บทที่ 859 เขาหลอกตัวเองไม่ได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่หล่อนหลีกับเวินหงหยู้เป็นห่วง ในตอนนี้กำลังจ้องจี้จิ่งเชินโดยไม่พูดอะไร
เธอไม่ค่อยจ้องใครแบบนี้
“ทำไมมองผมแบบนี้?”
จี้จิ่งเชินราวกับกลัวว่าจะรบกวนเวินเที๋ยนเที๋ยน จึงเอ่ยถามเสียงเบา
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า
เธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไม แค่อยากมองเขาแบบนี้
บางที่เธออาจจะกำลังกลัวว่าต่อไปจะไม่มีโอกาสมองเขาแบบนี้แล้ว
ดังนั้นจึงอยากมองให้มากหน่อย สลักรูปลักษณ์ของเขาไว้ในใจ……หรือสลักไว้บนป้ายหน้าหลุมศพ
“จี้จิ่งเชิน ขอบคุณที่มาเยี่ยมฉัน”
เธอเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง แววตาไม่มีความสิ้นหวังลึกๆ นั้นอีกต่อไป
จี้จิ่งเชินฝืนยกยิ้มขึ้น
เขาสามารถมองเห็นได้ว่าอาการป่วยของเวินเที๋ยนที๋ยนนั้นหนักยิ่งกว่าเดิม
ก่อนหน้านี้ใบหน้ายังพอมีเนื้อหนังบ้าง ตอนนี้กลับซูบตอบไปแล้ว ไม่เกินจริงที่จะบอกว่าราวกับเป็นหนังหุ้มกระดูก
อ่อนแอจนเขาปวดใจ
“กลัวคุณรำคาญผม ผมเลยไม่กล้ามา”
จี้จิ่งเชินหัวเราะอย่างขมขื่น “แต่ผมก็อดไม่ได้ อยากมาเยี่ยมคุณ อยากอยู่กับคุณ”
“อืม”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าเล็กน้อย
หลังจากนั้นไม่นานเธอจึงพูดต่อ “ฉันไม่เคย……คิดรำคาญคุณเลย”
เธอจะรำคาญเขาได้อย่างไร?
เธอแค่กลัวว่าจี้จิ่งเชินเห็นสภาพตอนนี้ของเธอ
เธออยากให้จี้จิ่งเชินจดจำแค่ภาพลักษณ์ที่ดูดีของเธอ ไม่ใช่เห็นสภาพเธอตอนนี้ ผอมแห้งราวกับโครงกระดูก
ทุกวันที่ตื่นขึ้นมาตอนเช้า เวินเที๋ยนเที๋ยนยังถูกตัวเองในกระจกทำให้ตกใจ
สภาพเธอตอนนี้ ซีดเซียวเกินไปแล้ว
เธอเป็นห่วงว่าจี้จิ่งเชินจะเสียใจ
จี้จิ่งเชินไม่รู้ถึงความคิดในใจเธอ แต่เมื่อได้ยินคำพูดหนึ่งของเธอ “ไม่รำคาญ” ตาเป็นประกายราวกับคว้าความหวังไว้ได้
“ถ้าอย่างนั้นต่อไปผมมาบ่อยๆ ได้ไหม?”
เขาถามอย่างระมัดระวัง
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า “ได้สิ”
ตามด้วยเธอเห็นชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเผยรอยยิ้มออกมา
ในตอนนั้นเองพ่อบ้านกับสาวใช้ก็ยกอาหารเย็นเข้ามา สาวใช้กำลังจะป้อนอาหารให้เวินเที๋ยนเที๋ยน กลับถูกจี้จิ่งเชินขวางไว้เสียก่อน
“ผมทำเอง”
จี้จิ่งเชินบอกกับสาวใช้ แต่สายตากลับจับจ้องไปที่เวินเที๋ยนเที๋ยน
กลัวว่าเธอจะปฏิเสธเขา
สาวใช้เองก็มองเวินเที๋ยนเที๋ยน ส่งสายตาสอบถามให้เธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าให้เธอ
อาหารเย็นของเวินเที๋ยนเที๋ยนเน้นรสชาติ เครื่องเคียงเบาๆ น่ารับประทานเป็นหลัก และโจ๊กเป็นโจ๊กลูกเดือย
ทานอาหารอย่างอื่นทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนคลื่นไส้รุนแรงได้ง่ายๆ
จี้จิ่งเชินระงับความทุกข์ใจในดวงตาไว้ ตักโจ๊กลูกเดือยขึ้นมาเป่าให้เวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วส่งไปที่ปากเธอ
“ระวังร้อน”
เขาเอ่ยเตือน
เวินเที๋ยนเที๋ยนค่อยๆ ดื่มโจ๊กลูกเดือยที่จี้จิ่งเชินป้อน
ทั้งสองคนดื่มด่ำช่วงเวลาของมื้อเย็นที่หาได้ยาก
หลังจากเสร็จมื้อเย็นแล้ว จี้จิ่งเชินกลับไม่มีความคิดที่จะกลับไปเลยแม้แต่น้อย
เขาก็ไม่ได้พูดกับเวินเที๋ยนเที๋ยนมากนัก แล้วอยู่ข้างๆ เป็นเพื่อนเธอ
แม้ว่าหลายวันมานี้เขาจะไม่ได้มาเลย แต่ก็ได้ยินเรื่องที่เกี่ยวกับเวินเที๋ยนเที๋ยนจากปากคุณนายตระกูลหล่อนไม่น้อย
ผ่านไปสักพัก เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเวลาแล้วเตือนเขา “ดึกมากแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”
เธอจำได้ว่าช่วงก่อนหน้านี้ จี้จิ่งเชินยุ่งอยู่กับงานของบริษัท แล้วยังต้องดูแลบริษัทของตระกูลหล่อนไปพร้อมๆ กันด้วย
ไหนยังต้องดูแลเธอที่โรงพยาบาล ธุระมากมายขนาดนี้ เขาจะรับมือไหวไหม?
เธอกลับมาที่ตระกูลหล่อน ก็เพื่อเป็นการลดภาระให้เขาด้วย
เธอไม่อยากเป็นภาระจี้จิ่งเชินอีกแล้ว
ได้ยินดังนั้นจี้จิ่งเชินจึงมองเวินเที๋ยนเที๋ยน “คุณจะไล่ผมไปเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินร่องรอยน่าสงสารในน้ำเสียงของเขา
“ฉันแค่กลัวว่าคุณจะเหนื่อย”
แววตาของเธอฉายแววเป็นห่วง ตกอยู่ในสายตาของจี้จิ่งเชิน สวยงามและสั่นไหว
ใครก็พรากเวินเที๋ยนเที๋ยนของเขาไปไม่ได้ ต่อให้เป็นเทพแห่งความตายก็ไม่ได้
เขาเม้มริมฝีปากแล้วเอ่ยเสียงเบา “พรุ่งนี้ผมจะมาเยี่ยมคุณอีก”
แล้วหมุนตัวกลับไป
เขากลัวว่าถ้าตัวเองอยู่ต่อ จะทำทุกวิถีทางเพื่อพาเวินเที๋ยนเที๋ยนไปเอาเด็กออก
เวินเที๋ยนเที๋ยนเฝ้ามองตามจี้จิ่งเชินกลับไป
ภายในห้องนอนที่อยู่เพียงคนเดียวก็ได้ยินเสียงเธอถอนหายใจหนักๆ ออกมา “ขอโทษ”
วันถัดมา จี้จิ่งเชินก็มาเยี่ยมเวินเที๋ยนเที๋ยนอีกตามที่พูดไว้จริงๆ
ทุกครั้งที่เขามาเยี่ยมเวินเที๋ยนเที๋ยนก็จะอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน
เขาก็ไม่ได้พูดอะไร แค่มาอยู่เป็นเพื่อนเธอเท่านั้น
ทำให้เวินหงหยู้และหล่อนหลีที่กังวลในตอนแรก ค่อยๆ วางใจลง
วันนี้หลังจากที่จี้จิ่งเชินกลับไปแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนลังเลอยู่นานแต่ก็พูดออกมา “แม่ หนูมีเรื่องอยากปรึกษาแม่”
หล่อนหลีได้ยินดังนั้นก็ชะงักมือไป ผิวแอปเปิลที่เดิมยังไม่ขาดถูกเธอตัดขาดเสียแล้ว
แต่เธอไม่ได้ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยพวกนี้
“ลูกพูดมา อยากทานอะไร บอกแม่มาเลย”
“ไม่ใช่เรื่องนี้……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองหล่อนหลีอย่างขบขัน
ช่วงนี้แม่มักจะถามว่าเธออยากทานอะไร เห็นเธอกลายเป็นถังข้าวแล้วจริงๆ?
หล่อนหลีถามอย่างสงสัย “เรื่องอะไรล่ะ?”
“หนูแค่คิดว่า หนูกำลังพักฟื้นร่างกายอยู่ ไม่สามารถดูแลเรื่องบริษัทได้เลย”
หล่อนหลีก็ช่างเฉียบแหลม เวินเที๋ยนเที๋ยนเพียงแค่พูดเปรยๆ เธอก็เข้าใจความหมายแล้ว
“แม่เข้าใจแล้ว หนูอยากให้แม่ช่วยหนูดูแลบริษัท ลดภาระของจี้จิ่งเชินใช่ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยพักหน้าเล็กน้อย
หล่อนหลีอดไม่ได้ที่จะอิจฉา “ลูกเป็นห่วงจี้จิ่งเชิน ไม่เป็นห่วงตัวเอง?”
สบตากับสายตาของเธอ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ร้อนรนแล้ว
“เรื่องของหนูเองก็ลำบากมากพอแล้ว งานของบริษัทแม่เข้าใจดี และจัดการได้ราบรื่นขึ้น”
ถึงอย่างไรหล่อนหลีก็เป็นคนตระกูล ผู้ถือหุ้นของบริษัทตระกูลหล่อนล้วนเชื่อถือเธอ
จี้จิ่งเชินไม่ใช่คนของตระกูลหล่อนจริงๆ เวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นห่วงว่าคนของบริษัทจะทำให้เขาลำบากใจ
แม้ว่าวันนี้จี้จิ่งเชินจะตั้งใจจัดการเป็นพิเศษ แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยังมองเห็นท่าทางซีดเซียวของเขา
พวกเขาเคยอยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืน หลับนอนด้วยกันมา
เขาหลอกตัวเองไม่ได้
แน่นอน คำพูดพวกนี้เธอไม่ได้พูดออกไป
หล่อนหลีถอนหายใจออกมา สบกับสายตาน่าเอ็นดูของเวินเที๋ยนเที๋ยน บวกกับร่างกายที่อ่อนแอของเธอ
หล่อนหลีไม่สามารถที่จะลังเลได้อีกต่อไป
“ได้ แค่เรื่องจัดการบริษัทเองไม่ใช่หรือไง เรื่องเล็กๆ น้อยๆ นี้แม่ช่วยได้”
หล่อนหลีลูบผมเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างอ่อนโยน “ลูกน่ะ บำรุงร่างกายให้ดี ไม่ต้องคิดมากเรื่องจุกจิกพวกนี้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มบางเอ่ย “หนูก็เบาใจมากแล้ว”
เธออยู่บ้านทั้งวัน มีคนดูแลเรื่องอาหารเสื้อผ้าทุกอย่าง อยากจะคิดมากก็ไม่มีโอกาสแล้ว
และเธอก็รู้ว่าร่างกายของตัวเองเป็นอย่างไร เอาที่ไหนมากล้าคิดมาก?
“ต้องการอะไร เรียกฉวีผิงได้ตลอดเวลา แม่ให้เขาเฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”
หล่อนหลียังคงเป็นห่วงเวินเที๋ยนเที๋ยน
เวินหงหยู้แม้ว่าเขาจะรักเวินเที๋ยนเที๋ยน แต่เขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ไม่ได้ละเอียดพิถีพิถันขนาดนั้น
ลูกสาวยิ่งเป็นคนที่ไม่ชอบรบกวนคนอื่น เผื่อว่าไม่สบายที่จุดไหนแล้วซ่อนไว้ไม่พูดออกมา จะแย่เอา
ดังนั้นเธอจึงต้องกำชับไว้ก่อนให้เรียบร้อย ถึงจะวางใจ