ตอนที่ 236 ถูกขัดขวางอีกครั้ง
อวิ๋นเซียงฉือถอนใจ แต่ใช่ว่าจะไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ
นางกำกำปั้นประสานมือพูดว่า
“เป็นเพราะใต้เท้าไม่รังเกียจข้าเจ้าค่ะ”
เซียงฉือไม่กล้าพูดอะไรมาก นางระมัดระวังตัวอย่างยิ่ง เกรงว่าหากมีคำพูดใดไปล่วงเกินฝ่ายตรงข้ามเข้า สิ่งที่ทุ่มทำไปแต่ต้นจะต้องล้มเหลวไปทั้งหมด
นางไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้นจึงสำรวมอย่างยิ่ง
เหอจิ่นเซ่อยิ้มแล้วพูดขึ้น
“เจ้าเป็นคนฉลาด ข้าจะไม่อ้อมค้อมกับเจ้าแล้ว เจ้าคิดสินะว่าเมื่อครู่ข้าใจร้ายกับหญิงสาวคนนั้นมาก ไม่พูดอะไรสักคำก็ปล่อยให้นางขาดคุณสมบัติไปแบบนั้น”
“แต่เจ้าควรรู้ไว้ กองราชเลขาต่างกับกองอื่นๆ ทั้งห้า เหตุการณ์เมื่อครู่เป็นสภาพที่เป็นอยู่ประจำในตำหนักเจิ้งหยาง และข้าราชสำนักสตรีด้านอักษรที่ต้องรับใช้ฝ่าบาททุกวันจะต้องฉลาด สงบเงียบ มีความละเอียดรอบคอบ มิเช่นนั้นอาจต้องทิ้งชีวิตไปเสียเปล่าๆ”
เซียงฉือฟังแล้วจึงเข้าใจวัตถุประสงค์ในวิธีการนี้ของเหอจิ่นเซ่อ
อดไม่ได้ต้องทอดถอนใจ เหอจิ่นเซ่อฉลาดหลักแหลมจริงๆ ที่สามารถคิดวิธีการเช่นนี้ได้
เซียงฉือมองดูเหอจิ่นเซ่อในตอนนี้ ชั่วขณะที่เงยหน้า สายตาจะเต็มไปด้วยความมั่นใจและสุขุมเยือกเย็น สตรีเช่นนี้ช่างเป็นที่น่าหลงใหลยิ่งนัก
“ใต้เท้าพิจารณาถี่ถ้วนนัก เซียงฉือได้เรียนรู้แล้วเจ้าค่ะ”
เซียงฉือพูดได้รอบคอบ เหอจิ่นเซ่อยิ้มแล้วก้มหน้าเขียนอะไรลงในเอกสาร เซียงฉือไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงได้รู้สึกมีความสนิทสนมกับเหอจิ่นเซ่อคนนี้ยิ่งนัก ตัวตนของนางที่เป็นอยู่เหมือนเป็นความเพ้อฝัน
เป็นแบบฉบับของผู้หญิงที่เซียงฉือรอคอยหรือจะบอกว่าเป็นท่านปู่ที่รอคอยเสมอมา หากเซียงฉือสามารถเป็นผู้หญิงแบบนั้นได้สำเร็จ หยิ่งแต่ไม่ลำพอง ฉลาดเฉลียวทั้งยังสง่างามเพียบพร้อม เป็นเหมือนกับตำราที่ใช้ในการเรียนการสอน
นางออกจากกองราชเลขา เรื่องราวเมื่อครู่เหมือนอยู่ในความฝัน เซียงฉือได้พบกับเซียงซือที่เดินมาพอดี วันนี้สีหน้านางเปล่งประกาย ท่าทางเฉิดฉายเจิดจ้าด้วยความเชื่อมั่น
เซียงฉือจึงเดินเข้าไปคิดจะคุยกับนาง
“เซียงซือ สอบเป็นอย่างไรบ้าง”
เซียงฉือเดินไปถึงข้างกายเซียงซือ แล้วก็พบว่านางถูกล้อมอยู่ตรงกลางด้วยหญิงสาวจำนวนมากที่กำลังส่งเสียงกันเจี๊ยวจ๊าว
เมื่อได้ยินเสียงเซียงฉือ เซียงซือก็หมุนตัวกลับมา เห็นเซียงฉือเข้าก็ดึงมือนางไว้
“อ้าวน้องเซียงฉือ ที่สอบผ่านมาก็ไม่เลวนัก เหลือเพียงกองราชเลขานี่แหละที่สุดท้าย แต่ไม่เป็นไรหรอกเพราะกุ้ยเฟยได้ฝากฝังข้าไว้ล่วงหน้าแล้วก็เลยไม่กังวลแล้วเจ้าล่ะ”
