บทที่879 ทุกอย่างปลอดภัย
ร่างกายของเวินเที๋ยนเที๋ยนนับวันก็ยิ่งเลวร้ายลงไปทุกที
กินยา ฉีดยาทุกวัน ดูแลสุขภาพ แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธอเห็นหล่อนหลีแอบเช็ดน้ำตา เวินหงหยู้ก็ปลอบใจเธออยู่ข้างๆ พูดๆแล้วตัวเองก็รู้สึกแย่ขึ้นมาเหมือนกัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นพวกเขาเจ็บปวด ในใจของตัวเองนั้นก็เจ็บปวดยิ่งกว่า
เธอสามารถจินตนาการได้เลยว่าถ้าหากเธอทนต่อไปไม่ไหวจริงๆ บุคคลเหล่านี้ที่รักเธอจะต้องเจ็บปวดมากแค่ไหน?
“จี้จิ่งเชิน รับปากฉันนะคะ ถ้าหากฉัน……ขอให้พี่ดูแลพ่อแม่ของฉันให้ดีๆ แล้วก็ดูแลตัวเองดีๆด้วย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองจี้จิ่งเชินอย่างจริงจัง
“ผมไม่อนุญาตให้คุณพูดแบบนี้นะ” จี้จิ่งเชินจ้องมองเวินเที๋ยนเที๋ยน ตาทั้งสองข้างแดงก่ำ
“ไม่ได้รับการอนุญาตจากผม คุณจะต้องใช้ชีวิตดีๆได้ต่อไป ต่อไปไม่ให้พูดแบบนี้ออกมาแล้วนะครับ ได้ยินไหม?”
น้ำเสียงของจี้จิ่งเชินจริงจังอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับฟังออกถึงน้ำเสียงที่มีความหวาดกลัวอยู่ในนั้น
เธอค่อยๆผละออกมาจากอ้อมกอดของเขา
“เรื่องในอนาคต ใครก็ไม่อาจคาดคิดได้หรอกค่ะ ฉันเพียงแค่หวังว่า ก่อนสิ่งที่ไม่คาดคิดจะมาถึง ก็อยากจะเตรียมทุกอย่างเอาไว้ก่อน”
หรือจะพูดอีกนัยนึงก็คือ เป็นการเตรียมความพร้อมเอาไว้หลังจากนี้
คำพูดของเวินเที๋ยนเที๋ยนทำให้จี้จิ่งเชินเบิกตาขึ้นมาทันที
“คุณจะไม่เป็นอะไร ลูกก็จะไม่เป็นอะไร ผมรับประกัน! ผมรับประกันด้วยชีวิต!”
คำพูดรับประกันแบบนี้ จี้จิ่งเชินเคยพูดไปแล้วครั้งนึง
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนดูเหมือนจะไม่เชื่อ
ดังนั้นครั้งนี้เขาเอ่ยพูดออกมาอย่างมุ่งมั่น โดยไม่เหลือที่ว่างเอาไว้เลย
เขาเอาชีวิตของเขามารับประกันความปลอดภัยของลูกกับเวินเที๋ยนเที๋ยน ถ้าหากเธอเกิดอะไรขึ้น ชีวิตของเขาก็ไม่มีความหมายอะไรแล้วเช่นกัน
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นความมุ่งมั่นในสายตาของเขาอย่างไม่เคยมีมาก่อน
เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เนื่องจากว่าเธอกลัวว่าจี้จิ่งเชินจะพูดคำพูดเหมือนๆกันแบบนี้ออกมาอีก
เธอหวังว่าเขาจะมีชีวิตที่ดี ไม่ว่าเธอจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้หรือไม่ก็ตาม
“เรากลับไปกันเถอะค่ะ ตอนนี้ฉันไม่ตื่นเต้นแล้ว”
สุดท้ายแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็พูดได้เพียงแค่ประโยคนี้เท่านั้น
ตอนนี้เธอไม่ได้รู้สึกกังวลขนาดนั้นแล้ว เนื่องจากว่าเธอเชื่อว่าหลวนจื่อจะต้องคลอดลูกออกมาได้อย่างปลอดภัยแน่นอน
เพียงแค่นึกถึงชีวิตใหม่ที่จะเกิดขึ้นมา เมื่อนึกถึงว่าเธอจะได้อุ้มลูกของหลวนจื่อ ความกังวลและความกลัวเหล่านั้น ก็หายไปหมดแล้ว
ข้อเสนอแนะของจี้จิ่งเชินได้ผลจริงๆ
กลับมาที่ห้องคลอดแล้ว หมินอันเกอยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องคลอด แข็งทื่อราวกับรูปปั้นแกะสลัก
เขาเป็นห่วงหลวนจื่อมาก แต่ความกังวลของเขานี้ทุกคนก็สามารถเข้าใจได้
เพราะถึงอย่างไรที่อยู่ในห้องคลอดเวลานี้ เป็นผู้หญิงและลูกของเขา
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปยังจี้จิ่งเชินแวบหนึ่ง จากนั้นก็เดินเข้าไป “หลวนจื่อไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ แทนที่จะมากังวลเธอ สู้มาคิดว่าเดี๋ยวเราจะมาต้อนรับเธอกันยังไงดีกว่านะคะ”
หมินอันเกอยังไม่มีปฏิกิริยาในตอนแรก จากนั้นเขาก็พยักหน้าลง แล้วเริ่มคิดว่าตัวเองควรจะพูดอะไรออกมาดี
แต่คิดอยู่นาน กลับยังไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยปากออกมาอย่างไร
ตอนนี้เขาตื่นเต้นเสียจนหยุดนิ่งไปตั้งแต่แรกแล้ว
หมินอันเกอมองเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างสับสน “คุณรู้สึกว่าผมควรพูดอะไรดี?”
