เมียหวานของประธานเย็นชา – บทที่953 อย่าคิดที่จะยึดตัวแม่เอาไว้คนเดียว!

บทที่953 อย่าคิดที่จะยึดตัวแม่เอาไว้คนเดียว!

จี้หยู๋ชิงได้ยินแล้วนั้น จึงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง และครั้งนี้จึงพยักหน้าลงในที่สุด

จี้จิ่งเชินเห็นสถานการณ์แล้ว ในใจก็ทั้งรู้สึกดีใจทั้งทุกข์ใจด้วย

ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับเขาจริงๆ ไม่คิดว่าจะถูกซื้อได้ด้วยสารานุกรมเล่มเดียว นี่เป็นอาการของเด็กที่ยังอายุไม่ถึงขวบควรจะแสดงออกมาอย่างนั้นหรือ?

ช่างเถอะ เพราะถึงอย่างไรเด็กคนนี้ก็ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้เป็นปกติอยู่แล้ว

อย่างไรเสีย ก่อนที่ยังไม่เกิดนั้น เขาก็อาศัยความมุ่งมั่นอันแรงกล้านี้ในการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ แม้กระทั่งเสียสละตัวเองเพื่อปกป้องเวินเที๋ยนเที๋ยนอีกด้วย

คิดมาถึงตรงนี้แล้ว จี้จิ่งเชินใจอ่อนขึ้นมา แล้วยกมือลูบแก้มของจี้หยู๋ชิงเอาไว้

“อย่าดื้อนะครับ ต่อไปเดี๋ยวพ่อซื้อหนังสือกลับมาให้อีกหลายๆเล่มเลยนะ”

“อืม!”

จี้หยู๋ชิงพยักหน้าลงด้วยความดีใจ

ก้อนหินในหัวใจของจี้จิ่งเชินนั้นได้วางลงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม ก็นับว่าจัดการกับปฏิกิริยาที่ย้อนแย้งที่ยากที่สุดนี้ได้แล้ว

เขาหมุนตัวแล้วเดินออกไป

เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังรออยู่ด้านนอกประตู เอ่ยถามขึ้น : “เป็นยังไงบ้างคะ? หยู๋ชิงนอนแล้วหรือยัง?”

จี้จิ่งเชินพยักหน้าลง

“หลับแล้วครับ วางใจเถอะครับ”

เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยังคงรู้สึกกังวล “ฉันเข้าไปดูหน่อยดีกว่า…..”

เพิ่งจะเดินไปได้สองก้าวนั้น กลับถูกจี้จิ่งเชินดึงกลับมาอีก

“ไม่ต้องไปดูหรอกครับ ลูกไม่เป็นอะไรหรอก คุณเข้าไปเดี๋ยวก็จะเป็นการทำให้เขาตื่นอีกเปล่าๆ อีกอย่าง ไม่ใช่ว่าคุณมีเรื่องอื่นอีกด้วยนี่ครับ?”

ว่าแล้วเขาก็จูบเวินเที๋ยนเที๋ยนเบาๆ ยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วอุ้มเธอขึ้นมาพาเดินไปอีกทางด้านหนึ่ง

“อีกทั้งเป็นเรื่องที่สำคัญมากด้วยสิ”

สองสามวันต่อมา เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ไม่ได้กลับไปที่พระราชวังอีก

หลังจากที่บอกกับอาจารย์ฉู่แล้ว ก็เตรียมตัวก่อนการแข่งขันอยู่ที่คฤหาสน์

เวินเที๋ยนเที๋ยนถนัดที่สุดก็คือการซ่อมเครื่องเซรามิก แต่การสร้างงานเครื่องลายครามนั้นก็นับว่าไม่ยากเช่นกัน

ยิ่งไปกว่านั้นคือก่อนหน้านี้จี้จิ่งเชินก็พาเธอไปเยี่ยมเยียนท่านอาจารย์ท่านหนึ่งอยู่บ่อยๆ แล้วก็เคยมีผลงานของตัวเองด้วยเช่นกัน

