เมียหวานของประธานเย็นชา – บทที่992 สะใจมากจริงๆ

บทที่992 สะใจมากจริงๆ

เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดถ่อมตัว: “ครั้งนี้แค่บังเอิญ ถ้าอีกฝ่ายมีสมาธิละก็ ครั้งนี้ใครจะแพ้หรือชนะก็ไม่แน่นะ?”

หลวนจื่อกลับมั่นใจมาก

“ต้องชนะแน่นอน”

นึกถึงตอนที่ตัวเองได้ยินข่าว เธอก็พูดอย่างโมโหว่า: “และเรื่องนี้ฉันก็ได้ยินแล้ว มัตสึโมโตะ ฮิโรฮิโตะนั่นทำตัวเองทั้งนั้น สมควรแล้วล่ะ!”

เวินเที๋ยนเที๋ยนตกใจ: “เธอรู้ได้ยังไง?”

“ตอนนี้ด้านนอกมีข่าวลือกันหมด? มัตสึโมโตะ ฮิโรฮิโตะวางยาถ่ายลงในน้ำดื่มของเธอ ยังดีที่เธอไม่ดื่มเข้าไป เขากินปูนร้อนท้องเอง ไม่ได้แสดงฝีมือตัวเองออกมาทั้งหมด ถึงได้กลายเป็นแบบนี้ได้”

หลวนจื่อพูดอย่างได้ใจว่า: “ควรสั่งสอนพวกอาจารย์ที่คิดว่าใหญ่แล้วเที่ยวดูถูกคนอื่นแบบนี้แล้ว กล้าทำเรื่องแบบนี้ลับหลังพวกเรา! เวินเที๋ยนเที๋ยน วันนี้เธอทำได้ดีมากเลย!”

สำหรับเรื่องนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้บอกกับใครเลย

ไม่คิดว่าตอนนี้ ทุกคนกลับรู้กันหมดแล้ว

คิดแล้วก็รู้ว่า ต้องเป็นจี้จิ่งเชินทำแน่

เธอหันไปมองจี้จิ่งเชิน

จี้จิ่งเชินยื่นมือไปจับตัวเธอ พูดเสียงเบาว่า: “ฉันประกาศเอง เรื่องที่เขาทำ ก็ควรจะรับผิดชอบด้วย”

หลวนจื่อพยักหน้า พูดอย่างมั่นใจว่า: “ใช่แล้ว ใครใช้ให้เขาทำเรื่องแบบนี้กันล่ะ? ตอนนี้องค์กรการบูรณะวัตถุโบราณระดับประเทศกำลังสืบเรื่องนี้แล้ว เดี๋ยวพอมีหลักฐานที่แน่ชัด ทั้งวงการบูรณะวัตถุโบราณจะไม่มีจุดยืนของเขาอีกต่อไป!”

เวินเที๋ยนเที๋ยนครุ่นคิด

“ก็ดี มีบทเรียนจากมัตสึโมโตะ ฮิโรฮิโตะ ต่อไปต้องระวังคนอื่นๆให้มากแล้ว”

“นั่นสิ!”

หลวนจื่อพูดอย่างได้ใจ: “เที๋ยนเที๋ยน ฉันบอกเธอไว้ก่อนนะ เรื่องนี้เธอไม่ผิดเลย”

“ฉันรู้” เวินเที๋ยนเที๋ยนขำกับท่าทีของเธอ และพยักหน้า

ว่าแล้ว ก็มองไปด้านหลังหลวนจื่อ พูดอย่างสงสัยว่า: “หมินอันเกอไม่ได้มาพร้อมเธอเหรอ?”

หลวนจื่อส่ายหน้า

“ช่วงนี้เขารับละครเรื่องใหญ่น่ะ กำลังถ่ายทำอยู่ ฉันเลยมาเอง และอันที่จริงที่ฉันมาวันนี้ ยังมีอีกเรื่องต้องพูดกับเธอน่ะ”

เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเธออย่างแปลกใจ

หลวนจื่อพูด: “อันที่จริงแล้วเพื่อการเดินแบบที่จะมีขึ้นหลังจากนี้ ก่อนหน้านี้พวกเราก็นัดกันแล้วใช่ไหม? กลับไปทำงานของตัวเอง ถ้ามีการพัฒนา จะต้องมาแบ่งปันให้กัน”

นึกถึงประสบการณ์ช่วงนี้ของตัวเอง ใบหน้าของหลวนจื่อก็มีความรู้สึกผิดเล็กน้อย

“ฉันกลับไปที่เวทีนานขนาดนี้ สถานการณ์ก่อนหน้านี้เธอก็รู้ดี เพราะฉันห่างไปนานเกิน งานแฟชั่นหลายที่ก็ไม่ได้เรียกตัวฉันไปเดินแบบแล้ว ที่รับได้ก็มีแต่การแสดงเล็กๆน้อยๆ”

“แต่ในตอนเช้าวันนี้ ในที่สุดฉันก็ได้ไปเดินแบบระดับประเทศ และยังได้ตั๋วหน้าด้วย ดังนั้นฉันอยากชวนเธอไปดูด้วยกันน่ะ”

เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินแล้ว ก็ตะลึงอย่างมาก!

เรื่องที่หลวนจื่อกลับเวทีไปอีกครั้ง เธอก็เข้าใจดี เพราะมีเรื่องลำบาก ทุกอย่างก็ต้องเริ่มแต่ต้น

เลื่อนตำแหน่งบอกได้ว่า ยากกว่าเมื่อก่อนมาก

แม้ตอนนี้หมินอันเกอจะแสดงละครใหญ่แล้ว กลายเป็นดาราดังที่ความสามารถและไอดอลด้วย แต่ยังคงมีพวกแฟนคลับ ไม่พอใจเรื่องระหว่างเขากับหลวนจื่อ

เวินเที๋ยนเที๋ยนเคยผ่านมาแล้ว จึงเข้าใจเป็นอย่างดี

ถึงแม้ในวงการนางแบบ มีแฟนคลับหมินอันเกอไม่น้อย และยังเกลียดหลวนจื่อเอามากๆ

และในสถานการณ์แบบนี้ เธอกลับไปเวทีใหม่ ก็มีความกดดันมากอยู่แล้ว

บวกกับวงการนางแบบก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาสั้นๆไม่กี่เดือน ก็เปลี่ยนคนใหม่แล้ว

หลวนจื่ออยากเข้าร่วมอีกครั้ง คงจะยากหน่อย

ในสถานการณ์แบบนี้ หลวนจื่อกลับไม่ยอมแพ้ ก็เพราะการนัดกันของเธอกับเวินเที๋ยนเที๋ยนก่อนหน้านี้

ตอนนี้เห็นเธอเริ่มมีความพัฒนาในด้านการงานแล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ดีใจไปด้วย เธอจะไม่ไปได้ยังไงล่ะ?

“ดีมากเลย!” เธอตื่นเต้นและพยักหน้า “ฉันรู้อยู่แล้ว เธอไม่อยู่วงการวรรณกรรมแล้ว ไม่มีใครพยายามมากเท่าเธออีกแล้วล่ะ”

หลวนจื่อได้ยินคำนี้ ก็รู้สึกเขิน ถามว่า: “วันนั้นเธอไม่มีการแข่งขันเหรอ จะกระทบถึงเธอไหม?”

“วางใจได้ ไม่กี่วันต่อไปนี้ ฉันไม่มีการแข่งขันแล้ว มีเวลาไปเชียร์เธอแน่นอน”

“งั้นก็ดี”

หลวนจื่อวางใจ

เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มอ่อนๆ กะพริบตาให้กับหลวนจื่อ

“หมินอันเกอเขาจะไปไหม? งานสำคัญแบบนี้ แม้ต้องขอลาหยุดก็ต้องมาไหม?”

หลวนจื่อแค่ส่ายหน้าเฉยๆ

“ฉันไม่ได้บอกเขาน่ะ”

เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดอย่างตกใจ: “วันนั้นจะเดินแบบ เธอไม่บอกเขาหน่อยเหรอ?”

