บทที่893 เธอทิ้งพวกเราไม่ลงอยู่แล้ว
“ผมรู้สึกว่า คุณควรจะให้ช่องว่างและเวลาที่อิสระอย่างเหมาะสมกับคุณนายเสียหน่อยนะครับ เอ่อ ช่องว่างอาจจะไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงเท่าไรนัก แต่คุณก็สามารถให้คนอื่นดูแลเธอก็ได้นี่ครับ”
ว่าแล้ว พ่อบ้านก็ยืดอกขึ้น เพื่อแสดงออกมาว่าตัวเองสามารถรับภารกิจนี้ได้
“อย่างเช่น……”
“ไม่มีทาง…….”
จี้จิ่งเชินกระตุกมุมปาก นับว่าเขามองออก ว่าชายสูงวัยคนนี้กำลังคิดหาวิธีนี้อยู่
ยังไม่รอให้เขาได้พูดจบนั้น ก็จำกัดความคิดนี้ไปเสียแล้ว
จี้จิ่งเชินเงียบไม่ได้พูดอะไรออกมา แม่ครัวที่อยู่ข้างๆเห็นสถานการณ์แล้ว จึงรีบขวางหน้าพ่อบ้านเอาไว้ “ฉันก็ได้เหมือนกันนะคะ ฉันดูแลคุณนายได้ถนัดที่สุดแล้วค่ะ”
จากนั้นทั้งแม่ครัวและพ่อบ้านก็พากันถกเถียงว่าใครดูแลคุณนายได้ดีกว่ากัน
พวกเขาทะเลาะกันจนจี้จิ่งเชินปวดสมอง จึงยกมือขึ้นแล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างเย็นชา : “พอได้แล้ว!”
เขารู้สึกว่าตัวเองต้องการขอความคิดเห็นจากพวกเขานั้นเป็นความผิดพลาดที่ช่างตลกเสียจริงๆ!
พ่อบ้านและแม่ครัวหยุดลง แล้วมองจี้จิ่งเชินอย่างทำอะไรไม่ถูก
พวกเขาไม่กล้าพูดมากอีก แต่แววตาที่อ้อนวอนนั้น ทำให้จี้จิ่งเชินพูดตำหนิไม่ออก
“จันทร์ พุธ ศุกร์พ่อบ้าน อังคาร พฤหัส เสาร์แม่ครัว เอาแบบนี้ก็แล้วกัน” จี้จิ่งเชินก้าวเท้าเตรียมจะขึ้นไปด้านบน “ใช่แล้ว ฉันอยู่ข้างๆห้องเวินเที๋ยนเที๋ยน มีเรื่องอะไรก็มาหาฉันได้ตลอด แต่อย่าให้เธอรู้นะ”
พ่อบ้านและแม่ครัวพยักหน้าลง
จี้จิ่งเชินมองพวกเขาแวบหนึ่ง มือที่ค้ำบันไดอยู่นั้นค่อยๆเก็บกลับมา
“ดูแลเธอให้ดีๆ”
จี้จิ่งเชินเม้มปาก เขาไม่ชอบความรู้สึกที่ต้องมาให้คนอื่นดูแลเวินเที๋ยนเที๋ยนแบบนี้เลย ต่อให้อีกฝ่ายหนึ่งนั้นจะเป็นพ่อบ้านและแม่ครัวที่สนิทและอยู่ด้วยกันมานานก็ตาม
ไม่ใช่ว่าเขามีจิตใจที่ระแวดระวังมากเกินไป แล้วก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เชื่อใจพ่อบ้านและแม่ครัวด้วย
เขาเพียงแค่อยากจะอยู่เป็นเพื่อนเวินเที๋ยนเที๋ยน ความรู้สึกที่รู้ว่าร่างกายของเวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ดี แต่กลับต้องอยู่ห่างออกไปนั้น มันแย่มากจริงๆ
จี้จิ่งเชินอดทนกับความเจ็บปวดในใจแล้วหันกลับขึ้นไปยังด้านบน
เขายังจะต้องเตรียมของใช้ประจำวันให้กับเที๋ยนเที๋ยนอีก
มองดูจี้จิ่งเชินที่เป็นเพราะเหนื่อยติดต่อกันมา และก้มหลังลงเล็กน้อย พ่อบ้านกับแม่ครัวเงียบกันอยู่นาน ดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้าใจ
“คุณจี้นี่ไม่ง่ายเลยนะ” แม่ครัวถอนหายใจยาวๆออกมา แล้วเอ่ยพูดกับพ่อบ้านเบาๆ “ถ้าหากอาการป่วยของคุณนายหายดีก็คงจะดีสินะ พวกเขาเพิ่งจะแต่งงานกัน คงจะมีความสุขกันมาก!”
ตอนนั้นมีความสุขขนาดไหน ตอนนี้ก็ยิ่งโหดร้ายมากเท่านั้น
ถ้าหากทั้งสองคนไม่ได้มีความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อกัน ก็คงจะไม่ต้องเดินมาอยู่ตรงจุดนี้
คุณนายไม่ยอมที่จะทิ้งลูกของเธอกับคุณจี้ คุณจี้ก็ไม่ยอมทิ้งคุณนาย
พวกเขาดึงดันและต่อต้านกับโชคชะตาแบบนี้ ก็คงหลีกเลี่ยงที่จะเจ็บช้ำกันไปทั้งร่างกายไม่ได้
แต่พ่อบ้านก็ยังคงหวังว่า พวกเขาจะสามารถยืนหยัดกันได้ต่อไป ถึงแม้ว่าในใจของพวกเขาจะเตรียมยอมรับกับการเผชิญหน้ากับผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดแล้วก็ตาม
“คุณนายทิ้งพวกเราไม่ลงหรอก”
พ่อบ้านมองแม่ครัว พลางเอ่ยพูดขึ้นอย่างมุ่งมั่น
……….
เวินเที๋ยนเที๋ยนพบว่า จี้จิ่งเชินที่ไม่เคยอยู่ห่างจากเธอแม้แต่นิดเดียว จะมาหาเธอเพียงแค่พักเดียวแล้วก็กลับไปแบบนี้ต่อเนื่องกันหลายวันแล้ว
อีกทั้งทุกครั้งที่มานั้นก็จะใช้เวลาอยู่ในห้องพักผู้ป่วยไม่เกินหนึ่งชั่วโมงอีกด้วย
คนที่มาแทนก็คือพ่อบ้านและแม่ครัว ที่พวกเขาสลับกันมาอยู่เป็นเพื่อนและดูแลเธอ
และนี่ก็ทำให้เธอรู้สึกสงสัย
“พ่อบ้าน จี้จิ่งเชินช่วงนี้เขากำลังยุ่งอะไรอยู่หรือเปล่าคะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยถามขึ้นมาอย่างอายๆ เพราะประโยคนี้ฟังแล้วดูเหมือนกับภรรยาที่กำลังรู้สึกระแวงอยู่อย่างไรอย่างนั้น
พ่อบ้านที่ปอกแอปเปิ้ลอยู่นั้นชะงักไป เปลือกแอปเปิ้ลที่เชื่อมกันอยู่นั้นถูกปอกจนขาดแล้วหล่นลงในถังขยะ
คำถามนี้ถ้าหากตอบได้ไม่ดี อาจจะทำให้ความพยายามก่อนหน้านี้ของจี้จิ่งเชินนั้นเสียเปล่า
พ่อบ้านอดที่จะตื่นเต้นเสียจนเหงื่อผุดออกมาไม่ได้
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้ยินพ่อบ้านตอบคำถาม จึงเงยหน้าขึ้นมามองเขา “พ่อบ้าน?”
“ครับ คุณนาย! เอ่อ คุณจี้บอกว่า เขาตัดสินใจว่าในทุกๆวันจะหาเวลาพักผ่อนบ้างน่ะครับ แบบนี้ถึงจะสามารถรับประกันได้ว่าร่างกายจะแข็งแรง……”
ในตอนท้าย พ่อบ้านดูเหมือนกับเพื่อทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนเชื่อคำพูดของเขามากขึ้น จึงยืนยันขึ้นมาอีกรอบ “ใช่ครับ เป็นแบบนี้แหล่ะครับ”
ได้ยินแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าลงมาเบาๆ
บางทีคำพูดของเธอในวันนั้นคงจะกระตุ้นจี้จิ่งเชินเข้า จึงทำให้เขาเริ่มที่จะมาให้ความสนใจกับการพักผ่อนขึ้นมาแล้ว
นี่นับว่าเป็นสถานการณ์ที่ดี
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงยิ้มพลางเอ่ยขึ้น : “จี้จิ่งเชินจะต้องพักผ่อนจริงๆค่ะ พวกพ่อบ้านจะต้องคอยสังเกตร่างกายของเขาด้วยนะคะ ทำอาหารเสริมที่เหมาะสมให้กับเขาทานบ้าง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนคิดว่าจี้จิ่งเชินยังอยู่ที่คฤหาสน์
แต่กลับไม่รู้เลยว่าจี้จิ่งเชินได้ย้ายมาอยู่ข้างๆเธอตั้งแต่แรกแล้ว ก็เหมือนกับตอนนั้นที่เธอหลบเขาอยู่ในหมู่บ้านนั่นเอง
ระยะห่างจากเธอนั้นใกล้มาก แต่กลับไม่กล้าให้เธอรู้
พ่อบ้านมองดูรอยยิ้มของเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็ถอนหายใจออกมาเงียบๆภายในใจ
เพื่อคุณนายแล้ว จี้จิ่งเชินทำขนาดนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ
วันนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนสงสัยขึ้นมา เขาต้องรีบกลับไปบอกกับแม่ครัว เพื่อหลีกเลี่ยงให้กับการที่เธอจะจับจุดอ่อนได้
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น จู่ๆเวินเที๋ยนเที๋ยนก็เอ่ยถามเขาขึ้นมาอีกครั้ง : “ถ้าอย่างนั้นสองสามวันมานี้นอกจากเขาจะพักผ่อนแล้ว อารมณ์เป็นอย่างไรบ้างคะ? สบายใจหรือเปล่า? โกรธเธอไหม?”
ได้ยินคำถามของเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว พ่อบ้านก็อดที่จะยกมุมปากขึ้นมาไม่ได้
ดูแล้วไม่ใช่เพียงแค่คุณจี้จะเป็นห่วงคุณนายเพียงเท่านั้น คุณนายเองก็เป็นห่วงคุณจี้ด้วยเหมือนกัน
สองคนนี้ มักจะนึกถึงอีกฝ่ายนึงเสมอ
“คุณนายวางใจเถอะครับ สถานการณ์ของคุณจี้ดีมากเลย ทานเข้า เข้านอนตรงเวลา ผมคิดว่า เขาอยากจะดูแลร่างกายตัวเองให้ดีๆ ถึงจะได้สามารถดูแลคุณนายได้ไงครับ”
พ่อบ้านมองไปยังเวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างดูคลุมเครือ
ประโยคนี้ของเขานั้นกำลังบอกเวินเที๋ยนเที๋ยนเป็นนัยๆ ว่าจี้จิ่งเชินนั้นใส่ใจกับการพักผ่อนอยู่จริงๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่สงสัยในตัวเขาแล้ว
เธอเพียงคิดว่าจี้จิ่งเชินนั้นเห็นด้วยกับคำพูดของเธอเมื่อวันก่อน ไม่ดึงดันที่จะแบกรับทุกอย่างเรื่องเธอเอาไว้กับตัวเองอีกแล้ว
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ทำให้เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกโล่งใจมากจริงๆ
ถึงว่าจะไม่สามารถเห็นจี้จิ่งเชินได้ตลอดเวลา แต่เพียงแค่คิดว่าอีกฝ่ายนึงนั้นจะไม่ต้องมาเหนื่อยเพราะตัวเองอีก ความคิดถึงเล็กๆตรงจุดนี้ก็ไม่ได้ยากที่จะทนได้ขนาดนั้นเช่นกัน
หากเทียบกับการที่จี้จิ่งเชินมาอยู่ข้างๆเธอ เวินเที๋ยนเที๋ยนหวังที่จะให้จี้จิ่งเชินดูแลตัวเองมากกว่า
เธอไม่อยากเห็นท่าทางที่ซีดเซียวของเขา
พ่อบ้านเห็นสีหน้าที่ดูเพลียๆบนใบหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนปรากฎออกมาแล้ว ก็เอาแอปเปิ้ลที่ปอกเสร็จแล้วส่งให้เธอ “คุณนายทานแอปเปิ้ลแล้วพักผ่อนนะครับ รอคุณหลับแล้วผมค่อยกลับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าลงอย่างคล้อยตาม
ตอนนี้เวลาการนอนหลับของเธอนั้นยาวนานมาก ในวันหนึ่งเธอจะหลับลึกเป็นเวลาถึงสิบกว่าชั่วโมง
บางครั้งการนอนกลางวัน หากไม่มีคนปลุกเธอ เธออาจจะหลับไปจนถึงวันรุ่งขึ้นช่วงเช้าเลยเสียด้วยซ้ำ
เรื่องนี้พ่อบ้านกับแม่ครัวเองก็รู้ พวกเขาบอกจี้จิ่งเชินแล้ว จี้จิ่งเชินก็ไปถามแพทย์เจ้าของไข้
แพทย์เจ้าของไข้บอกกับเขาว่า นี่เป็นอาการของการทำงานระบบภูมิคุ้มกัน ให้เขาไม่ต้องเป็นกังวล
ดังนั้นจี้จิ่งเชินจึงให้พ่อบ้านกับแม่ครัวปลุกเธอในตอนเช้าทุกวันก็พอ ส่วนเวลาอื่นๆก็ให้เธอได้พักผ่อนไป
เรื่องนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้รู้เรื่องด้วย
เธอเพียงแค่คิดว่าตัวเองขี้เซาเกินไปเท่านั้น
เธอเองก็เคยถามหมอเช่นกัน คุณหมอบอกว่าร่างกายจะฟื้นฟูขึ้นเอง โดยอาการขี้เซานั้นก็เป็นสถานการณ์ที่ปกติ
ตอนนี้หากเธอรู้สึกง่วง ก็จะไม่เป็นเหมือนเมื่อก่อนที่จะฝืนให้ตัวเองต้องตื่นเอาไว้แบบนั้นแล้ว