บทที่ 808 พบเจอพี่น้องร่วมชาติในต่างแดน
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินคำพูดดังกล่าว มันคงไม่ใช่เรื่องตลกเลย
หากว่าพวกพนักงานบริษัทเอ็มไอกรุ๊ป รู้ว่าประธานบริษัทของพวกเขาวันแรกที่มาฮันนีมูนกับเธอ
เป็นเพราะตกปลาไม่ได้จึงทำให้ต้องหิวโซ
ยังพูดอีกว่าส่งกำลังใจให้เธอสู้สู้ ไม่รู้ว่าพวกเขาจะมีความรู้สึกอย่างไร
จี้จิ่งเชินกำลังปรับเบ็ดตกปลา เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มอย่างมีความสุข จึงถามเธอว่า: “คิดอะไรอยู่เหรอ? ”
“ฉันคิดว่า ถ้าพวกพนักงานของคุณรู้ว่าคุณต้องมาหิวโซกับฉัน ไม่รู้ว่าพวกเขาจะหัวเราะเยาะพวกเรากันไหม”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหัวเราะออกมาอย่างเปิดเผย และมองหยอกล้อไปที่จี้จิ่งเชิน
จี้จิ่งเชินได้ยินดังนั้น จึงมีรอยยิ้มที่มีความหมายอันลึกซึ้ง
“ฉันคิดว่า พวกเขาน่าจะศรัทธาในตัวคุณนะ”
ศรัทธาในตัวเธอ?
ทำไมจี้จิ่งเชินจึงคิดเช่นนี้
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาอย่างไม่เข้าใจ จี้จิ่งเชินกลับยิ้มเยาะ ในดวงตาเปี่ยมด้วยความขบขัน
“ทำไมถึงต้องเกิดความศรัทธาด้วย? ” เธอวิ่งตามจี้จิ่งเชินไป ไม่เข้าใจจริง ๆ
จี้จิ่งเชินหันศีรษะกลับมามองเธอ ยิ้มแล้วพูดว่า : “สามารถเป็นคุณนายจี้ได้ แน่นอนต้องศรัทธาในตัวคุณ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินคำพูดนี้แล้ว กลับไม่ค่อยเข้าใจ
“คุณชมฉันเหรอ หรือว่ากำลังชมตัวคุณเอง? ”
จี้จิ่งเชินโอบเธอไว้เบา ๆ แสดงความน้อยใจและพูดว่า: “ตอนนี้เมื่อคุณไปถึงบริษัท พนักงานเห็นคุณยังดีใจมากกว่าที่เห็นฉันเสียอีก”
“นั่นเป็นเพราะคุณดุเกินไป พวกเขาจึงเกรงกลัวคุณ”
จี้จิ่งเชินยักคิ้วขึ้น
“ความอารมณ์ดีของฉันได้เก็บเอาไว้ให้กับคุณนายจี้ จะแบ่งให้สำหรับคนอื่นได้ที่ไหน? ”
“อารมณ์ดีที่ไหนกัน? เมื่อก่อนฉันไม่ใช่ถูกคุณดุจนกลัวคุณหรอกเหรอ? ” เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดบ่น เบา ๆ ไม่รอให้จี้จิ่งเชินพูด แล้วก็รีบพูดขึ้นอีกว่า: “พวกเรารีบไปตกปลากันเถอะ สามารถนำมาทำเป็นอาหารกลางวันทานได้พอดี? ”
“วางใจเถอะ”
ขณะที่จี้จิ่งเชินพูด ก็เอาเหยื่อแขวนไว้ที่เบ็ดตกปลา และส่งให้กับเวินเที๋ยนเที๋ยน
“เมื่อก่อนฉันเคยสอนคุณแล้ว ใช่ไหม? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา ครั้งก่อนตอนที่อยู่บ้านพักตากอากาศ จี้จิ่งเชินเคยสอนเธอแล้วจริง ๆ
เหยื่อตกปลาจุ่มลงไปในน้ำ
เวินเที๋ยนเที๋ยนนั่งอยู่ข้าง ๆ จี้จิ่งเชิน รออย่างเงียบ ๆ เพื่อให้ปลาติดเบ็ด
ดวงอาทิตย์ขึ้น ส่องแสงสว่างไปทั่วท้องทะเล กระทบสัมผัสกับร่างของเวินเที๋ยนเที๋ยนทำให้รู้สึกอบอุ่น
จี้จิ่งเชินโอบเธอเอาไว้ พูดเบา ๆ ว่า: “ยังง่วงอยู่อีกไหม? ”
“เปล่าไม่ง่วง” เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เลยซบไปที่ไหล่ของเขา สายตามองไปที่ท้องทะเล
น้ำทะเลสีฟ้าและท้องฟ้ามีสีกลมกลืนกัน ลมทะเลพัดโชยมา ยังมีจี้จิ่งเชินที่นั่งอยู่ข้างกาย ทั้งหมดนี้สวยงามราวกับเป็นภาพในความฝัน
