บทที่ 862 คุณให้อภัยเขาได้ไหม?
ดวงตาเวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่อคลอด้วยน้ำตา
“เที๋ยนเที๋ยน เขารักเธอมากจริงๆ”
หลวนจื่อก็ได้สติกลับมา สาเหตุที่จี้จิ่งเชินไม่ได้บอกเธอ แน่นอนว่าไม่ใช่เพื่อเธอ
แต่เพื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างแน่นอน
ความรู้สึกที่ไม่เห็นแก่ตัวแบบนี้ จะทำให้เธอไม่ซาบซึ้งได้อย่างไร?
ได้ยินดังนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงค่อยๆ พยักหน้า “ฉันรู้แล้ว ฉันรู้มาตลอด”
เธอไม่เคยสงสัยความรู้สึกที่จี้จิ่งเชินมีให้เธอ
แต่ด้วยสาเหตุนี้ เธอถึงได้ไม่สบายใจ
“เพราะรู้ว่าเขาแคร์ฉันแค่ไหน ฉันถึงได้อยากหนีไปจากเขา ไม่อย่างนั้น ฉันก็จะปกป้องลูกของฉันไม่ได้”
โอกาสรอดสี่สิบเปอร์เซ็นต์ ก็เหมือนกับคำสาปที่ไม่มีทางหลบหนีได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนยินยอมที่จะเดิมพัน แต่จี้จิ่งเชินกลับไม่กล้าเดิมพัน
จุดยืนของพวกเขาตรงข้ามกัน ต้องมีคนใดคนหนึ่งที่จะต้องประนีประนอมให้กับอีกฝ่าย
ไม่มีใครสามารถช่วยพวกเขาได้ มีเพียงพวกเขาเองเท่านั้น
หลวนจื่อและหมินอันเกอสบตากัน ล้วนรู้สึกไร้ความสามารถ
พวกเขาพูดคุยกันถึงเรื่องอื่นๆ แล้วจึงบอกลากัน
“หลวนจื่อ ครั้งหน้าเจอกันต้องพาลูกเธอมาด้วยนะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดแบบนี้ เพราะไม่อยากให้เธอมาอยู่เป็นเพื่อนเธอแล้วตัวเองจะต้องเหนื่อย
“อืม……”
เมื่อหลวนจื่อคิดถึงอาการป่วยของเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็รู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมา
น้ำตาสองสายไหลลงมา
“เที๋ยนเที๋ยน รับปากฉัน มีชีวิตต่อไปให้ดีๆ นะ!”
หลวนจื่อสวมกอดเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างอาลัยอาวรณ์
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มแล้วเอ่ยปลอบเธอ “เธอวางใจเถอะ ฉันจะดูแลตัวเองให้ดี”
ไม่ว่าจะเพื่อหลวนจื่อ หรือเพื่อครอบครัว……
หรือเพื่อผู้ชายที่รักเธออย่างลึกซึ้งคนนั้น
เธอจะต้องมีชีวิตต่อไปให้ได้
หลวนจื่อและหมินอันเกอออกจากตระกูลหล่อนไปแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนมองตามพวกเขา จนกระทั่งรถหายไปจากสายตาของเธอ
กำลังจะกลับห้อง กลับเห็นพ่อบ้านกับแม่ครัวที่ถือกระเป๋าทั้งใบใหญ่ใบเล็กพร้อมกับเดินเข้ามาหาเธอ
จี้จิ่งเชินยืนอยู่ด้านหลัง ส่งยิ้มมาให้เวินเที๋ยนเที๋ยน
“มาแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนปาดน้ำตาที่ยังไม่แห้งจากหัวตา “รีบเข้ามาเร็ว!”
เธอต้อนรับพ่อบ้าน แม่ครัว แล้วก็จี้จิ่งเชินเข้ามา
“คุณนาย ไม่เจอตั้งหลายวัน พวกเราร้อนใจกันแทบตายแล้ว”
พ่อบ้านส่งของบำรุงในมือให้กับฉวีผิง แล้วก็เข้ามาประคองด้านหลังของเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างระมัดระวัง
แม่บ้านยืนอยู่ข้างๆ เห็นด้วยกับคำพูดของพ่อบ้านเป็นอย่างมาก “ใช่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อบ้างขวางไว้ ฉันแทบจะไปตามหาคุณด้วยตัวเองแล้ว”
เธอหิ้วกล่องใส่อาหารไว้ในมือ เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว เธอก็เปิดกล่องอาหารออก
“นี่คือผักที่คุณผู้หญิงฝากคนส่งมาให้ตอนนั้น ยังไม่ทันได้ทำอะไร คุณก็……”
เธอยังพูดไม่ทันจบ พ่อบ้านก็ขัดขึ้นมา “พูดให้มันดีๆ หน่อย!”
แม่บ้านถึงรู้สึกตัว รีบหยิบของข้างในออกมา “นี่คือโจ๊กผักที่ฉันตั้งใจทำเป็นพิเศษ บำรุงกระเพาะกระตุ้นการไหลเวียนเลือด เหมาะสำหรับคนท้องทานที่สุด”
เธอยื่นส่งให้จี้จิ่งเชิน
เธออยากป้อนเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยตัวเอง แต่จี้จิ่งเชินกลับจ้องเธอด้วยสายตาล้ำลึกนั่น ทำให้เธอไม่สามารถทำแบบนั้นได้
จึงได้แต่ให้จี้จิ่งเชินทำแทน
จี้จิ่งเชินจึงรับโจ๊กมา “รีบทานตอนที่ยังร้อนๆ”
เขาส่งสัญญาณให้พ่อบ้านประคองเวินเที๋ยนเที๋ยนนั่งลง
ตัวเองก็นั่งลงข้างเธอ แล้วเป่าโจ๊กให้
เวินเที๋ยนเที๋ยนทานโจ๊กไปพร้อมๆ กับมองพ่อบ้านและแม่ครัว
พวกเขาราวกับมีเรื่องที่ต้องการพูด แต่กลับลังเลไม่พูดออกมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนทานโจ๊กเสร็จแล้ว ก็เอ่ยกับจี้จิ่งเชิน “คุณไปจัดการธุระเถอะ ที่นี่มีพ่อบ้านกับแม่ครัวอยู่เป็นเพื่อนฉันแล้ว”
“คุณไล่ผมไปอีกแล้ว?”
จี้จิ่งเชินเลิกคิ้ว แม้ว่าจะมีหลายเรื่องรอให้เขาจัดการอยู่จริงๆ
เพียงแต่ว่า……
“รอคุณเสร็จเรื่องยุ่งๆ แล้วค่อยมา” เวินเที๋ยนเที๋ยนลูบรอยยับบนเนกไทให้เขา “ถึงอย่างไรฉันก็อยู่ที่นี่ ไม่หนีแล้ว”
จี้จิ่งเชินจึงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
เมื่อจี้จิ่งเชินออกไปแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงเอ่ยถาม “พ่อบ้าน เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมพวกคุณถึงดูเหมือนมีอะไรบางอย่างอยากพูดแต่ลังเลไม่พูด?”
แม่ครัวกับพ่อบ้านสบตากัน
ท่าทางลังเลนี้ยิ่งทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนแน่ใจว่าเดาถูก
ในที่สุด พ่อบ้านก็เอ่ยขึ้นมา “ตอนที่คุณจากไป คุณจี้ตามหาคุณทั้งวันทั้งคืน บ่อยครั้งที่มีข่าวคราวที่ยังไม่แน่นอนมา เขาก็จะออกไปทันที ไม่สนว่าจะเป็นเวลาไหนก็ตาม ต่อให้จะเป็นเวลาก่อนฟ้าสางก็ตาม”
แม้ว่าพ่อบ้าจะพูดว่า “ตอนที่จากไป” แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เข้าใจชัดเจนว่าความหมายของเขาคือช่วงเวลาที่เธอหนีออกจากบ้านไป
ได้ยินดังนั้นเวินเที๋ยนเที๋ยนจึงเม้มปากอย่างเสียใจ
มิน่าตอนนั้นในโทรทัศน์สีหน้าของเขาถึงได้แย่ขนาดนั้น มิน่าแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ไม่เจอไม่กี่วัน เขาถึงได้ซีดเซียวขนาดนั้น
ชัดเจนว่าเขาตามหาเธอโดยไม่คิดชีวิต
แล้วเธอล่ะ ทำอะไรลงไป?
หนีออกจากบ้าน ปฏิเสธไม่ยอมเจอหน้า แม้จี้จิ่งเชินจะมาถึงหน้าประตูแล้ว เธอยังปิดประตูใส่เขา
หลบหนีทุกวิถีทาง……
ไม่สิ เธอแค่การทรมานเขา
“คุณนาย คุณอย่าเสียใจไปเลย นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ” แม่ครัวพูดให้คลายกังวล “คุณจี้เขา……ก็ไม่ผิด พวกคุณแค่จุดยืนไม่เหมือนกัน วิธีคิดไม่เหมือนกัน”
“หลายวันมานี้ ฉันมักจะเห็นคุณจี้ยืนอยู่คนเดียวหน้าห้องนอน เหม่อมองรูปแต่งงานของคุณกับเขา มองจนฟ้าสาง มีบางครั้งฉันตื่นมาเตรียมอาหารเช้า ไฟในห้องนอนของคุณกับเขาก็ยังคงเปิดอยู่”
คำพูดของแม่ครัว ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ่งเสียใจ
ราวกับว่าเธอสามารถจินตนาการถึงภาพเหตุการณ์นั้นได้
ผู้ชายร่างสูงใหญ่ แสงไฟสลัว แล้วก็รูปแต่งงานขนาดใหญ่นั้น
เขายืนอยู่หน้ารูปแต่งงาน เหนื่อยล้าแต่กลับนอนหลับไม่ลง
ไม่มีเรื่องอะไรที่สิ้นหวังไปกว่าการเฝ้ามองชีวิตของคนรักค่อยๆ ผ่านไปราวกับสายน้ำ
แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้
ถ้าหากคิดในอีกแง่มุมหนึ่ง ถ้าคนที่ป่วยคือจี้จิ่งเชิน……เธอคิดว่า เธอจะต้องเจ็บปวดราวกับติดอยู่ในค่ำคืนที่เหน็บหนาวและยาวนานจนแทบบ้าแน่ๆ
พ่อบ้านและแม่ครัวเห็นความรู้สึกเศร้าสลดบนสีหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยน ล้วนทำใจเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนเสียใจไม่ได้ จึงไม่พูดถึงเรื่องของจี้จิ่งเชินอีกอย่างรู้กัน
กลับเป็นเวินเที๋ยนเที๋ยนที่เอ่ยถาม “ช่วงนี้เขา……สบายดีไหม?”
ที่จริงคำพูดนี้ไม่จำเป็นต้องถาม เธอก็เดาถึงคำตอบได้แล้ว
พ่อบ้านถอนหายใจ “เดี๋ยวนี้หลังจากคุณชายกลับมาที่บ้านแล้ว ไม่อยู่ที่ห้องหนังสือ ก็อยู่ที่ห้องนอนคิดถึงคุณนาย แทบจะไม่มีเวลานอนมากนัก”
“คุณชายใช้การทำงานหนัก ทำให้ภายในใจตัวเองจะได้ไม่เจ็บปวดขนาดนั้น”
คำพูดของพ่อบ้าน ยิ่งทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนปวดใจ
ใช้วิธีทำงานไม่หยุดเพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่รู้สึกอะไร
เธอสามารถจินตนาการได้ทั้งหมดว่าภายในใจของจี้จิ่งเชินกำลังทรมานอย่างไร
“คุณนาย คุณให้อภัยให้เขาได้ไหม?”
พ่อบ้านเอ่ยถามอึกๆ อักๆ
ให้อภัย?
ตั้งแต่ต้นจนจบ ที่จี้จิ่งเชินทำไปทั้งหมด เขาเพียงแค่อยากช่วยเธอก็เท่านั้น
จี้จิ่งเชินที่เป็นแบบนั้น เธอมีสิทธิ์อะไรไปถือโทษเขา?
ต่อให้ก่อนหน้านี้เพราะจี้จิ่งเชินปิดบังเธอ คิดจะแอบเอาลูกในท้องของเธอออก เธอจะแค้นเคืองเขาอยู่บ้าง
จนถึงตอนนี้ ความแค้นเคืองนั้นได้จางหายไปนานแล้ว