บทที่ 888 ก่อตั้งสำนัก
ยังดีที่ไม่ถูกจับได้ อันหลิงหยุนรู้สึกดีใจอยู่สักครู่
สวีฝูมองไปยังกงชิงวี่ นานมากกว่าจะพูดขึ้นว่า “ที่จริงอ๋องเสียนเองก็รู้ถึงความอันตรายอยู่ลึกๆ เพียงแต่เขาไม่อยากพูด”
อันหลิงหยุนอืมหนึ่งเสียง
“มกุฎราชกุมารี อย่าว่าแต่อ๋องเสียนเลย แม้แต่ฮ่องเต้ เหล่าขุนนางก็มีความกังวลเช่นกัน ราชาบางคน หากทำให้ขุนนางต้องเป็นกังวล ก็อาจมีการหาคนมาแทนที่ได้”
“ข้าเข้าใจความหมายของกงกง กงกงอยากจะบอกว่า ไม่ใช่เพราะท่านอ๋องก่อกรรมทำเข็ญมากมาย แต่ไม้ใหญ่ย่อมถูกลมโค่น ท่านอ๋องมีชื่อในแผ่นดินทั้งสี่ทิศเพราะการทำสงครามเพียงครั้งเดียว บวกกับที่เขาทำทุกสิ่งและตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ได้ทำให้แผ่นดินทั้งสี่ทิศต่างสั่นคลอน คนที่สูงส่งเหล่านั้นต่างก็เกรงกลัวว่าพวกเขาจะถูกท่านอ๋องจัดการ
พวกเขามีเหตุผลอะไรที่จะไม่หวาดกลัว ใช่หรือไม่”
ได้ยินที่อันหลิงหยุนพูด สวีฝูพยักหน้า “จริงพ่ะย่ะค่ะ มกุฎราชกุมารีนั้นเข้าใจจิตใจคน”
“หากพวกเขาคิดจะใช้ข้าเพื่อจะร่วมกันโจมตี ท่านอ๋องก็คงจะกลายเป็นเป้าหมายที่ทุกคนต้องโจมตี ”
“ข้าน้อนมิกล้ายืนยัน แต่ข้าน้อยเองอยู่หนานอี้ก็มีคนอยู่ไม่น้อย อ๋องผู้สำเร็จราชการกับฮ่องเต้องค์ก่อนให้ความสำคัญกับข้าไม่น้อย ข้าน้อยกำความลับอยู่ในมือไม่น้อย”
“เชิญกงกงพูดเถอะ”
““มกุฎราชกุมารี ข้าน้อยได้รับข่าวมาว่า หนานอี้มีคนที่ไม่พอใจต่อท่านมานานแล้ว โดยเฉพาะฮองเฮา ฮองเฮาเรียกรวมพลขุนนาง เพราะคิดว่าท่านคงจะกลับไปถึงหนานอี้ในทันที คงไม่อยู่ในประเทศต้าเหลียงอีก แต่ท่านไม่กลับไป เพราะอ๋องเสียนได้สร้างความเดือดร้อนขึ้น
ฉะนั้นจึงคิดจะลงมือฆ่าอ๋องเสียนให้สิ้นซาก
เหล่าขุนนางต่างก็เห็นด้วย ยังติดต่อกับคนกลุ่มหนึ่งของประเทศเฟิ่ง”
“พวกเขาอยากให้ข้ากลับไป คิดจะลงมือกำจัดข้าที่ประเทศหนานอี้ ท่านอ๋องเองก็คงรู้ดี จึงไม่ให้ข้ากลับไป แม้ว่าจะไม่มีเรื่องที่จะกำจัดข้า ท่านอ๋องเองก็ไม่ปล่อยให้ข้าจากไปอยู่ดี
อย่างที่คนเคยกล่าว ปลากับอุ้งตีนหมีไม่สามารถได้มาพร้อมกันได้
ข้าเป็นพระชายาของเขา ก็เป็นได้เพียงชายาเขาเท่านั้น เขาไม่ยอมให้ข้าจากเขาไปเป็นแน่