“ความสามารถของเจ้าข้าก็รู้อยู่ นี่จะมาสอบด่านราชเลขาเหมือนกันหรือ รออีกสักครู่ข้าจะไปทูลขอกับกุ้ยเฟย ขอให้พระองค์ช่วยพูดให้เจ้าด้วย”
คำพูดของเซียงซือทำให้เซียงฉือรู้สึกอบอุ่นใจแต่รู้สึกแปลกใจด้วยในขณะเดียวกัน แต่เพราะเวลารีบเร่งทำให้นางคิดไม่ทัน อีกทั้งเซียงซือก็ถูกสาวๆ พวกนั้นเรียกตัวไปอย่างรวดเร็ว แล้วพากันเข้าไปในกองราชเลขา
ขณะเดียวกันเซียงฉือเดินอย่างรู้สึกเกรงใจเพื่อไปทำการสอบยังกองคดีกับกองเย็บปัก มาเสียเวลาอยู่ในกองราชเลขาไม่น้อย ทำให้ช้าไปมาก
การสอบในกองคดีสำหรับเซียงฉือแล้วไม่นับว่ายาก ที่สำคัญคือมีสวี่อี้อยู่ด้วย ทำให้นางสบายใจยิ่ง
จึงมีเพียงความหวาดแต่ไม่มีภัย แล้วก็ได้รับหลักฐานการสอบผ่าน จึงไปต่อยังกองเย็บปักอันเป็นที่สุดท้าย
ไปถึงเพียงแค่หน้าประตูสนามสอบก็ถูกขัดขวางไว้เป็นครั้งที่สองของวันนี้
“ใต้เท้าท่านนี้ เหตุใดจึงไม่ให้ข้าเข้าไปสอบเล่าเจ้าคะ”
น้ำเสียงเซียงฉือเริ่มไม่เป็นมิตร ไม่ว่าเป็นใคร หากต้องมาถูกขัดขวางไว้ตรงหน้าประตูถึงสองครั้งภายในวันเดียวเช่นนี้ อารมณ์ย่อมต้องไม่สู้ดีแน่
และพวกนางก็ทั้งป่าเถื่อนทั้งพาล ไม่สามารถให้เหตุผลที่ฟังขึ้นได้สักอย่างเดียว
สตรีสวมชุดข้าราชสำนักสีเงินมองดูเซียงฉือด้วยสีหน้าเย้ยหยัน และผลักนางออกนอกประตูอย่างไม่เกรงใจ
ตอนที่ 237 เผชิญหน้าหวังชิงซิ่ว
“ก็แจ้งไปแล้วว่าจะต้องมีป้ายคำสั่งน้อยจึงจะเข้าไปสอบได้ กองเย็บปักเราเป็นกองเล็กๆ ในกองจะรับเพียงสามคน การปักนั้นเสียเวลาที่สุดจึงต้องให้สอบล่วงหน้าไปก่อน เจ้าเพิ่งจะมาเอาป่านนี้ ตำแหน่งว่างหมดไปนานแล้วล่ะ”
ถึงน้ำเสียงนางจะไม่เป็นมิตรนัก แต่คำพูดก็ไม่ได้แสลงหู เพียงแต่เซียงฉือไม่เข้าใจความหมายที่นางพูด
“ท่านหมายความเช่นไร วันนี้เพิ่งจะเปิดการสอบรอบสอง ท่านพูดเช่นนี้ข้าไม่เข้าใจเจ้าค่ะ”
น้ำเสียงเซียงฉือไม่ดีเท่าไหร่ สายตานางเย็นเฉียบ เพราะใจนางขณะนี้สับสนจนเกิดความโกรธขึ้นมา
“ข้าไม่มีเวลาจะมาพูดไร้สาระกับเจ้า เรื่องป้ายคำสั่งน้อยรู้กันไปทั่วทั้งวัง ในเมื่อเจ้าไม่มีแล้วจะมาที่นี่ให้ได้อายทำไม”
น้ำเสียงข้าราชสำนักสตรีคนนั้นเริ่มไม่น่าฟังมากขึ้น นางไม่มีเจตนาสร้างความลำบากให้ แต่เพราะปีนี้มีการใช้รูปแบบการสอบใหม่ การสอบที่ผ่านมาของกองเย็บปักเพราะถูกจำกัดด้วยเวลาทำให้ต้องทดสอบในเวลาสั้นๆ แต่ครั้งนี้เพราะซูเฟยเสนอวิธีให้ใช้ป้ายคำสั่งน้อยนี้ขึ้นมาจึงเป็นโอกาสในการรับคนมีฝีมือของกองเย็บปักมากขึ้น
“ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ไม่ควรจะทำลายโอกาสของข้า ทำให้ข้าต้องมาชะงักอยู่เพียงเท่านี้ ข้าไม่ยินยอม!”
เซียงฉือพูดเอาจริงเอาจัง นางรู้สึกไม่ยินยอมจริงๆ วิชาอื่นๆ ล้วนผ่านมาหมดแล้ว กลับเป็นกองเย็บปักงานที่นางถนัดที่สุดที่มาขวางกั้นนางไว้ที่หน้าประตู
เสียงของนางที่หน้าประตูดังเข้าไปถึงด้านในที่ทำการสอบอย่างรวดเร็ว
สตรีที่ดูสุภาพเยือกเย็นคนหนึ่งเดินออกมา อายุนางน่าจะประมาณสามสิบห้าปี บนใบหน้าฉาบความโกรธบางๆ เมื่อสตรีที่ด้านหน้าประตูเห็นคนที่มาจึงก้มศีรษะทำความเคารพอย่างนอบน้อม
“ใต้เท้าหวัง นี่เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น เดี๋ยวข้าจะจัดการให้เรียบร้อยเจ้าค่ะ”
เมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นหวังชิงซิ่วเดินออกมาจึงเข้าไปรับหน้าอย่างยิ้มแย้ม เซียงฉือเมื่อเห็นคนที่มาก็ทำความเคารพอย่างนอบน้อมเช่นกัน แล้วยืนตัวตรงมองดูนาง
“ใต้เท้าหวัง ข้าชื่ออวิ๋นเซียงฉือ ใต้เท้าท่านนี้ไม่ยอมให้ข้าเข้าไปสอบ บอกแต่เพียงว่าเพราะข้าไม่มีป้ายคำสั่งน้อย แต่ว่ากฎเกณฑ์เรื่องป้ายคำสั่งน้อยนี้ไม่ได้ระบุไว้ในรายการแจ้งล่วงหน้าก่อนสอบ ข้าไม่ทราบมาก่อนจริงๆ ไม่ได้มีเจตนาลืมแต่อย่างไรเจ้าค่ะ”
“วันนี้ก็มาอย่างรีบเร่ง จึงถูกขวางไว้ที่หน้าประตูเพราะเรื่องป้ายคำสั่งน้อยนี้ถึงสองครั้ง ความหวังของข้าคือการได้เข้ากองเย็บปัก กราบเป็นศิษย์ของท่าน ขอใต้เท้าได้โปรดให้โอกาสข้าสักครั้ง ข้าจะสำนึกไม่มีวันลืมเลือนเจ้าค่ะ”
ในใจอวิ๋นเซียงฉือคงจะเกลียดเจ้าป้ายคำสั่งน้อยที่ว่านี้เข้ากระดูกเป็นแน่ ถึงจะไม่รู้ว่านี่เป็นแผนการที่จงใจวางเพื่อนาง แต่ก็ต้องลำบากเพราะมันไม่ใช่น้อย ตอนนี้นางไม่สนใจอะไรแล้ว เพียงหวังจะได้มีโอกาสครั้งนี้เท่านั้น
ขอเพียงให้นางได้มีโอกาส นางมีความมั่นใจว่าตนเองจะสามารถผ่านการสอบได้
เซียงฉือแทบจะถลาไปถึงเบื้องหน้าหวังชิงซิ่ว นางคิดเพียงต้องสู้เพื่อโอกาสสุดท้ายของตัวเอง
ถึงแม้วันนั้นชิงอี๋ได้บอกกับนางไว้แล้วถึงเรื่องความหน้าเงินของหวังชิงซิ่ว แต่ตอนนี้บนตัวนางไม่มีสิ่งของอะไร จึงร้อนรนใจอย่างยิ่ง แต่ต้องทดลองสุดชีวิต หวังจะได้โอกาสจากใต้เท้าหวังสักครั้ง
การสอบข้าราชสำนักสตรีสำหรับเซียงฉือในครั้งนี้เป็นไปด้วยความยากลำบาก นางไม่รู้ว่าต้นเหตุทั้งหมดเกิดจากการที่นางปฏิเสธซูเฟยในครั้งนั้น ทำให้ซูเฟยเห็นนางเป็นเสมือนเข็มในตา
การโต้แย้งของเซียงฉือเป็นเรื่องน่ารังเกียจอย่างที่สุดในสายตาหวังชิงซิ่ว นางดูแลกองเย็บปักมาหลายปี ถึงแม้กองเย็บปักจะเสื่อมโทรมที่สุดในหกกองของวังหลังนี้ แต่นางเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้นมาตลอด
ดังนั้นท่าทางชนไม่เลือกของเซียงฉือเช่นนี้จึงทำให้นางเอือมระอาอย่างยิ่ง