ภายใต้ความช่วยเหลือของบริษัทเอ็มไอกรุ๊ป ไม่นานเรื่องนิทรรศการวัตถุโบราณของพิพิธภัณฑ์ก็เตรียมพร้อมแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนอ่านข้อมูลในมือที่จี้จิ่งเชินส่งมาฉบับนั้น เกี่ยวกับข้อสงสัยก่อนหน้านี้ทั้งหมดของเธอล้วนได้รับการอธิบายแล้ว
เฉินหยุนมองอยู่ข้างๆ รู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก
“ประธานจี้ดีกับภัณฑารักษ์มากเลย ชี้ให้เห็นทุกรายละเอียดในสัญญา”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกกระอักกระอ่วน แก้มซับสีแดงเรื่องเล็กน้อย
ผู้ชายคนนั้นดีตรงไหนกัน?
ถ้าไม่ใช่เพราะข้อมูลฉบับนี้ เธอต้องจ่ายไปไม่ใช่น้อยๆ
เฉินหยุนเห็นการเปลี่ยนแปลงบนหน้าของเธอ เอ่ยอย่างไม่เข้าใจ “ภัณฑารักษ์ คุณไม่สบายหรือเปล่า? ทำไมหน้าแดงถึงขนาดนี้?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้า แล้วรีบหลบสายตา
“ไม่ใช่ ฉันแค่กำลังคิดว่าหลังจากเริ่มนิทรรศการแล้ว น่าจะเจอกับปัญหาอีกมากมาย จึงต้องเตรียมตัวไว้ก่อน”
เฉินหยุนพยักหน้า
“จุดนี้ฉันปรึกษากับคนอื่นๆ ไว้แล้ว คุณวางใจได้”
วันต่อมา นิทรรศการของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ เพราะก่อนหน้านี้มีการโฆษณาที่เพียงพอ จึงดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมากที่หลงใหลในด้านนี้ได้อย่างรวดเร็ว
คนที่มาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์มากกว่าตอนปกติถึงหนึ่งเท่าตัว ทุกคนจึงมีงานยุ่งขึ้นมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนตรวจตราไปมาในพิพิธภัณฑ์ ถ้าหากเจอเหตุการณ์อะไรจะได้จัดการแก้ไขอย่างรวดเร็ว
เดินอยู่สักพักหนึ่ง ก็เห็นสาวน้อยอายุประมาณสิบกว่าขวบสองคนนั่งอยู่กลางห้องด้วยสีหน้าไม่พอใจ และบ่นคุณปู่คุณย่าที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่พอใจ
“หนูอยากไปเล่นเครื่องเล่น ทำไมถึงให้พวกหนูมาดูของพวกนี้?”
“ใช่แล้ว หนูไม่ได้สนใจสักนิด น่าเกลียดจะตาย!”
พวกเขาเดินไปหน้าวัตถุโบราณในนั้นชิ้นหนึ่ง ไม่เข้าใจความหมายของวัตถุโบราณ จึงไม่พอใจการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ด้วยความไม่พอใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย ความจริงแล้วสำหรับคนหนุ่มสามส่วนใหญ่ น้อยมากที่จะเลือกมาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ เพราะพวกเขาไม่เข้าใจเกี่ยวกับวัตถุโบราณส่วนใหญ่ แม้กระทั่งประวัติศาสตร์ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จะชอบวัตถุโบราณได้อย่างไร?
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนหันมองไปรอบๆ ก็พบว่ามีเหตุการณ์แบบนี้จำนวนไม่น้อย
เนื่องจากวัตถุโบราณและประวัติศาสตร์ได้รับความนิยมต่ำ ปัจจุบันคนจำนวนมากจึงไม่ค่อยเข้าใจ
หนังสือเกี่ยวกับด้านนี้มีจำนวนไม่น้อย แต่ก็ล้วนเป็นหนังสือที่ซับซ้อน แล้วใครจะเสียเวลาอ่าน?
ถ้าหากคิดวิธีทำให้ทุกคนเข้าใจประวัติศาสตร์ เข้าใจวัตถุโบราณ และตกหลุมรักได้อีกครั้งก็คงดี
เวินเที๋ยนเที๋ยนครุ่นคิด แล้วกลับไปที่สำนักงาน
ได้ยินเสียงเอะอะดังขึ้น เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นโทรทัศน์ของสำนักงานกำลังออกอากาศรายการวาไรตี้ก็ชะงักไป
คนในสำนักงานคนอื่นๆ เห็นเธอเดินเข้ามา ยังคิดว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนโกรธ จึงรีบเอ่ย “ขออภัย ผมไม่ได้อยากดูละคร แค่เปลี่ยนช่องมาโดยไม่ได้ตั้งใจ…..”
“ไม่เป็นไร”
เวินเที๋ยนเที๋ยนโบกมือ เดินเข้าไปแล้วเอ่ย “ฉันจำได้ว่ารายการวาไรตี้นี้ช่วงนี้ดังมากใช่ไหม?”
“แน่นอน!”
คนนั้นเอ่ยอย่างดีใจ “ตอนนี้อย่าว่าแต่เด็กเลย แม้กระทั่งคนในวัยเดียวกันกับพวกเราก็ยังชอบดู หลายๆ เกมในนั้น เด็กๆ สามารถเลียนแบบได้ด้วย พูดได้ว่าเป็นรายการที่ดีที่สุดในช่วงนี้เลย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินดังนั้น ก็หันกลับไปมองรายการที่กำลังฉายอยู่บนหน้าจออีกครั้ง เกิดประกายผุดขึ้นในหัว
ถ้าเธอสามารถทำรายการที่ไม่ได้มีแค่ความบันเทิง แต่ยังเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัตถุโบราณได้ เด็กๆ ก็น่าจะชอบกันใช่ไหม?
เธอรีบหันไปเอ่ยถาม “ตั้งแต่ที่พวกเราจัดนิทรรศการมา มีวัยรุ่นอายุต่ำกว่ายี่สิบปีลงไปมาเยี่ยมชมกี่คน?”
เฉินหยุนได้ยินดังนั้นจึงเปิดดูสมุดบันทึกในมืออย่างรวดเร็ว ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“แต่ว่า เรื่องแบบนี้ควรเริ่มตั้งแต่อายุยังน้อยไม่ใช่เหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนตัดบท “พวกเขาไม่ได้ไม่ชอบ แค่ไม่เข้าใจ ถ้าให้พวกเขามีโอกาสทำความคุ้นเคยกับความรู้ในด้านนี้ ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะสนใจก็ได้”
หลายคนในสำนักงานมองหน้ากันไปมา
“ควรทำให้พวกเขาคุ้นเคยอย่างไรดี? เด็กพวกนั้นแม้กระทั่งหนังสือเรียนยังไม่สนใจ จะสามารถอ่านหนังสืออธิบายประวัติศาสตร์และวัตถุโบราณที่ซับซ้อนได้อย่างไร?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนดวงตาเป็นประกายเล็กน้อย ในแววตาเต็มไปด้วยความแน่วแน่
“ฉันอยากทำรายการรายการหนึ่ง ให้ทุกคนเข้าใจประวัติศาสตร์และวัตถุโบราณผ่านรายการ”
ทุกคนได้ยินที่เวินเที๋ยนเที๋ยนอธิบายแล้วก็พากันแสดงออกอย่างสงสัย
“งานใหญ่ขนาดนี้ จะได้ผลจริงเหรอ”
“ได้” เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยอย่างแน่วแน่ “แค่ต้องให้ช่องทางกับพวกเขา ไม่ถ้าไม่ชอบก็ช่วยไม่ได้ แต่ต้องพยายามก่อนไม่ใช่เหรอ?”
เอ่ยกับทุกคน “พวกคุณไปเขียนแผนยื่นคำร้องมาก่อน เรื่องผู้กำกับและพิธีกร ฉันจะเป็นคนหาเอง”
พูดจบก็หมุนตัวเดินจากไป
ในใจของหลายคนที่อยู่ตรงนั้นกลับยังรู้สึกสงสัยเล็กน้อย
จะสำเร็จจริงๆ ใช่ไหม?
อีกด้านหนึ่ง หลังจากเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับมาที่สำนักงานของตัวเองแล้ว ก็เขียนแผนรายการออกมาอย่างละเอียด สุดท้ายก็เริ่มพิจารณาผู้กำกับและพิธีกรที่ต้องการ
หาอยู่หนึ่งรอบแล้วก็ยังคิดว่าหมินอันเกอเหมาะสมที่สุด
แม้ว่าหมินอันเกอจะยกเลิกสัญญากับบริษัทหวนฉิวแล้ว แต่บริษัทของเขาเองก็กำลังจัดตั้ง กำลังมองหาโอกาสที่ดีในการเริ่มธุรกิจใหม่อยู่เช่นกัน
ก่อนหน้านี้เขาเคยพูดไว้ว่าจะไม่จากวงการบันเทิงไปเร็วขนาดนั้น ตอนนี้จึงเป็นโอกาสที่ดี
เวินเที๋ยนเที๋ยนติดต่อหมินอันเกออย่างรวดเร็ว
เมื่ออีกฝ่ายได้ฟังความคิดของเวินเที๋ยนเที๋ยน ก็ตอบตกลงอย่างรวดเร็ว
“ไม่มีปัญหา แต่ว่าแบบนี้จะไม่มีปัญหาใช่ไหม? ตอนนี้ผมไม่ได้เป็นคนในบริษัทหวนฉิวแล้ว โอกาสแบบนี้น่าจะเหลือไว้ให้นักแสดงของตนเองไม่ดีกว่าเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยอย่างแน่วแน่ “ฉันมาหาคุณหลังจากผ่านการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ตอนนี้ทั้งวงการบันเทิง คุณมีชื่อเสียงที่สุด และฉันก็รู้ว่าคุณจะต้องตกลงแน่นอน”
“ครั้งนี้พวกเราจะร่วมงานกับบริษัทระดับประเทศที่อยู่ใกล้ๆ มีประโยชน์ต่อการพัฒนาบริษัทของคุณในอนาคตเป็นอย่างมาก”
หมินอันเกอได้ยินดังนั้น ก็เงียบไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นแน่วแน่ยิ่งขึ้น
“ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถทำให้รายการนี้ดังให้ได้”
“แค่ทุกคนทำเต็มที่ก็พอแล้ว” เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ย “ส่วนเรื่องคัดเลือกคนอื่นๆ คุณมีอะไรจะแนะนำไหม?”
“ตอนนี้ในมือมีอยู่สองสามคนที่ไม่เลว สามารถให้พวกเขารับบทเล็กๆ น้อยๆ ได้”
“ไม่มีปัญหา”
เมื่อวางสายโทรศัพท์แล้ว เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงอ่านแผนงานในมือ ราวกับมีภาพตอนรายการออกอากาศปรากฏขึ้นในหัว
แม้ว่าจะไม่สามารถคาดหวังให้ทุกคนชอบได้ แต่ก็น่าจะไม่แย่จนเกินไป
ตอนที่จี้จิ่งเชินได้ยินเรื่องที่เวินเที๋ยนเที๋ยนต้องการทำรายการแบบนี้ก็เป็นอีกวันต่อมาแล้ว เลิกคิ้วขึ้นสูงแล้วจ้อง
“เป็นอะไร?” เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้ว ในดวงตาเขียนไว้อย่างชัดเจนสามคำว่าไม่พอใจ
เอ่ยขึ้น “ตอนนี้พวกคุณน่าจะผู้สนับสนุนอยู่ไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงไม่บอกผม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องพูดแบบนี้ “เรื่องผู้สนับสนุน พวกเราจะหาบริษัทอื่น”