“ฉันคิดว่า…….” ดวงตาของเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นประกาย “หลวนจื่ออยากจะได้ยินอะไรที่สุดคะ? อยากจะได้ยินอะไรจากปากคุณมากที่สุด?”
หมินอันเกออึ้งไป ราวกับนึกอะไรได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้รบกวนเขาอีก แล้วหันกลับไปอยู่ข้างๆจี้จิ่งเชิน
เวลาค่อยๆผ่านไป จนในที่สุดประตูห้องคลอดก็เปิดออก!
เวินเที๋ยนเที๋ยนและหมินอันเกอมองเข้าไปด้านในทันที!
สายตาของพวกเขา หยุดอยู่กับทารกในมือของพยาบาลขึ้นมาทันใด!
“นี่ นี่คือ……”
หมินอันเกอตื่นเต้นเสียจนพูดไม่ออกแล้ว!
พยาบาลเห็นคุณพ่อที่มองลูกอย่างละสายตาไม่ได้แบบนี้มาเสียจนชินแล้ว
เธอยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วเอ่ยพูดขึ้นมาเบาๆ : “ปลอดภัยทั้งแม่และลูกค่ะ”
ดีจังเลย!
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองสบตากับจี้จิ่งเชิน ล้วนแต่มองเห็นสายตาที่ปีติยินดีของอีกฝ่าย
หมินอันเกอยิ่งกว่า เพราะใบหน้าของเขานั้นกำลังมีความสุขเป็นอย่างมาก!
“คุณพยาบาลครับ ผมสามารถไปดูหลวนจื่อได้ไหม?”
หมินอันเกอละสายตาออกไปจากลูกน้อยด้วยความยากลำบาก
พยาบาลพยักหน้าลงพลางเอ่ยขึ้น : “รออีกซักครู่ เราจะนำตัวของคุณหลวนจื่อย้ายไปที่ห้องพักผู้ป่วย แล้วพวกคุณก็จะสามารถเข้าเยี่ยมเธอได้แล้วค่ะ”
“โอเคครับ”
หมินอันเกอรับเด็กที่อยู่ในอ้อมกอดของเธอมาจากการส่งสัญญาณบอกของพยาบาล
เวินเที๋ยนเที๋ยนเข้าไปดู
เด็กที่เพิ่งจะเกิดนั้นดูหน้ายู่ยี่ จริงๆแล้วไม่ได้ดูดีซักเท่าไรนัก
แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับรู้สึกว่าเธอเป็นนางฟ้าที่งดงามที่สุดในโลกนี้แล้ว
“คุณพยาบาลคะ ทำไมเธอไม่ร้องไห้ล่ะคะ?”
จู่ๆเวินเที๋ยนเที๋ยนก็นึกขึ้นมาได้ ว่าตอนแรกที่เกิดมาเด็กจะต้องร้องไห้ ไม่อย่างนั้นจะดูเหมือนกับมีโรค
พยาบาลยิ้มพลางกล่าว : “เธอร้องไห้ในห้องคลอดเสียงดังมากค่ะ แต่พอออกมาก็ไม่ร้องเลย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเด็กน้อยด้วยความประหลาดใจ หัวเราะแล้วเอ่ยขึ้น : “หรือว่าเธอเห็นพ่อแล้วก็เลยไม่ร้องไห้?”
หมินอันเกอได้ยินแล้ว ก็ยิ้มแหยๆออกมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนยื่นนิ้วออกมาด้วยความสงสัยแล้วจิ้มลงไปที่ใบหน้ารูปไข่ของเด็กน้อย
นิ่มๆ ร้อนๆ
น่ารักเสียจนแทบจะทำให้หัวใจเธอละลายแล้ว
ไม่นาน หลวนจื่อเองก็ถูกเข็นออกมาจากห้องคลอด
ทุกคนต่างก็ตามพยาบาลมาที่ห้องพักผู้ป่วย
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังสังเกตท่าทางของหลวนจื่อ
เธอดูตกอยู่ในสถานการณ์ที่ดูยากลำบาก เพียงแต่ดูมีชีวิตชีวาอยู่บ้าง
หมินอันเกอรีบเอ่ยถามเธอ : “คุณเป็นยังไงบ้างครับ? ยังเจ็บอยู่ไหม? รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
หลวนจื่อมองทั้งสองคนที่มือไม้อ่อนเสียจนทำอะไรไม่ถูกอย่างขำๆ
“พวกคุณถามกันมาซะขนาดนี้ ฉันควรจะตอบคำถามไหนก่อนดี?”
หมินอันเกอถึงได้ค่อยๆสงบลง แต่แววตานั้นมีความดีใจอยู่
เขาอุ้มลูกน้อยแล้วส่งไปตรงหน้าหลวนจื่ออย่างระมัดระวัง พลางเอ่ยขึ้นเบาๆ : “ดูสิครับ ลูกของเรา!”
น้ำเสียงมีความโอ้อวดยิ่งนัก
เมื่อหลวนจื่อเห็นแล้วก็ขมวดคิ้วขึ้นมาในทันที
“ทำไมถึงเหมือนลิงแบบนี้ล่ะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่งสัญญาณบอกให้หมินอันเกอส่งลูกให้เธอ
หมินอันเกอมองหลวนจื่อแวบหนึ่ง หลวนจื่อจึงพยักหน้าให้เขา เขาถึงได้อุ้มลูกส่งให้กับเวินเที๋ยนเที๋ยน
“เด็กที่เพิ่งเกิดมาก็เป็นแบบนี้แหล่ะ เดี๋ยวไม่นานก็น่ารักแล้ว” เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มพลางเอ่ยขึ้นมาทันที
หลวนจื่อรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง “ใช่ไหม?”
ได้ยินแล้ว หมินอันเกอก็จับมือหลวนจื่อเอาไว้ น้ำเสียงหนักแน่นเป็นอย่างมาก
“ลูกของเราน่ารักมากเลยนะ หน้าเหมือนคุณมาก”
หลวนจื่อมองเขาอย่างแปลกใจ “หน้าตา…..เหมือนฉัน?”
“เขาหน้ายู่ยี่แบบนี้ เหมือนฉันตรงไหนกัน?” หลวนจื่อเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
ถึงแม้ว่าเพิ่งจะออกมาจากห้องคลอด แต่เธอกลับดูไม่อ่อนเพลียเลย ว่าแล้วก็ดูจะไม่มีความรู้สึกที่ไร้เรี่ยวแรงแบบนั้นเลยเสียด้วยซ้ำ
แต่หมินอันเกอกลับเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างหนักแน่น : “ลูกของเราน่ารักมาก เหมือนคุณเลย”
หลวนจื่อเห็นใบหน้าที่จริงจังของเขา ก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“รู้แล้วค่ะ รู้แล้ว เหมือนฉันโอเคไหม?”
ว่าแล้ว กลับจ้องมองลูกตาเป็นมัน “ให้ฉันอุ้มลูกหน่อยสิคะ”
หมินอันเกอพยักหน้า แล้วเอาตัวลูกวางบนร่างของหลวนจื่ออย่างระวัง
เขากลัวว่าลูกจะไปทับหลวนจื่อ และยังใส่ใจด้วยกันแบกรับน้ำหนักของลูกเอาไว้อีกด้วย
ท่านี้ถึงแม้จะดูอึดอัดอยู่บ้างแต่กลับเห็นได้ถึงความจริงใจและความเอาใจใส่ยิ่งนัก
หลวนจื่อก้มลงมองลูกของตัวเอง แววตานั้นเอ่อล้นไปด้วยความสุขและความปีติ
เห็นท่าทางที่มีความสุขของพวกเขา เวินเที๋ยนเที๋ยนก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
หมินอันเกอยังไม่ได้รู้สึกถึงอะไรเลยนั้น หลวนจื่อก็เห็นรอยยิ้มของเวินเที๋ยนเที๋ยนก่อนแล้ว
สบตาที่มีความอิจฉาของเธอแล้ว ก็แทบจะเข้าใจแล้วว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังคิดอะไรอยู่
“เที๋ยนเที๋ยน เธอคิดแบบนี้อีก ลูกในท้องจะหึงแล้วนะ”