จี้จิ่งเชินหันไปมองเธอแวบหนึ่ง แววตาเปลี่ยนไปอย่างเฉียบคม
“อาจารย์ฟ่าน ในการแข่งขันครั้งใหญ่นี้ คุณได้ดูการแข่งขันของเที๋ยนเที๋ยนหรือเปล่า?”
อาจารย์ฟ่านเอ่ยพูดขึ้นอย่างไม่เห็นด้วย : “จะดูหรือไม่ดูแล้วมันเกี่ยวอะไรกัน? การแข่งขันระดับนั้น ฉันขี้เกียจเสียเวลาไปดู!”
แววตาของจี้จิ่งเชินยิ่งเย็นชามากขึ้น
“ถ้าอย่างนั้น มิน่าล่ะที่คุณจะแพ้”
“อะไรนะ?”
จู่ๆอาจารย์ฟ่านก็เสียงสูงพลางย้อนถามกลับ : “พวกเธอบอกว่าฉันจะแพ้อย่างนั้นหรือ? อย่าฝันไปหน่อยเลย! ครั้งนี้ฉันจะเอาแชมป์มาให้ได้! ใครก็ไม่สามารถแย่งฉันไปได้ทั้งนั้น!”
“เหอะ”
แต่จี้จิ่งเชินกลับหัวเราะเยาะขึ้นมา แล้วไม่ได้ตอบอะไร
สีหน้าของอาจารย์ฟ่านนั้นเปลี่ยนไปดูแย่มากขึ้นกว่าเดิม!
เธอกำหมัดแน่น
เธอจะไม่แพ้!
จะไม่แพ้อย่างเด็ดขาด!
และเวลานี้คณะกรรมการทั้งหมดกำลังอยู่บนเวที ชมผลงานของทั้งสองคนอยู่
รอหลังจากที่พวกเขาดูผลงานที่เวินเที๋ยนเที๋ยนซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เดินกลับมายังด้านหน้าผลงานของอาจารย์ฟ่าน
อาจารย์ฟ่านรู้สึกดีใจขึ้นมา
รอดูแล้วกัน!
คนพวกนี้จะต้องตกตะลึงกับเทคนิคที่สูงส่งของเธออย่างแน่นอน!
ทุกคนล้วนต้อง……
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น กรรมการเหล่านั้นกลับถอนหายใจออกมา แล้วส่ายหน้าอย่างรู้สึกเสียดาย
มองเพียงแค่แวบเดียว ก็หันหลังกลับไปแล้ว
พออาจารย์ฟ่านเห็นแล้ว ก็รู้สึกตกตะลึงขึ้นมาในทันที รีบวิ่งขึ้นมาอย่างไม่สนใจสิ่งอื่น
“พวกคุณทำอะไรน่ะ? นี่คือผลงานที่ที่ฉันตั้งใจทำออกมาอย่างดีที่สุดเลยนะ ทำไมพวกคุณดูอย่างขอไปทีกันแบบนี้!”
“ดูต่อ พวกคุณก็จะเห็นถึงเทคนิคของฉัน ความสามารถของฉัน…….”
“ไม่ต้องดูแล้วล่ะ” กรรมการคนหนึ่งเอ่ยขึ้นตัดบทเธอด้วยน้ำเสียงแห่งความเสียดาย
อาจารย์ฟ่านมองพวกเขาอย่างตกตะลึง “ทำไมคะ?”
กรรมการสองสามคนนั้นมองหน้ากัน
“คุณลองดูผลงานที่ตัวคุณเองซ่อมออกมาสิ! ว่ามันออกมาเป็นแบบไหน?”
อาจารย์ฟ่านได้ยินแล้วก็หยิบเอาผลงานของตัวเองขึ้นมา
พลางเอ่ยขึ้นด้วยความไม่พอใจ : “ถึงแม้ว่าผลงานของฉันจะไม่เสร็จก็จริงอยู่ นั่นเป็นเพราะผลงานาที่ฉันเลือกมีระดับความยากสูงมาก พวกคุณจะมาลบล้างความพยายามทั้งหมดของฉันเพราะเรื่องนี้ไม่ได้ ฉัน…….”
“นี่มันไม่ใช่เหตุผลอยู่แล้ว!”
กรรมการสองสามคนนั้นเอ่ยขึ้น : “ดูแล้วคุณจะยังไม่ได้รับรู้เลยสินะว่าตัวเองแพ้ตรงไหน”
“แพ้?”
อาจารย์ฟ่านตกตะลึงไป แต่กลับหัวเราะออกมา
“พวกคุณบอกว่าฉันแพ้แล้ว?เป็นไปไม่ได้! อย่าหลอกฉันเลย! ถึงแม้ฉันจะทำผลงานออกมาไม่เสร็จ ถึงแม้ว่าวิธีของฉันจะเกิดข้อผิดพลาดเล็กๆขึ้นมา แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนล่ะ? เธอก็ยังทำไม่เสร็จเหมือนกันใช่ไหม?”
“การซ่อมแซมหินโมรานั่น เธอทำไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ! ตรงจุดนี้ ไม่ว่าจะเทียบอย่างไร ฉันก็ชนะอยู่ดี!”
เวลานี้เวินเที๋ยนเที๋ยนเองก็เดินขึ้นมาบนเวทีเช่นกัน แล้วหยิบเอาผลงานที่ตัวเองซ่อมแซมมาด้วย
พลางเอ่ยพูดขึ้นกับอาจารย์ฟ่าน : “อาจารย์ฟ่านคะ คุณต้องการดูผลงานของฉันไหม?”
อาจารย์ฟ่านจ้องมองไปยังสิ่งที่อยู่ในมือของเวินเที๋ยนเที๋ยน
“ดูก็ดู!”
เธอแย่งมา แล้วถือเอาไว้ในมือ มองอย่างดูถูก
พลางพูดขึ้น : “ต่อให้ดูแล้ว ส่วนตรงหินโมรา เป็นไปไม่ได้ที่เธอเองก็……”
พูดไปได้เพียงครึ่งเดียว เสียงของอาจารย์ฟ่านก็หยุดชะงักไป เบิกตาขึ้นด้วยความตกตะลึง
“นี่ นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
เธอมองดูผลงานในมืออย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง หารอบนึงแล้ว กลับไม่เห็นร่องรอยของการซ่อมแซมบนหินโมราเลย
แต่เธอจำได้อย่างชัดเจนว่า บนหินโมรานั้นมีรอยแตกอยู่จริงๆ!
เวินเที๋ยนเที๋ยนทำได้อย่างไร ซ่อมแซมได้อย่างสมบูรณ์แบบไม่มีข้อบกพร่องเลยแบบนี้?
ทั้งๆที่เธอไม่ได้เคยเรียนรู้เทคนิคทางด้านนี้มาก่อนเลย
“เป็นไปได้ยังไง?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นว่าเธอมองเห็นปัญหาแล้ว จึงยิ้มออกมาเล็กน้อย แววตาปรากฏความมั่นใจออกมา
“ถึงแม้ว่าผลงานชิ้นนี้จะมีส่วนประกอบของหินโมราอยู่ก็จริง แต่ฉันไม่ได้ซ่อมแซมมันนะคะ แต่ใช้เครื่องเคลือบลายครามและโลหะ เพื่อเชื่อมติดรอยร้าว”
“แต่…..”
อาจารย์ฟ่านยังคงไม่อยากจะเชื่อ เนื่องจากว่าไม่เคยได้ยินว่ามีเทคนิคแบบนี้มาก่อน
“นี่ไม่นับว่าเป็นเทคนิคนะคะ ฉันเพียงแค่ใช้สถานการณ์ในตอนนั้นแล้วจัดการทำมันออกมาเท่านั้นเอง” เวินเที๋ยนเที๋ยนอธิบาย
คณะกรรมการพยักหน้าลง เมื่อครู่นี้พวกเขาเห็นวิธีการจัดการของเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วก็รู้สึกตกตะลึงมากเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าจะยังมีวิธีแบบนี้อยู่ด้วย
“ตอนนี้คุณรู้ว่าตัวเองทำไมถึงแพ้แล้วใช่ไหม? ในใจคุณซับซ้อนมากเกินไป การแข่งขันครั้งนี้คุณเพียงแค่อยากจะออกหน้าเพียงเท่านั้น เปลี่ยนแปลงวิธีการซ่อมแซมไม่หยุด ถึงได้กลายมาเป็นแบบนี้ ความคิดที่อยู่ในใจดูซับซ้อนมากเหลือเกิน”
“ในฐานะที่คุณเป็นนักบูรพาวัตถุโบราณ อยู่ในอาชีพนี้มาหลายปีขนาดนี้ ทำไมจะไม่รู้ ว่าการซ่อมแซมวัตถุโบราณ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ คำเดียว –นิ่ง แต่คุณทำในสิ่งที่เป็นข้อห้าม!”
คณะกรรมการสองสามคนนั้นกล่าว
อาจารย์ฟ่านได้ยินแล้ว ก็หยิบเอาผลงานที่ตัวเองซ่อมแซมขึ้นมาดู
การซ่อมแซมรอยแตกจำนวนไม่น้อยที่อยู่ด้านบน ซับซ้อนมากอยู่จริงๆ ยิ่งดูยิ่งยุ่งเหยิง ทำให้ผลงานไม่ออกมาเป็นชิ้นเป็นอัน
เธอโมโหมาก แต่กลับยิ้มออกมา
“ฉันเรียนรู้เทคนิคมากตั้งมากมายขนาดนี้ ความสามารถมากมายขนาดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะกลับมาเป็นการทำร้ายตัวเองแบบนี้!”