เวลาที่นัดไปเยี่ยมท่านอาจารย์ทางด้านเซรามิกนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็เริ่มค้นหาข้อมูล

ที่อาจารย์ฉู่ยื่นความต้องการเช่นนี้ออกมานั้น ล้วนแต่ผ่านการพิจารณามาเป็นอย่างหนักแล้วทั้งสิ้น

ในฐานะที่เป็นนักบูรพาวัตถุโบราณ จำเป็นจะต้องมีความรู้ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นศิลปะทางประวัติศาสตร์หรือการสร้างสรรค์ สิ่งเหล่านี้จำเป็นจะต้องพอรู้คร่าวๆทั้งหมด

เธอวางแผนไปพลาง แล้วก็อยู่เป็นเพื่อนจี้หยู๋ชิงที่คฤหาสน์ไปพลางด้วย

การแสดงออกของหยู๋ชิงปกติแล้วจะสงบนิ่งเป็นอย่างมาก หนังสือที่อ่านทั้งหมดก็ไม่ใช่ช่วงอายุอย่างเขาอ่าน

เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกสงสัยอย่างเห็นได้ชัด ว่าเขาจะสามารถอ่านตัวอักษรด้านบนนั้นเข้าใจได้หรือเปล่า แต่พ่อบ้านกลับบอกว่า จี้จิ่งเชินจะอ่านสารานุกรมประเภทต่างๆและหนังสือเฉพาะด้านให้เขาฟังทุกวัน

และจี้หยู๋ชิงในตอนนั้น ก็ฟังด้วยความตั้งใจกว่าตอนไหนๆทั้งสิ้น

ระดับความฉลาด แม้แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนเองก็ต้องพิจารณาว่าเทียบไม่ได้เช่นกัน

มองดูลูกที่เติบโตได้อย่างรวดเร็ว เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับรู้สึกเป็นกังวลเพราะคำพูดของคุณหมอที่เคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้

ถ้าหากไม่สามารถมีความรู้สึกรักได้ ควรจะทำอย่างไร?

ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น จู่ๆโทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้น

พ่อบ้านที่ยืนดูจี้หยู๋ชิงเล่นอยู่ด้วยใบหน้าแห่งความรักใคร่เอ็นดูก็รีบเดินไป การแสดงออกนั้นดูจริงจังขึ้นมา เขายกโทรศัพท์ขึ้นมา

“สวัสดีครับ ที่นี่ตระกูลจี้ครับ”

ไม่รู้ว่าทางฝ่ายนั้นพูดอะไร อาการของพ่อบ้านนั้นดูผ่อนคลายลง หรือแม้กระทั่งปรากฏรอยยิ้มออกมา

แล้วหันมาเอ่ยพูดกับเวินเที๋ยนเที๋ยน : “คุณนายครับ ต้องการเรียนสายกับคุณนายครับ”

เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกงงงวย เธอเดินไป แต่กลับเห็นว่าอาการของพ่อบ้านนั้นดูมีความพอใจปรากฏออกมา เห็นได้ชัดว่ากำลังแอบยิ้มอยู่

เรื่องอะไรกัน?

“สวัสดีค่ะ ฉันเวินเที๋ยนเที๋ยนค่ะ”

“เที๋ยนเที๋ยน…….”

เสียงของจี้จิ่งเชินนั้นดังขึ้นมาจากทางปลายสาย

ในใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นรู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันที “จี้จิ่งเชิน? ทำไมพี่ถึงโทรเข้าโทรศัพท์ที่บ้านล่ะคะ?”

“ผมหิวแล้ว” น้ำเสียงที่ดูน่าสงสารของจี้จิ่งเชินดังขึ้นมา

เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นมามองนาฬิกาตรงผนังกำแพง ได้เวลาอาหารกลางวันแล้วจริงๆ

“พี่ยังไม่ได้ออกไปทานข้าวหรือคะ?”

“ยังครับ” จี้จิ่งเชินกล่าว : “พวกเขาไปกันก่อนแล้ว เหลือผมทำงานอยู่ ตอนนี้ยังไม่ได้ทานข้าวเลยครับ”

เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินแล้ว จึงขมวดคิ้วขึ้นมาทันใด

“ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าพี่บอกฉันมาตลอดนี่คะ ว่าจะต้องทานข้าวด้วย? ทำไมพี่ถึงไม่สนใจสุขภาพร่างกายของตัวเองแบบนี้ล่ะ?”

จี้จิ่งเชินเอ่ยพูดเพียงแค่ว่า : “ผมหิวแล้ว”

เวินเที๋ยนเที๋ยนใจอ่อนขึ้นมาทันที

“ฉันดูแล้วเวลายังไม่ช้าไปเท่าไหร่นัก ถ้าไม่อย่างนั้นเดี๋ยวฉันเอาไปส่งให้พี่แล้วกัน โอเคไหมคะ?”

เดิมทีแล้วจุดประสงค์ที่จี้จิ่งเชินโทรมานั้น ก็เพื่อจุดประสงค์นี้ เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนที่ยื่นเสนอออกมาเองแล้ว แน่นอนว่าก็ต้องบอกว่าดีอยู่แล้ว

“ผมรอคุณอยู่บริษัทนะครับ”

เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินเขาตอบรับด้วยความสบายใจ ก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาทันที

รู้สึกว่าตัวเองเหยียบเข้าไปในกับดักอะไรแล้วสิ……

และกำลังจะเอ่ยพูดขึ้นนั้น จี้หยู๋ชิงที่นั่งตั้งใจอ่านหนังสืออยู่ข้างๆเธอ จู่ๆก็เงยหน้าขึ้นมา

“อ๊ะอ้า!”

เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินแล้ว ก็หันกลับไปมองเขา “หนูก็อยากจะไปด้วยเหมือนกันใช่ไหมครับ?”

“อ้า!” จี้หยู๋ชิงตอบรับ

เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยพูดกับจี้จิ่งเชิน : “ฉันกับเสี่ยวหยู๋ชิงจะไปด้วยกันนะคะ นี่เป็นครั้งแรกที่หยู๋ชิงไปที่บริษัทด้วยนะ”

จี้จิ่งเชินที่กำลังดีใจอยู่นั้น พอได้ยินว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะมากับจี้หยู๋ชิงนั้น ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาในทันที

“ลูกก็จะมาได้หรือครับ?”

ในน้ำเสียงมีความเมินเฉยอย่างเห็นได้ชัด

เวินเที๋ยนเที๋ยนหัวเราะพลางเอ่ยขึ้น : “ลูกอาจจะคิดถึงก็ได้นะคะ”

“คิดถึงผม?”

จี้จิ่งเชินแสดงความสงสัยออกมาอย่างสุดซึ้งกับจุดนี้

เด็กคนนั้นจะคิดเขาอย่างนั้นหรือ?

กลัวว่าจะคิดที่จะมาทำลายช่วงเวลาที่เขาอยู่กับเวินเที๋ยนเที๋ยนเสียมากกว่าล่ะมั้ง?

จี้จิ่งเชินยังคงยึดความหวังสุดท้ายเอาไว้

“ลูกไม่นอนหรือครับ? ตอนนี้ควรจะเป็นเวลานอนกลางวันแล้วสิ”

เวินเที๋ยนเที๋ยนมองจี้หยู๋ชิง

“ลูกดูเหมือนจะยังไม่ง่วงนะคะ ไปที่บริษัทรอบนึงก็คงจะใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่นัก”

วางสายไปแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็อุ้มเสี่ยวหยู๋ชิงขึ้นมา

“ตอนนี้เราไปหาคุณพ่อกันนะครับ จี้หยู๋ชิงจะต้องคิดถึงคุณพ่อมากแน่ๆเลย ใช่ไหม?”

จี้หยู๋ชิงยิ้มออกมา แล้วกอดคอเวินเที๋ยนเที๋ยนเอาไว้ ด้านหลังเหมือนกับมีหางปิศาจแกว่งไปแกว่งมาอยู่อย่างไรอย่างนั้น

คิดจะยึดตัวคุณแม่ไปอย่างนั้นหรือ?

ไม่มีทาง!

เขาจะต้องตามไปด้วยอย่างแน่นอน!

ทำข้าวต้มปลาที่จี้จิ่งเชินชอบที่สุดแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็พาจี้หยู๋ชิงออกจากบ้าน

อีกทั้งทางด้านหนึ่ง ของบริษัทเอ็มไอกรุ้ป

เกี่ยวกับเรื่องความร่วมมือของบริษัทตระกูลหล่อนกับบริษัทเอ็มไอกรุ้ปก็ค่อยๆเริ่มต้นขึ้น ถึงแม้จะเป็นการรวมตัวเข้าด้วยกันระหว่างบริษัทใหญ่ทั้งสองแห่ง เป็นความสัมพันธ์ครั้งใหญ่และครั้งสำคัญ แต่เนื่องจากว่าพนักงานของทั้งสองบริษัทนี้มีลางสังหรณ์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว จึงไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ

แม้กระทั่งคนของทั้งสองฝ่ายก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีอีกด้วย การรวมตัวกันในครั้งนี้สำเร็จไปด้วยความราบรื่น

ดังนั้นปริมาณงานไม่ได้มาก ไม่ได้เหมือนกับที่จี้จิ่งเชินบอกเอาไว้ ว่ายุ่งเสียจนไม่มีเวลาทานอะไรเลยแบบนั้น

และยิ่งไปกว่านั้น เขาเพิ่งจะวางสายไปนั้น จงหลีก็เดินเข้ามา

“ประธานจี้ครับ ต้องจองร้านอาหารร้านนั้นเหมือนเดิมไหมครับ?”

“ไม่ต้องแล้ว”

จงหลีได้ยินแล้ว ก็เงยหน้าขึ้นมองด้วยความแปลกใจ

“เปลี่ยนร้านหรือครับ?”

“ไม่ต้องหรอก”

“……ถ้าอย่างนั้นก็ไปทานข้าวในบริษัท……”

“ฉันมีธุระ ไม่ไปแล้วล่ะ”

จี้จิ่งเชินเงยหน้าขึ้นมา

จงหลีเห็นรอยยิ้มบางๆบนใบหน้าของเขาแล้ว ตะลึงไปพักหนึ่ง แล้วราวกับจะเดาอะไรได้ จึงพยักหน้าลงแล้วออกไปจากออฟฟิศ

หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง เวินเที๋ยนเที๋ยนก็พาจี้หยู๋ชิงมายืนอยู่ตรงใต้ตึกของบริษัทเอ็มไอกรุ้ปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

มือหนึ่งอุ้มจี้หยู๋ชิงเอาไว้ อีกมือหนึ่งถือกล่องข้าว เงยหน้าขึ้นมองตึกสูงขนาดใหญ่ตรงหน้า

แล้วเอ่ยพูดขึ้นกับจี้หยู๋ชิงที่อยู่ในอ้อมแขน : “ที่นี่เป็นที่ทำงานของคุณพ่อนะครับ เดี๋ยวหนูก็จะได้เจอคุณพ่อแล้วนะ”

ว่าแล้ว เธอก็อุ้มเขาเดินเข้าไปด้านใน

เมียหวานของประธานเย็นชา

เมียหวานของประธานเย็นชา

Status: Ongoing

“คุณจะคิดแบบนี้ไปถึงเมื่อไรถึงจะกลับบ้านได้?” จี้จิ่งเชินพูดออกมาอย่างจนใจ เขารีบมาที่นี่ทันทีตั้งแต่รับสาย และยืนดูเธอเดินวนคิดเป็นหนูติดจั่นแบบนี้มาครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอไม่กล้าออกมา เพราะเธอกลัวว่าถ้าเขารู้เรื่องเข้า เขาจะทำอย่างไร สุดท้ายสิ่งที่เขาทำ คือ จูบหน้าผากของเธอ “ผมเชื่อคุณ… ไม่ต้องอธิบายอะไร ผมก็เชื่อคุณ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท