เมียหวานของประธานเย็นชา – บทที่1072 เธอหนีไปแล้ว

บทที่1072 เธอหนีไปแล้ว

ดูจากลายมือแล้ว คงจะเป็นหลวนจื่อที่ทิ้งเอาไว้

แค่เห็นจดหมายฉบับนี้ ในใจก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีแล้ว

เขารีบเปิดจดหมายฉบับนั้น แล้วหยิบเอาจดหมายออกมา เหลือบมองสิบบรรทัดนั้นแล้วอ่านมันอย่างรวดเร็ว

ยิ่งอ่านไปถึงด้านล่าง ก็ยิ่งขมวดคิ้วขึ้น เต็มไปด้วยความตกตะลึง

และไม่นานก็เปลี่ยนเป็นความโมโห สีหน้าซีดเผือด

ไม่คิดว่าหลวนจื่อจะไปต่างประเทศแล้ว! อีกทั้งเพื่อเป็นการไปเรียนต่ออีกสองปีอีกด้วย!

เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมเธอไม่เคยพูดกับตัวเองเลย?

ไม่คิดว่าจะรอให้จากไปก่อน แล้วถึงมาบอกเขา และยังใช้วิธีแบบนี้อีกด้วย

สีหน้าของหมินอันเกอดูแย่มาก รีบอ่านให้เสร็จแล้ว ก็กดโทรออกหาหลวนจื่อ

รออยู่ซักพักหนึ่ง ทางฝ่ายนั้นก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆเลย

เขามองจดหมายที่อยู่ในมือ ยังดีที่หลวนจื่อทิ้งข้อมูลของโรงเรียนและอาจารย์เอาไว้

หมินอันเกอเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง เพิ่งจะกลับมาจากการถ่ายทำภาพยนตร์ ยังไม่แม้แต่จะได้นั่งเลยเสียด้วยซ้ำ ก็กำจดหมายในมือแน่นแล้วรีบเดินออกไปด้านนอก พลางโทรหาพี่เจี้ยนผู้จัดการส่วนตัว

“ตอนนี้พี่รีบจองตั๋วเครื่องบินไปอเมริกาให้ผมใบนึง ผมจะออกเดินทางตอนนี้เลย”

พี่เจี้ยนได้ยินแล้วก็อึ้งไปพักหนึ่ง พลางเอ่ยขึ้นด้วยความตะลึง : “เดี๋ยวก่อน คืนนี้นายยังมีกิจกรรมอีกนะ นายลืมไปแล้วใช่ไหม? รายการโปรโมทก่อนภาพยนตร์นะ!”

ก่อนหน้านี้หมินอันเกอยุ่งงาน ก็บีบเวลาให้อยู่ในช่วงเวลางานทั้งหมดเอาไว้ ถ่ายทำเสร็จสิ้นก็รีบกลับ

เขายังแซวอยู่เมื่อก่อน ว่าหลังจากที่หมินอันเกอแต่งงานแล้วก็ยิ่งรักบ้านช่องขึ้นมาแล้ว

ทำไมตอนนี้กลับมาแล้วถึงได้มีข่าวแบบนี้กัน?

น้ำเสียงของหมินอันเกอเย็นชา และมีความโมโหอยู่ด้วย พลางเอ่ยขึ้น : “ต่อให้ผมไม่ไป นักแสดงหลักมากขนาดนี้นี้ ก็คงจะมีคนที่สามารถขึ้นเวทีได้อยู่แล้ว รีบจองตั๋วให้ผมใบนึงเดี๋ยวนี้ ถ้าหากพี่ไม่จัดการให้ ผมจะไปซื้อเอง”

“เดี๋ยวก่อน! นายอย่าเพิ่งใจร้อนสิ” พี่เจี้ยนรีบตะโกนเรียกเขาเอาไว้

ตอนนี้งานของหมินอันเกอกำลังรุ่ง เป็นที่รู้จักมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ถ้าหากถูกคนพบว่าเขาปรากฏตัวอยู่ที่สนามบินคนเดียวเพียงลำพังล่ะก็ จะต้องเกิดความวุ่นวายอย่างใหญ่หลวงอย่างแน่นอน

เขารีบเอ่ยขึ้น : “นายอย่าเพิ่งวู่วาม ตอนนี้ฉันจะซื้อตัวให้นายเอง แต่นายจะไปอเมริกาทำไม?”

หมินอันเกอก้มลงมองจดหมายที่อยู่ในมือแวบหนึ่ง ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มขึ้นมา

เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม : “ไปหาคน”

พี่เจี้ยนได้ยินคำพูดนี้แล้ว ในใจก็รู้สึกสงสัย ขนลุกขึ้นมา รู้สึกหวาดผวาขึ้นมาบ้าง

หลังจากที่หมินอันเกอกลับเข้ามาวงการบันเทิงอีกครั้ง ถึงแม้จะไม่เหมือนเมื่อก่อน เพื่อเป็นการปกป้องภาพลักษณ์และภาพพจน์ของตัวเอง ก็รักษารอยยิ้มที่เป็นมิตรและอ่อนโยนมาโดยตลอด แต่ก็นอบน้อมและมีมารยาทด้วยเช่นกัน

นานขนาดนี้แล้ว พี่เจี้ยนเป็นครั้งแรกที่ได้ยินน้ำเสียงที่โมโหอย่างชัดเจนแบบนี้จากปากของเขา

เขารู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

“นายอย่าทำเรื่องอะไรที่มันกู้กลับคืนมาไม่ได้เพราะความโมโหนะ”

“ผมรู้ พี่เพียงแค่สนใจเรื่องที่จองตั๋วให้ผมก็พอ ตอนนี้ผมจะไปที่สนามบินแล้ว”

วางสายแล้วนั้น หมินอันเกอก้มลงมองจดหมายที่อยู่ในมือ

ไม่คิดว่าเธอจะไปแล้ว!

ทำไม?

อยู่ข้างๆเขาเป็นทุกข์ลำบากขนาดนี้เลยอย่างนั้นหรือ?

ก่อนหน้านี้หลวนจื่อมักจะอยู่ข้างๆเขา จะไล่อย่างไรก็ไล่ไม่ไป คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้เธอจะเลือกที่จะจากไปเองแบบนี้ และยังหนีไปในสถานการณ์แบบนี้อีกด้วย!

หมินอันเกอกัดฟันแน่น เธอคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นการเล่นขายของหรืออย่างไรกัน?

เมื่อถึงสนามบิน พี่เจี้ยนก็ซื้อตั๋วเครื่องบินเอาไว้เรียบร้อยแล้วและกำลังรอเขาอยู่

เห็นท่าทางที่โมโหของหมินอันเกอแล้ว ก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที

เขาไม่เคยเห็นท่าทางที่โมโหแบบนี้ของหมินอันเกอมาเป็นเวลานานมากแล้ว

สีหน้าซีดเผือด ความเยือกเย็นในดวงตาของเขา ทำให้รู้สึกกลัวจนตัวสั่น

การบีบบังคับนี้อยู่บนร่างของเขาทำให้พี่เจี้ยนรู้สึกกลัว

“เป็นอะไรกันแน่?”

เขายื่นตั๋วที่อยู่ในมือให้

หมินอันเกอไม่ได้ตอบคำถาม แต่เอ่ยขึ้นมาแทน : “งานสองสามวันจากนี้ ถ้าเลื่อนออกไปได้ก็เลื่อนไปก่อน ผมอาจจะอยู่ที่นั่นซักสองสามวัน”

ในใจของพี่เจี้ยนนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย แต่กลับไม่กล้าขัด จึงพยักหน้าลง

“ไม่มีปัญหา นายวางใจได้”

หมินอันเกอไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วรีบขึ้นเครื่องบินไป

ทิ้งพี่เจี้ยนเอาไว้อยู่ตรงที่เดิม แววตาเต็มไปด้วยความกังวล

เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าดีๆอยู่หรอกหรือ?

หลังจากที่เวินเที๋ยนเที๋ยนกับจี้จิ่งเชินแต่งงานกันแล้ว เขาก็ไม่เคยเห็นสีหน้าอาการแบบนี้ของหมินอันเกออีกเลย ครั้งนี้เป็นเพราะใครอีกกัน?

หลวนจื่อมาถึงอเมริกาแล้ว ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากปรมาจารย์หูหลิน และยังช่วยเธอจัดเตรียมหอพักเอาไว้อีกด้วย ทำให้โดว์โดว์สามารถอยู่ด้วยกันกับเธอได้

“ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าลงเครื่องมาแล้วจะเจอคนล้วงกระเป๋าไปแบบนี้ โทรศัพท์ก็เลยหายไปด้วยเลยค่ะ”

ปรมาจารย์หูหลินโบกมือ พลางเอ่ย : “ไม่เป็นอะไรเลย ยังดีที่ฉันรออยู่ตรงประตูทางเข้าสนามบิน ไม่อย่างนั้นจะต้องเสียเวลารอรับอย่างแน่นอน เดี๋ยวฉันจะให้คนพาเธอไปทำซิมโทรศัพท์ใหม่นะ”

“ขอบคุณนะคะ”

ส่งปรมาจารย์หูหลินไปแล้ว หลวนจื่อก็หันกลับมามองดูห้องตรงหน้าหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องรับแขก

ถึงแม้จะไม่ใหญ่นัก แต่ดีตรงที่ดูอบอุ่น เธอกับโดว์โดว์พักอยู่สองคนก็เหลือเฟือแล้ว

พอเข้าประตูไปแล้ว โดว์โดว์ก็มองไปซ้ายขวาด้วยความตื่นเต้น พบว่าตรงระเบียงมีต้นไม้ที่ปลูกอยู่ในกระถาง ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา

“ดูเหมือนเป็นดอกไม้ที่คุณพ่อชอบเลยค่ะ!”

หลวนจื่อหันไปมองแวบหนึ่ง เป็นดอกมะลิที่เขาชอบมากที่สุดอย่างนั้นจริงๆ

โดว์โดว์หันกลับมา ดวงตาดูมีความคาดหวัง

“คุณแม่คะ คุณพ่อจะมาหาพวกเราเมื่อไหร่หรือคะ?”

หลวนจื่อเดินไป แล้วกอดเธอเอาไว้เบาๆ

“ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเราพูดกันเอาไว้แล้วหรือคะ? ว่าเราจะอยู่ที่นี่กันซักพักหนึ่ง ถ้าหากหนูคิดถึงคุณพ่อ แม่ก็จะพาหนูไปหาคุณพ่อบ่อยๆได้ ตอนนี้ก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ? เพียงแต่ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ต่างประเทศกันทั้งนั้นเอง”

โดว์โดว์เอียงหน้าคิด แล้วถึงได้พยักหน้าลงในที่สุด

เหมือนกับเมื่อก่อนจริงๆ ตอนที่อยู่ในประเทศก่อนหน้านี้ เป็นเพราะหมินอันเกอทำงานอยู่ตลอด ดังนั้นเป็นเวลาถึงเดือน สองเดือนถึงจะได้เจอหน้ากัน

ตอนนี้อยู่ที่นี่ ก็ไม่ต่างอะไรกันจริงๆ

โดว์โดว์คิดได้อย่างรวดเร็ว “รอให้คุณแม่เรียนเสร็จก่อนนะคะ แล้วพวกเราค่อยกลับไป ถึงตอนนั้นก็สามารถเจอพวกชิงชิงได้แล้ว”

หลวนจื่อรู้สึกโล่งใจ ก่อนหน้านี้เธอยังรู้สึกกังวลว่าตัวเองควรจะโน้มน้าวให้โดว์โดว์มากับตัวเองได้อย่างไร เพราะถึงอย่างไรความรู้สึกของลูกกับหมินอันเกอก็ดีต่อกันมาก

คิดไม่ถึงเลยว่าลูกจะเอาใจใส่แบบนี้

ตอนที่หลวนจื่อบอกว่าต้องการจะมาเรียนต่อเพื่อตามความฝันของตัวเองนั้น โดว์โดว์ยินยอมเร็วมาก อีกทั้งยังอยู่ข้างเธอ แม้กระทั่งยังคอยปลอบใจหลวนจื่อ ให้เธอไม่ต้องเป็นกังวลอีกด้วย

โดยปกติโดว์โดว์ดูแล้วจะมีนิสัยที่มีความปราดเปรียว และดื้อมาก แต่ก็คอยเอาใจใส่หลวนจื่อมาโดยตลอด

เธอลูบศีรษะของโดว์โดว์พลางเอ่ยพูดขึ้น : “รอหลังจากที่แม่ซื้อโทรศัพท์ใหม่แล้ว เราค่อยโทรไปหาคุณพ่อกันดีไหมคะ?”

โดว์โดว์พยักหน้าลงด้วยความดีใจ แล้วดึงมือหลวนจื่อเดินออกไปทางด้านนอก

หลวนจื่อยิ้มออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ และเมื่อเพิ่งจะผลักประตูออกไปนั้น ก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู

ชายคนนั้นสูงมาก น่าจะประมาณ190ซม. ถึงแม้ดูแล้วจะผมดำดวงตาดำ แต่ลายเส้นบนใบหน้าของเขานั้นกลับดูแข็งแรงเป็นอย่างมาก

ทางฝ่ายนั้นราวกับกำลังจะเคาะประตูด้วยเช่นกัน เขายิ้มพลางเอ่ยขึ้น : “สวัสดีครับ ผมเป็นนักเรียนของปรมาจารย์หูหลิน จางอันโย่ว”

หลวนจื่อถึงได้นึกขึ้นมาได้ ว่าเมื่อครู่นี้อาจารย์ฉู่บอกเอาไว้แล้วว่าจะหาคนมาช่วยพาเธอไปซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่

“สวัสดีค่ะ ฉันหลวนจื่อ รบกวนด้วยนะคะ”

“ไม่มีปัญหาครับ”

เมียหวานของประธานเย็นชา

เมียหวานของประธานเย็นชา

Status: Ongoing

“คุณจะคิดแบบนี้ไปถึงเมื่อไรถึงจะกลับบ้านได้?” จี้จิ่งเชินพูดออกมาอย่างจนใจ เขารีบมาที่นี่ทันทีตั้งแต่รับสาย และยืนดูเธอเดินวนคิดเป็นหนูติดจั่นแบบนี้มาครึ่งชั่วโมงแล้ว เธอไม่กล้าออกมา เพราะเธอกลัวว่าถ้าเขารู้เรื่องเข้า เขาจะทำอย่างไร สุดท้ายสิ่งที่เขาทำ คือ จูบหน้าผากของเธอ “ผมเชื่อคุณ… ไม่ต้องอธิบายอะไร ผมก็เชื่อคุณ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท