเลียติ่งหูของเธอ