เพราะว่าสวยงดงามเกินจินตนาการ บางครั้งเวินเที๋ยนเที๋ยนสงสัยว่า ทั้งหมดนี้ใช่ไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องที่เธอฝัน
จี้จิ่งเชินจับตัวเธออย่างแน่น ใช้การกระทำบอกเธอในทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
เวลานี้ ทั้งสองคนต่างหวังว่าช่วงเวลาขณะนี้สามารถที่จะยืนยาวไปตลอดกาล
ผ่านไปชั่วครู่ เวินเที๋ยนเที๋ยนละสายตาจากท้องทะเล มามองเบ็ดตกปลาในมือของตน
น้ำทะเลบริเวณข้างโขดหินใสจนมองเห็นพื้นทรายด้านล่าง สามารถมองเห็นปลาที่ว่ายน้ำไปมาได้อย่างลาง ๆ แต่รอมาตั้งนานแล้ว ปลาพวกนี้ก็ยังไม่กินเบ็ดสักที
จากประสบการณ์ครั้งก่อนที่ตกปลาที่บ้านตากอากาศ เวลาผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว คงน่าจะมีปลาติดเบ็ดไปแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนเกิดความกังวลเล็กน้อย
“ปลาทำไมยังไม่กินเบ็ดสักที? ”
จี้จิ่งเชินก็งงเช่นกัน เบ็ดและเหยื่อตกปลาก็ไม่มีปัญหา ปลาหลายตัวก็ว่ายน้ำไปมาใกล้ ๆ กับเบ็ดตกปลา แต่ก็ไม่กินเบ็ดสักที
มันเกิดอะไรขึ้น?
รออีกสักพักแล้ว ก็ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
หรือว่าการตกปลาในทะเลสาบกับการตกปลาในทะเลมีอะไรที่แตกต่างกันงั้นเหรอ?
มองดูเวลาที่ผ่านไปเรื่อย ๆ เกือบที่จะถึงเที่ยงวันแล้ว ก็ยังคงไม่มีปลาตัวไหนมาติดเบ็ด
“แปลกใจ ทำไมจึงเป็นเช่นนี้? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงสวมใส่ชุดว่ายน้ำ แต่มีเสื้อนอกคลุมอยู่
เดิมทีคิดว่าจะตกปลาได้อย่างรวดเร็ว ก็กลับไป คิดไม่ถึงว่าจะล่าช้าเสียเวลามากขนาดนี้
“หรือเป็นเพราะว่าพวกเราทำไม่ถูกต้อง? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเกิดความสงสัย เงยศีรษะขึ้น ทันใดนั้นก็เห็นเงาของเรือลำหนึ่งในท้องทะเล ลอยขึ้นลงตามแรงของคลื่น
ดูเหมือนว่าจะถูกน้ำทะเลซัดให้จมลงได้ทุกเมื่อ อันตรายเป็นอย่างมาก
“จี้จิ่งเชิน รีบดูนั่นสิ! ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนชี้ไปยังท้องทะเล “ที่นั่นมีเรือใช่หรือไม่? ”
จี้จิ่งเชินมองตามไปยังทิศทางที่เวินเที๋ยนเที๋ยนชี้ คิ้วที่คมกริบขมวดขึ้นในทันที
ใช่เรือลำหนึ่งจริง ๆ
ไม่รู้ว่าทำไม เหมือนว่ากำลังขับเคลื่อนมาทางนี้……
ตอนที่เขาซื้อเกาะแห่งนี้ อาณาเขตโดยรอบบางส่วนของทะเลก็เป็นของตนเช่นกัน ไม่มีคำอนุญาตจากเขา ใครก็จะเข้ามาที่เกาะแห่งนี้ไม่ได้
จี้จิ่งเชินมองไปที่เรือลำนั้น แววตาแสดงออกถึงความสงสัยและความระมัดระวัง
“พวกเขาจะมีอันตรายหรือเปล่า? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยืนขึ้นอย่างกังวล เรือเล็กลำนั้นเมื่อเปรียบเทียบกับคลื่นทะเลบริเวณโดยรอบ เหมือนกับจอกแหนที่อยู่กลางน้ำ สามารถพลิกคว่ำได้ทุกเมื่อ
“รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วพวกเราไปดูกัน”
ไม่ว่าบนเรือจะเป็นใคร เวินเที๋ยนเที๋ยนที่ยังคงอยู่ในชุดว่ายน้ำ จี้จิ่งเชินไม่อนุญาตให้ผู้ใดมาแอบเหล่มองเป็นแน่
เขาหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดตัวให้เวินเที๋ยนเที๋ยน
เวินเที๋ยนเที๋ยนหน้าแดง
“ฉันขอเช็ดเองนะ……”
ขณะพูดก็รีบเช็ดอย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งกลับไปที่คฤหาสน์
เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วเดินออกมา เรือลำนั้นก็เคลื่อนเข้ามาใกล้มากขึ้น
“พวกเราไปดูกันเถอะ”
เดินไปถึงชายทะเล เป็นไปตามที่จี้จิ่งเชินพูดไว้ไม่ผิด เริ่มน้ำขึ้นแล้ว
เธอจำได้ว่าเดิมทีที่พักของพวกเขา อยู่ห่างจากน้ำทะเลอย่างน้อยยี่สิบกว่าก้าว
ตอนนี้เดินมาถึงตรงนี้ กลับใช้เพียงแค่สิบก้าว
ขณะที่กำลังไตร่ตรอง เรือลำนั้นก็ยิ่งเข้าใกล้ชาดหาดขึ้นทุกที
ในที่สุดเวินเที๋ยนเที๋ยนก็เห็นลักษณะของทั้งลำเรือ
นั่นคือเรือประมง ใบเรือทรุดโทรมเล็กน้อย ข้างบนเรือยังแขวนแหจับปลาและเครื่องช่วยยก
อุปกรณ์เครื่องจักรมาตรฐานสำหรับเรือประมง
“น่าจะเป็นชาวประมงหาปลาบริเวณใกล้ ๆ แถวนี้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดคาดเดา
จี้จิ่งเชินระมัดระวัง พูดอย่างจริงจังกับเธอว่า: “รอดูสถานการณ์กันไปก่อน”
เขากังวลว่าคนบนเรือประมงมีความคิดที่เป็นอย่างอื่น
มิเช่นนั้นอยู่ดี ๆ ทำไมจะต้องขับเรือมาที่เกาะที่ไม่มีคนแห่งนี้?
เวินเที๋ยนเที๋ยนฟังที่จี้จิ่งเชินพูด ก็ไม่ได้คัดค้านอะไรเขา
เวลาที่ยังไม่ทราบแน่ชัดเกี่ยวกับสถานการณ์ ควรรอดูสถานการณ์ก่อนเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ไม่นานนัก เรือลำนั้นก็หยุดจอดบนชายหาด
เวินเที๋ยนเที๋ยนเพิ่งสังเกตเห็นว่า บนเรือประมงมีร่องรอยความทรุดโทรมไม่น้อย ซึ่งน่าจะไปชนเข้ากับโขดหินแล้วเกิดเป็นรอยหลงเหลืออยู่
เวลานี้ มีคนหนึ่งคนเดินลงมาจากเรือ อายุมาก ผมสีขาว หลังค่อม
หน้าตามอมแมมไปด้วยฝุ่น มองดูแล้วลำบากยากเข็ญมาก ผมดำลูกตาดำ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นชาวตะวันออก!
เวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชินมองดูพวกเขาอย่างระมัดระวัง
“ในที่สุดก็รอดตายแล้ว! ”
ผู้ชายหนึ่งในนั้นที่ดูมีอายุมีวุฒิภาวะใช้ภาษาต่างชาติคล่องแคล่วกำลังบ่นพึมพำอยู่
ระหว่างที่พูดก็ได้แสดงท่าทางดีใจที่ได้รอดชีวิตหลังจากประสบอุบัติเหตุ
เมื่อเงยศีรษะขึ้นก็เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนและจี้จิ่งเชิน ทั้งตื่นเต้นและดีใจ รีบเดินเข้ามาหาพวกเขา
เมื่ออ้าปากพูด ก็กลายเป็นภาษาจีน
“พวกคุณคือคนจีนงั้นเหรอ? ”
ได้ยินภาษาที่คุ้นเคย เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า “พวกคุณเป็นใครกัน? เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ? ”
ผู้อาวุโสถอนหายใจ หันศีรษะกลับไปมองเรือประมงที่มีสภาพทรุดโทรมด้านหลังตัวเขา
“ฉันคือชาวประมงของเกาะใกล้ ๆ นี้ ตอนที่ออกทะเลจับปลาได้ประสบกับกระแสน้ำรุนแรงอย่างกระทันหัน ไม่ทันระวังจึงถูกพัดออกจากเกาะเล็ก อีกทั้งยังชนเข้ากับกับโขดหิน หางเสือเรือควบคุมไม่อยู่ ฉันจึงต้องพเนจรอยู่บนท้องทะเลมาสามวันสามคืนแล้ว”
ได้ยินคำพูดของชาวประมงอาวุโส เวินเที๋ยนเที๋ยนสะเทือนใจในทันที
สามวันสามคืน?
พเนจรอยู่บนท้องทะเลมาสามวันสามคืนแล้วยังสามารถมีชีวิตรอดมาได้ มิน่าเล่าเขาถึงดูลำบากยากเข็ญเป็นอย่างมาก