เธอกล่าว แววตาเปลี่ยนไปอย่างเฉียบคม
เมื่อยกมือขึ้นมา ก็ทุบผลงานที่อยู่ในมือลงบนพื้น!
ตุบ!
ผลงานกลายเป็นแผ่นที่แตกละเอียดขึ้นมาในทันที
อาจารย์ฟ่านเดินโซเซ แล้วล้มถอยหลังไปนั่งอยู่ที่พื้นด้วยอาการที่ใจลอย
เธอไปมองคนของประเทศAที่อยู่ทางด้านหลัง แต่กลับเห็นเพียงแค่ใบหน้าที่เย็นชาเหล่านั้น
การแข่งขันครั้งนี้แพ้แล้ว เธอก็ไม่มีคุณค่าที่จะอยู่ต่อไปแล้ว
ต่อไป ถึงแม้จะอยู่ที่ประเทศA แต่ก็ไม่มีที่ซุกหัวนอนของเธอแล้วเช่นกัน!
คนพวกนั้นไม่แม้แต่กระทั่งจะสนใจเธอเลยด้วยซ้ำ พวกเขาหันหลังกลับออกไปเลย
คณะกรรมการหันมามองเวินเที๋ยนเที๋ยน ด้วยแววตาที่มีความชื่นชม
“เวินเที๋ยนเที๋ยน คิดไม่ถึงเลย ว่าเธอจะสามารถคิดวิธีแบบนี้ได้ ทำให้พวกเราประหลาดใจมากจริงๆ!”
“เมื่อครู่ตอนที่แข่งขันอยู่นั้น ฉันยังรู้สึกกังวลอยู่เลย คิดไม่ถึงว่าในสภาพแวดล้อมแบบนี้ เธอจะยังสามารถไม่ทำตัวเย่อหยิ่งและใจร้อนเกินไปได้ แต่สภาพจิตใจนี้ ก็ทำให้อาจารย์หลายๆคนร้อนใจไปหมดแล้ว”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มออกมาอย่างถ่อมตัว
“ฉันเองก็แค่บังเอิญเหมือนกันค่ะ สามารถใช้วิธีอื่นในการแก้ไขได้พอดี ถ้าหากจะต้องซ่อมหินโมราล่ะก็ ฉันอาจจะแพ้ไปแล้วก็ได้”
กรรมการสองสามคนนั้นส่ายหน้า
เมื่อครู่นี้พวกเขาเห็นอย่างชัดเจน ว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนใช้เวลาไปถึงสิบห้านาทีในการเลือกผลงานชิ้นที่เหมาะสม คงจะเป็นเพราะเรื่องนี้
“ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ทุกๆการแข่งขัน เธอล้วนแต่ทำให้พวกเราแปลกใจ! ฉันว่าอีกไม่นานหรอก แม้แต่อาจารย์ฉู่ก็สู้เธอไม่ได้แล้วเหมือนกัน”
“ใช่ ใช่ๆ ต่อไปอยากจะมาเรียนกับฉันไหม ฉันเองก็สามารถสอนเทคนิคอื่นๆกับเธอได้เหมือนกันนะ”
พวกเขาล้วนแต่เป็นบุคคลที่มีความสามารถ เห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนอ่อนน้อมถ่อมตนมีมารยาท อีกทั้งยังมีความพยายาม มีสติปัญญาดี ก็ล้วนแต่พากันอิจฉา
สามารถสอนนักเรียนแบบนี้ได้ ล้วนแต่เป็นความปรารถนาของทุกคนทั้งนั้น
อาจารย์ฉู่ที่เพิ่งจะเดินมาได้ยินคำพูดนี้แล้ว ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
“พวกคุณพูดอะไรกันอยู่น่ะ?”
ตอนที่เขาอยู่ด้านล่างเวทีเมื่อครู่นี้ ก็รู้สึกสงสัยมากเช่นกัน ว่าผลงานของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นจะเป็นแบบไหน ถึงได้ขึ้นมาดู แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาได้ยินคำพูดแบบนี้เข้า
ความสัมพันธ์ของอาจารย์ฉู่กับคณะกรรมการสองสามคนนี้นับว่าไม่เลวเลย พลางเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ : “พวกคุณไปอีกทางเลย ไม่เคยเห็นกรรมการกับผู้เข้าแข่งขันเข้าใกล้กันขนาดนี้”
กรรมการสองสามคนนั้นได้ยินแล้วจึงรีบทำสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วกระแอมออกมา
เพื่อให้การแข่งขันครั้งนี้มีความยุติธรรม พวกเขาจึงรักษาระยะห่างจากทุกคนเอาไว้ กังวลว่าจะมีคนพูดว่าพวกเขาได้รับผลประโยชน์ส่วนตัว
ได้ยินอาจารย์ฉู่เอ่ยพูดมาเช่นนี้แล้ว ถึงนึกขึ้นมาได้ จึงหันกลับไปทางพิธีกรพลางเอ่ย : “ประกาศผู้ชนะได้เลยครับ”