“กว่าเขาจะกลับไปบนเวทีได้ไม่ง่ายเลย ตอนนี้กำลังเป็นช่วงขาขึ้นของหน้าที่การงาน ฉันไม่รบกวนเขาดีกว่า”

เธอยิ้ม ก้มหน้าลง สองมือผสานกัน

หลวนจื่อไม่ได้บอกกับเวินเที๋ยนเที๋ยน หมินอันเกอกลับไปบนเวทีอีกครั้ง พวกเขาก็เจอกันน้อยลง

แม้จะรู้ว่าตอนนั้นเขามีงานเยอะ แต่หลวนจื่อก็เข้าใจดี

ถึงแม้จะทำงานยุ่งแค่ไหน เขาไม่มีทางไม่กลับมาบ้านหลายเดือน

ที่จริงช่วงเวลาส่วนใหญ่ ที่อยู่คฤหาสน์ก็มีแค่ตัวเองและโดร์โดร์สองคนเท่านั้น

อย่าว่าแต่เจอกันเลย กระทั่งโทรหากันยังน้อยลงเลย เจอกันก็ไม่มีอะไรจะคุย และไม่รู้ว่าควรพูดอะไร

ทุกครั้งที่เออยากคุยกับหมินอันเกอดีๆ อีกฝ่ายก็จะมีงานอื่นมารบกวน

นานๆเข้า หลวนจื่อก็ไม่อยากร้องขออะไรมากแล้ว

ตั้งแต่เริ่มโทรกันทุกวัน พอนานๆเข้า ก็กลายเป็นว่าสามวันครั้ง สัปดาห์ละครั้ง

ยิ่งไปกว่านั้น นับตั้งแต่ช่วงนี้ ทั้งสองก็ไม่ได้ติดต่อกันหนึ่งเดือนแล้ว

ก่อนหน้านี้เธออยากลองดูว่าตัวเองสำคัญต่อหมินอันเกอไหม เพราะยังไงตอนนั้นหมินอันเกอขอตัวเองแต่งงาน ตัวเองก็รู้สึกได้ถึงความจริงใจในการขอของเขา

แต่กลับเห็นว่า ขอแค่ตัวเองไม่โทรไป อีกฝ่ายไม่เคยโทรมาก่อนเลย เหมือนลืมไปแล้วว่ายังมีเธอคนนี้อยู่

ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าเป็นหลวนจื่อในเมื่อก่อน อาจจะโทรศัพท์ไปถาม กระชับความสัมพันธ์ของทั้งสอง

แต่ตอนนี้หลวนจื่อ กลับไม่กระตือรือร้นที่จะขอร้องหมินอันเกอเลย

ดังนั้นในตอนที่เธอก็ไม่ติดต่อ ทั้งสองก็เหมือนขาดการติดต่อไปแล้ว

แต่แค่ว่าตอนที่อยู่ตรงหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยน หลวนจื่อไม่เคยพูดเรื่องพวกนี้เท่านั้นเอง

เวินเที๋ยนเที๋ยนไม่รู้ว่าเธอกับหมินอันเกอมีเรื่องอะไรกัน แค่คิดว่าทั้งสองอยู่ด้วยกันดี รักกันมากขึ้นทุกวัน

ตอนนี้พอได้ยินคำนี้ ก็รู้สึกตกใจมาก: “ช่วงนี้เขายุ่งเหรอ? เมื่อวานเขายังคุยกับฉันอยู่เลย บอกว่าละครใกล้จะถ่ายเสร็จแล้ว กำลังจะกลับมา”

ไม่คิดว่ากำลังจะพูดอยู่แล้ว แต่กลับทำให้หลวนจื่อเจ็บปวดหัวใจ และหัวเราะออกมาอย่างเจ็บปวด

ที่แท้แล้ว ไม่ใช่เพราะหมินอันเกอยุ่ง แต่เป็นเพราะเขาไม่อยากติดต่อตัวเอง

ถึงแม้ติดต่อเวินเที๋ยนเที๋ยน เขาก็ไม่อยากโทรหาตัวเอง

เมียหวานของประธานเย็นชา

เมียหวานของประธานเย็นชา

Status: Ongoing

“คุณจะคิดแบบนี้ไปถึงเมื่อไรถึงจะกลับบ้านได้?” จี้จิ่งเชินพูดออกมาอย่างจนใจ เขารีบมาที่นี่ทันทีตั้งแต่รับสาย และยืนดูเธอเดินวนคิดเป็นหนูติดจั่นแบบนี้มาครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอไม่กล้าออกมา เพราะเธอกลัวว่าถ้าเขารู้เรื่องเข้า เขาจะทำอย่างไร สุดท้ายสิ่งที่เขาทำ คือ จูบหน้าผากของเธอ “ผมเชื่อคุณ… ไม่ต้องอธิบายอะไร ผมก็เชื่อคุณ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท