บทที่ 860 บ้านของพวกเรา
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินหล่อนหลีพูดแบบนั้นก็ตกใจเล็กน้อย “เฝ้ายี่สิบสี่ชั่วโมง? พ่อบ้านจะไม่พักผ่อนไม่ได้ไหม?”
“วางใจเถอะ แม่ให้เขาสลับเวรกับสาวใช้”
หล่อนหลีปราดตามองเธออย่างไม่สบอารมณ์ “ให้ลูกไม่ต้องคิดมากเรื่องจุกจิก ทำไมลูกยังคิดถึงเรื่องพวกนี้ ดูแลสุขภาพให้ดีถึงเป็นเรื่องที่สำคัญ เรื่องอื่นส่งมาให้พวกเรา”
เวินเที๋ยนเที๋ยนแลบลิ้นอย่าง “รู้แล้วค่ะ หนูรับรองต่อไปจะไม่คิดอะไรทั้งนั้น”
“ก็ต้องประมาณนี้แหละ!”
หล่อนหลีรับปากเวินเที๋ยนเที๋ยนเรื่องช่วยงานบริษัทแล้วก็ไม่คืนคำ
วันต่อมา จี้จิ่งเชินมาก่อนเวลา
“เพราะวันนี้มีคุณแม่คอยช่วย แน่นอนว่าผมเลยมาได้เร็วขึ้น เป็นคุณงามความดีของเที๋ยนเที๋ยนใช่ไหม?”
จี้จิ่งเชินยกมุมปากขึ้นเป็นมุมโค้งชัดเจน
เวินเที๋ยนเที๋ยนชะงักไป เอ่ย “ฉันแค่อยากให้คุณพักผ่อนอยู่ที่บ้าน สีหน้าคุณไม่คอ่ยดี”
“ผมสบายดี”
จี้จิ่งเชินจับมือเธอแนบกับใบหน้าของตัวเอง “บอกว่าผมสีหน้าดูไม่ดี ทำไมคุณไม่ดูตัวเองด้วย?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มหน้าลง หลบเลี่ยงสายตาของเขา
“ฉันรู้ว่ารูปลักษณ์ฉันตอนนี้ดูไม่ดี……”
“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” จี้จิ่งเชินรีบชี้แจง ถอนหายใจออกมา “คุณก็รู้ ไม่ว่าคุณจะเป็นอย่างไร ในสายตาผมก็สวยทั้งนั้น”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้ม พยายามเรียกความกระปรี้กระเปร่า “ฉันเชื่อคุณ”
“ถ้าคุณเชื่อผมล่ะก็ ไม่เลือกที่จะพักฟื้นที่ตระกูลหล่อนหรอก”
จี้จิ่งเชินมองเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างขมขื่นใจ
เหมือนกับสุนัขที่ถูกทอดทิ้ง
เวินเที๋ยนเที๋ยนกระแอม หนีสายตาอย่างจนใจ
จี้จิ่งเชินคิดว่าเธอเข้าใจผิดคิดว่าเขาต่อว่าตัวเอง จึงรีบพูด “คุณอย่าคิดมาก ผมแค่อยากอยู่เป็นเพื่อนคุณให้นานขึ้น ที่ตระกูลหล่อนก็ดี แต่ไม่ดีไปกว่าบ้านของเรา”
บ้านของพวกเรา……
เวินเที๋ยนเที๋ยนเม้มริมฝีปาก ค่อยๆ พยักหน้า
“ฉันรู้แล้ว คุณไม่ต้องอธิบายแล้ว”
เธอพูดจบ ทั้งสองคนก็จมดิ่งกับความเงียบอีกครั้ง
ขอแค่เด็กคนนี้ยังอยู่ แค่ความคิดเห็นของพวกเขายังคงแตกต่างกัน ช่องว่างระหว่างพวกเขาก็ไม่มีทางมาบรรจบกันได้
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงยิ้มขมขื่นออกมา
บางที ช่องว่างนี้อาจจะคงอยู่ไปตลอดชีวิต
และเธออาจจะไม่สามารถเห็นวันที่ช่องว่างนั้นหายไป
“เที๋ยนเที๋ยน พ่อบ้านและแม่ครัวก็คิดถึงคุณ”
ในที่สุดจี้จิ่งเชินก็เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา
พ่อบ้านและแม่ครัว……ใช่แล้ว เธอไม่ได้เจอพวกเขาหลายวันแล้ว
ตั้งแต่ที่เธอออกจากบ้านมา ก็ไม่ได้ติดต่อกับพวกเขาอีกเลย
ได้ยินที่จี้จิ่งเชินพูด เพราะเรื่องที่เธอหนีออกไปพวกเขาโทษก็ตัวเองอยู่ตลอด
“หรือว่า ฉันโทรหาพวกเขาดีไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนอยากรายงานกับพวกเขาว่าสบายดี
จี้จิ่งเชินยิ้ม “ผมว่า ไม่จำเป็นแล้ว”
ไม่จำเป็นแล้ว?
ก็ใช่ จี้จิ่งเชินน่าจะรายงานความเป็นอยู่ของเธอให้แล้ว
จี้จิ่งเชินมองสีหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็รู้ว่าเธอเข้าใจผิดแล้ว
“พรุ่งนี้พ่อบ้านกับแม่ครัวจะมาเยี่ยมคุณ” ที่จี้จิ่งเชินพูดออกมาทำให้ต้องตกใจ “พวกเขาจะมาเยี่ยมคุณ”
“พวกเขาจะมา?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนชะงักไป ที่แท้ที่จี้จิ่งเชินบอกว่าไม่จำเป็นแล้วก็เพราะแบบนี้นี่เอง
“ใช่ ในเมื่อคุณไม่ยอมกลับบ้าน พวกเขาจึงต้องมาเยี่ยมคุณด้วยตัวเอง”
แม้ว่าจี้จิ่งเชินจะพูดอย่างไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับมองเห็นการประนีประนอมซุกซ่อนอยู่ภายใต้สีหน้าของเขา
“ฉัน……”
“คุณไม่อยากเจอพวกเขาแล้ว?”
จี้จิ่งเชินถามอย่างไม่แน่ใจ
“ไม่ใช่ ฉันต้องต้อนรับพวกเขาอยู่แล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบส่ายหน้า
เธอเพียงแค่……รู้สึกละอายใจ
พ่อบ้านและแม่ครัวดีกับเธอขนาดนั้น เธอกลับหนีไปโดยไม่บอกสักคำ
นี่มันไม่ยุติธรรมกับพวกเขาเกินไปแล้ว
สีหน้าลังเลของเวินเที๋ยนเที๋ยนตกอยู่ในสายตาของจี้จิ่งเชิน เขาเดาได้อย่างรวดเร็วว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“พวกเขาไม่โทษคุณ”
ได้ยินดังนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็แสดงสีหน้าประหลาดๆ “คุณรู้ได้อย่างไร?”
เขาไม่ใช่พ่อบ้านหรือแม่ครัว รู้ได้อย่างไรว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่?
น่าจะเป็นการปลอบใจเธอ
จี้จิ่งเชินมองเวินเที๋ยนเที๋ยน ในแววตาที่ลึกซึ้งของเขามีแค่เวินเที๋ยนเที๋ยนเพียงคนเดียว
“เพราะพวกเขาก็เอาใส่ใจคุณเหมือนกับผม”
……
หลังบ้าน
หล่อนเจียนีกับหลิวเหม่ยหลันถูกขังอยู่ในบริเวณบ้านมาสองสามวันแล้ว
ในตอนแรกหลิวเหม่ยหลันคิดว่าหล่อนเจียจะลงมืออย่างรวดเร็ว กลับคิดไม่ถึงว่าเธอจะเงียบสงบมาก
ราวกับยอมแพ้กับความคิดที่จะออกไปแล้ว
วันที่สาม ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหวแล้ว “เจียนี ลูกวางแผนอย่างไรกันแน่?”
ก่อนหน้าไม่ได้บอกว่าจะคิดวิธีสืบหาข่าวเหรอ?
แต่ผ่านมาสามวันแล้ว เธอกลับไม่มีความเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
หล่อนเจียนีเอนหลังพิงอยู่บนโซฟา พูดอย่างง่ายๆ “อย่ารีบร้อน เดี๋ยวก็มีโอกาสแล้ว”
“โอกาส?”
หลิวเหม่ยหลันมองหล่อนเจียนีอย่างกังวล “แต่รอโอกาสยังไม่ทันมา ลูกก็ทำให้ร่างกายพังแล้ว”
“ก็ต้องทำให้พังถึงจะได้!”
หล่อนเจียนีพูดพลางแล้วปราดตามองเธอ
คำพูดของเธอทำให้หลิวเหม่ยหลันสับสนมากยิ่งขึ้น “แม่จะเข้าใจว่าลูกหมายความว่าอะไรได้อย่างไร?”
“ไม่ต้องถามแล้ว แม่ ตอนนี้แม่ไปหาพ่อบ้าน บอกว่าหนูป่วยแล้ว ต้องการหาหมอ”
หล่อนเจียนีหลับตาลง ใบหน้าแดงเรื่อผิดปกติ
มองแล้วเหมือนจะไม่สบายจริงๆ
หลิวเหม่ยหลันรู้สึกผิดปกติทันที รีบแตะหน้าผากของเธอดูทันที
ร้อนมาก!
“เจียนี ทำไมหัวลูกร้อนขนาดนี้?”
“แม่ไม่ต้องสนใจเรื่องนี้แล้ว รีบไปตามคนมา”
หล่อนเจียนีไม่ได้อธิบายอะไรมาก แค่ให้หลิวเหม่ยหลันรีบทำตามที่เธอบอก
เพื่อที่จะป่วย เธอถึงกับสาดน้ำเย็นใส่ตัวเองกลางดึก ใช้น้ำเย็นสระผม ตากลมเย็น
ถึงได้ไข้ขึ้นสูง
หลิวเหม่ยหลันไม่กล้าเฉยชา รีบวิ่งออกไปตามคนทันที
แต่สาวใช้ของตระกูลหล่อนไม่ค่อยสนใจเธอ
ถึงอย่างไรผู้นำตระกูลหล่อนคือเวินเที๋ยนเที๋ยน และแม่ของเธอหล่อนหลีก็ขังพวกเธอไว้ที่หลังบ้านด้วยตัวเอง
ใครช่วยพวกเธอเวลานี้ ก็จะตกเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด
เหล่าคนใช้แม้ว่าจะไม่รู้ว่าทำไมหล่อนหลีถึงขังหลิวเหม่ยหลันและหล่อนเจียนี แต่พวกเขาล้วนเลือกมุ่งหาผลประโยชน์และหลีกเลี่ยงอันตรายกันอย่างชาญฉลาด
บริเวณหน้าบ้านไม่อนุญาตให้เข้า แต่อาการป่วยของหล่อนเจียนีไม่สามารถเสียเวลาได้
เธออยากโทรเรียกหมอ แต่หล่อนหลียึดเครื่องมือสื่อสารของพวกเธอทั้งหมด และไม่อนุญาตลูกน้องให้พวกเธอยืม
เธอจึงร้องไห้โวยวายในลานบ้านอย่างจนปัญญา
เสียงร้องไห้ดึงความสนใจคนอื่นมาอย่างรวดเร็ว ภายใต้การสอบถาม เรื่องที่หล่อนเจียนีไม่สบายก็ไปถึงหูฉวีผิง
เขาจึงมาดู หลิวเหม่ยหลันเห็นเขา ก็ราวกับเห็นที่พึ่งสุดท้าย ดึงแขนเขาเพื่อขอความช่วยเหลือ
“พ่อบ้าน เจียนีเธอป่วย รีบพาหมอมาดูเธอหน่อยเร็ว! ขอร้องล่ะ!”
หลิวเหม่ยหลันพูดเสียงเบา บนใบหน้าร้องไห้อย่างขมขื่น จะว่าแสดงก็เป็นไปไม่ได้ที่จะแสดงได้สมจริงขนาดนี้
ฉวีผิงพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ก็พยักหน้ารับปาก
เมื่อมาถึงบ้านที่พวกเธอพักอยู่ ฉวีผิงก็เห็นหล่อนเจียนีไข้ขึ้นหนักจริงๆ
หล่อนเจียนีเป็นคนของตระกูลหล่อน ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ เขาเองก็ยากที่จะอธิบาย
ลังเลอยู่นาน พ่อบ้านจึงเชิญหมอให้เธอ
เป็นหมอประจำตระกูลที่รับผิดชอบดูแลเวินเที๋ยนเที๋ยน