บทที่814 ความรักและความห่วงใยของฉัน
“อย่าคิดมากนะครับ พวกเราจะต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ขาดใครไปไม่ได้หรอกครับ”
จี้จิ่งเชินเอ่ยพูดจบแล้วนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้สึกตกตะลึงในคำพูดของเขาขึ้นมาทันที
จี้จิ่งเชินรู้ได้อย่างไรว่าเธอจะพูดอะไร?
เธอเพียงแค่อยากจะถามเขา ว่าถ้าหากเธอตายไปก่อน จี้จิ่งเชินจะคิดถึงเธอเหมือนกับอาหงหรือเปล่า
มีคนหนึ่งคนที่เก็บตัวเองให้อยู่ในใจเขาตลอดแบบนั้น เป็นเรื่องที่มีความสุขมาก
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนก็คงทนไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไร คนที่ยังเหลืออยู่คนนั้นจะเป็นคนที่เป็นทุกข์ที่สุดต่างหาก
จี้จิ่งเชินมองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
แขนยาวๆของเขายื่นออกมาโอบร่างเวินเที๋ยนเที๋ยนเข้ามาในอ้อมกอด “เด็กโง่ ใครที่ไหนเขาจะมาถามเรื่องแบบนี้ในช่วงที่มาฮันนีมูนแบบนี้กันครับ?”
“ขอโทษค่ะ……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเองก็รู้ว่าตัวเองคิดแบบนี้ไม่เหมาะสมอยู่จริงๆ
“ไม่ต้องกังวลนะ ผมเก็บคุณไว้ในนี้อยู่แล้ว”
จี้จิ่งเชินชี้ไปยังหน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง “ทุกๆการเคลื่อนไหว ทุกๆการแสดงออกของคุณ ผมใช้ตรงนี้ตีความและทำความเข้าใจ”
สายตาของเวินเที๋ยนเที๋ยน มองไปยังหน้าอกข้างซ้ายของจี้จิ่งเชิน
ตรงนั้น เป็นตำแหน่งของหัวใจ
เขากำลังบอกเธอว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ เขาจะใช้หัวใจในการมอง รับฟัง และเข้าใจใช่หรือเปล่า?
คิดเช่นนี้แล้ว มุมปากของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็อดที่จะยกขึ้นมาไม่ได้
ความรู้สึกที่ถูกให้ความสำคัญอยู่ในหัวใจเช่นนี้ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับนั่งอยู่บนก้อนเมฆอย่างไรอย่างนั้น
เหมือนกับลูกโป่งที่อยู่ในมือของจี้จิ่งเชินอีกด้วย
“ฉัน ฉันไม่พูดกับพี่แล้ว!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มอย่างอายๆ แล้วหันหน้าไปอีกทางเพื่อเลี่ยงสายตาที่ร้อนแรงของเขา
จี้จิ่งเชินเองก็ไม่ได้ขวางเธอ เพียงแต่ตอนที่เธอหันหน้าไปแล้วนั้น แววตาของเขาก็มีรอยยิ้มปรากฏแวบขึ้นมา
อาหงได้สอนเทคนิคการตกปลาให้กับเขา
“จำไว้นะครับ ตอนที่ลูกลอยมีการเคลื่อนไหว จะต้องยกเบ็ดขึ้นก่อน มือใหม่หลายๆคนที่เลือกที่จะเก็บเบ็ดขึ้น แบบนี้ไม่ถูกต้อง”
อาหงสาธิตให้ดูรอบหนึ่ง เขาเอาลูกลอยคันเบ็ดโยนลงน้ำ หลังจากนั้นก็รอปลามากินเบ็ด
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูการเคลื่อนไหวของเขาอย่างตั้งอกตั้งใจ
หลังจากนั้นพักหนึ่ง ราวกับว่าเขารับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงยกเบ็ดขึ้นในทันที!
ปลาทะเลที่มีความยาวมากกว่าห้านิ้วก็ติดเบ็ดขึ้นมา
หางของมันสะบัดอย่างรุนแรง หยดน้ำบนลำตัวหยดลงผิวน้ำ น้ำกระเซ็นกระจายเป็นจำนวนมาก
คลื่นเป็นประกายใสแจ๋ว สวยงามยิ่งนัก
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูฉากนี้อย่างทึ่งๆ “ตกปลาได้แล้ว!”
อาหงยิ้มพลางพยักหน้าลง เก็บเบ็ดไปพลางเอ่ยพูดกับเขา : “การยกคันเบ็ดขึ้นจะสามารถรับประกันได้ว่าปลาติดเบ็ดแล้ว มิฉะนั้นปลาจะหลุดไปได้ง่าย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าลง
“ไม่เหมือนกับตอนที่พวกเราตกปลาในทะเลสาบจริงๆด้วย ยังดีที่อาหงสอนพวกเรา ไม่อย่างนั้นสองสามวันนี้อาจจะตกปลาไม่ได้เลยก็ได้”
อาหงยิ้มพลางส่ายหน้า พลางเอ่ยพูดขึ้นอย่างถ่อมตน : “ไม่กล้าหรอกครับ เวลาต่อไปก็คงต้องมอบให้พวกคุณแล้ว ผมจะคอยดูอย่างข้างๆนะครับ มีอะไรก็ตะโกนเรียกผมได้ตลอดเลย”
ว่าแล้ว อาหงก็เอาเหยื่อที่เขาเตรียมไว้ออกมา
สายตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ถูกดึงดูดขึ้นมาในทันที “อันนี้คือ?”
“นี่คือเหยื่อที่ผมเตรียมเอาไว้ให้พวกคุณครับ” อาหงเปิดกล่องใบเล็กออก “นี่คือกุ้งแห้งแช่แข็งที่ทำมาจากกุ้งครับ”
เมื่อเทียบกับไส้เดือนแล้ว รับได้กับกุ้งแห้งแช่แข็งนี้มากกว่าเสียอีก
เวินเที๋ยนเที๋ยนรับมา แล้วก็ได้กลิ่นเหล้า
เธอเงยหน้าขึ้นมาอย่างประหลาดใจ แววตาปรากฏความสงสัยออกมา
จี้จิ่งเชินเองก็ได้กลิ่นเช่นกัน พลางเอ่ยขึ้น : “เหล้าข้าว”
“ใช่ครับ กุ้งแห้งแช่แข็งนี้ทำมาจากเหล้าข้าวเป็นวัตถุเจือปน”
อาหงพยักหน้าลงพลางเอ่ยขึ้น
“ใช้เหล้าข้าวหรือคะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่เข้าใจ ว่าปลาเองก็ชอบกินเหล้าด้วยอย่างนั้นหรือ?
รับรู้ได้ถึงความรู้สึกสงสัยของเวินเที๋ยนเที๋ยน อาหงจึงอธิบายขึ้น : “สาเหตุที่ใช้เหล้าข้าว ไม่ใช่เป็นเพราะว่าปลาชอบกินเหล้าหรอกนะครับ”
ได้ยินเช่นนี้แล้ว เธอก็หน้าแดงขึ้นมาทันที
อาหงปลอบใจเธอ “ความจริงแล้วหลายๆคนได้ยินว่าสามารถใช้เหล้าข้าวมาล่อปลาได้ ก็จะมีความคิดแบบนี้ขึ้นมา”
“แต่จะบอกว่าปลาชอบกินเหล้าก็ไม่ได้ผิดไปซะทั้งหมด เพราะปลาก็ถูกดึงดูดเข้ามาเพราะกลิ่นเหล้าข้าวนี้นั่นแหล่ะครับ”
จี้จิ่งเชินหยิบกุ้งแห้งแช่แข็งขึ้นมา แล้วเอาใส่เบ็ดแทนเวินเที๋ยนเที๋ยน
อาหงเอ่ยพูดต่อ : “รอให้กุ้งแห้งแช่แข็งนี่ลงไปในน้ำแล้ว ด้านในที่เป็นส่วนผสมของเหล้าข้าวก็จะกระจายออกมา แล้วก็จะสามารถล่อดึงดูดปลามาได้มากขึ้น ปลาทะเลฉลาดกว่าปลาในทะเลสาบ จะต้องระวังหน่อยนะครับ”
คำพูดนี้ของอาหง ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขาด้วยสายตาที่ทึ่ง มิน่าล่ะมีคำพูดว่าสามร้อยหกสิบอาชีพ ทุกๆ อาชีพมีจอหงวน
“อาหงเก่งมากจริงๆเลยค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนอดที่จะเอ่ยพูดกับเขาไม่ได้ “วิธีพวกนี้ลุงก็สามารถคิดได้ เก่งจริงๆเลยค่ะ”
“นี่ก็เป็นวิธีที่จะให้จับปลาได้เยอะขึ้น ถึงได้ช่วยกันคิดกับเพื่อนที่ทำอาชีพเดียวกันน่ะครับ”
อาหงยิ้มและเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อม “ถ้าคุณชมผมอีกล่ะก็ คุณผู้ชายคนนี้คงจะหึงแล้วนะครับ”
ได้ยินแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา
หึง?
จี้จิ่งเชินคงจะไม่หึงอาหงหรอกใช่ไหม?
คิดเช่นนี้แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงหันไปมองเขา
แต่เธอมองอย่างไรนั้น ใบหน้าของเขาก็ไม่ได้มีร่องรอยของอาการหึงหวงอยู่เลย
“ลุอาหงบอกว่าพี่จะหึง ทำไมฉันถึงมองไม่ออกเลย?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเข้ามาใกล้จี้จิ่งเชิน แล้วมองพิจารณาเขาอย่างละเอียด
แสงแดดยามเช้าส่องลงบนใบหน้าของเขา เคลือบใบหน้าอันหล่อเหลาของเขากลายเป็นสีทองอร่าม
หล่อเหลาเสียจนต้องยอม
“คุณนายจี้ ถ้าหากคำว่าหึงที่คุณว่า คือการที่คุณคุยกับคนอื่นแล้วปล่อยให้ผมยืนตากแดดอยู่ข้างๆแบบนี้ล่ะก็”
เขาเว้นวรรคไป แล้วจึงพยักหน้าลงท่ามกลางสายตาที่จับจ้องมาของเวินเที๋ยนเที๋ยน
“ใช่ครับ ผมกำลังหึงอยู่”
ไม่คิดว่าเขาจะยอมรับแล้ว?
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบรับ แต่อาหงนั้นกลับเป็นฝ่ายหัวเราะขึ้นมาแทน
“ยังวัยรุ่นอยู่นี่ดีจริงๆเลยนะครับ! ทั้งสองคนลองดูกันก่อน มีปัญหาอะไรถามผมได้นะครับ”
เอาเหยื่ออาหารปลาให้กับทั้งสองคนแล้ว อาหงก็เดินไปอีกทางอย่างรู้งาน เขาไม่อยากจะอยู่เป็นก้างขวางคอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนรับคันเบ็ดมาจากมือจี้จิ่งเชิน ด้านบนนั้นแขวนเหยื่อเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
เธอมองท่าทางของจี้จิ่งเชิน แล้วรู้สึกสงสัย
“จี้จิ่งเชิน? พี่กำลัง…..”
หึง?
ถึงแม้จะรู้สึกเขินอายอยู่บ้าง แต่ในใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นกลับรู้สึกหวานชื่นขึ้นมา
“ขอโทษนะคะ”
มุมปากของจี้จิ่งเชินอดที่จะยกขึ้นมาไม่ได้ “ไม่ต้องขอโทษผมหรอกครับ ผมอยากจะฟังคุณพูดอีกสามคำมากกว่า”
สามคำอื่น?
นอกจาก “ขอโทษ” แล้ว ยังมีคำไหนที่จะขอโทษเขาได้อีกกัน?
ขอโทษ?
ไม่ใช่สิ นี่สองคำเอง
หรือว่าจะเป็น ฉันผิดแล้ว?
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยากจะพูดคำที่ตัวเองเดาออกมานั้น ก็ถูกจี้จิ่งเชินขัดขึ้นมาเสียก่อน
“ผมรักคุณ”
ริมฝีปากบางของเขาเปิดอ้าขึ้นเล็กน้อย เสียงแหบดังเข้าไปในแก้วหูของเธอ
ผมรักคุณ
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกอึ้งไป แล้วหันหน้ามาตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม
“เหมือนกันค่ะ”
เธอกระพริบตา แววตาปรากฏความเจ้าเล่ห์ออกมา คำตอบนี้ก็สามพยางค์เหมือนกัน
จี้จิ่งเชินจ้องมองรอยยิ้มที่พอใจของเวินเที๋ยนเที๋ยน ในใจอ่อนยวบลงมาทันที
“ถ้าอย่างนั้นต่อไป ‘ผมรักคุณ’ ให้ผมเป็นคนพูดเอง คุณก็เพียงตอบกลับมาแค่ว่า ‘เหมือนกันค่ะ’ ก็พอแล้วครับ”
น้ำเสียงของเขานั้นเต็มไปด้วยความรัก
ราวกับว่าต้องการเพียงแค่เวินเที๋ยนเที๋ยนรักอีกฝ่ายเหมือนกัน เช่นเดียวกับเขา เขาก็พอใจแล้ว
แต่คำพูดที่ยอมอ่อนให้เธอเช่นนี้ ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกซาบซึ้งอยู่บ้าง
เธอส่ายหน้าเบาๆ “ฉันหวังว่าพี่จะรู้ ความรักและความห่วงใยของฉัน……”
แววตาที่ลึกซึ้งคู่นั้นของจี้จิ่งเชินจ้องมองดวงตาของเวินเที๋ยนเที๋ยน
เขาเอ่ยพูดขึ้นเบาๆ : “ผมเองก็หวังว่าคุณจะรู้ ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ผมจะคอยมองคุณอยู่ข้างหลังเสมอนะครับ”