แต่คนเหล่านั้นจะใช้ข้ออ้างนี้ โจมตีเขา ควบคุมเขา
เขาไม่ยินยอมจะร่วมมือด้วย ก็จะกลายเป็นศัตรูของทุกคน
แม้ว่าฮ่องเต้จะสามารถปกป้องเขาได้ แต่ประชาชนก็สามารถดึงเขาลงมาได้
ขอเพียงแค่สถานะของข้าทำให้ประชาชนเกิดความไม่พอใจ เขาเองก็คงจะโชคดีที่หลุดพ้นจากภัย”
สวีฝูพยักหน้า “ใช่แล้ว ตอนนั้นอ๋องเซ่เจิ้งก็เป็นเช่นนี้ แม้ว่าจะได้ใจประชา แต่เป็นเพราะว่าเรื่องของมกุฎราชกุมารีของประเทศเฟิ่งทำให้ต้องรับแรงบีบคั้นจากหนานอี้ทั้งบนล่าง หากไม่เป็นเช่นนี้ ก็คงไม่ต้องถูกกักขังอยู่หลายปี
ข้าน้อยเกรงว่าท่านเองจะมีจุดจบดังเช่นอ๋องเซ่เจิ้น”
“ขอบคุณท่านกงกง ”อันหลิงหยุนมองไปทางกงชิงวี่ “ฉะนั้นข้าต้องปกป้องเขา”
อันหลิงหยุนอุ้มจื่อฮั่วขึ้น โยกไปมาหน้าโต๊ะ หลุบตาลง ในใจเหมือนตาข่ายคอยปกป้องเขา
เลิกเปลือกตาขึ้นมองไปข้างหน้า อันหลิงหยุนรู้สึกได้ถึงความชัดเจนในชั่วพริบตา
นางไม่มีอารมณ์เช่นนี้มานานมากแล้ว มาที่นี่ส่วนใหญ่ก็ขี้เกียจ ไม่มีความปรารถนาที่จะอยากปกป้อง และได้ทำลายความฮึกเหิมที่เคยมีไปหมดสิ้น
ได้เวลาลับดาบแล้ว
กงชิงวี่กลับมาแล้ว“เป็นอะไรไป”
“ไม่มีอะไร เพียงแต่คิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้เท่านั้น”
อันหลิงหยุนหมุนตัวกลับไป ขึ้นรถม้าเตรียมเดินทางต่อ
กงชิงวี่มองไปทางสวีฝูแวบหนึ่ง แล้วก็หมุนตัวขึ้นรถม้า จากนั้นเจ้าเสือน้อยก็ตามเจ้าห้าขึ้นรถม้าไป
ไม่กี่วันให้หลัง ที่สุดอันหลิงหยุนก็ไปดูหลี่ถิง นางต้องการแน่ใจว่าหลี่ถิงยังมีชีวิตอยู่
ไม่เช่นนั้นที่พยายามมาทั้งหมดก็คงต้องสูญเปล่า
แต่หลี่ถิงก็ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทุกวันเขายังคงมองอันหลิงหยุนอย่างชั่วช้า
อันหลิงหยุนเห็นสายตาเลวทรามของเขาก็วางใจ เช่นนี้ก็สามารถเพิ่มเวลาให้กับซูมู่หรงได้แล้ว
ที่สุดก็กลับมาถึงประเทศต้าเหลียง อันหลิงหยุนกลับไปที่จวนอ๋องเสียน เพียงแค่ไปดูลูกๆ และไปพูดคุยกับแม่ทัพอันและหยุนจิ่นไม่กี่คำ จากนั้นก็ไปยังนอกนอกเมืองที่ห่างออกไปสิบลี้บนพื้นที่ลาดแห่งหนึ่ง ได้สร้างที่อยู่อาศัยขึ้นที่นั่น บอกว่าจะให้เป็นที่พักฟื้นของสวีฝู แล้วก็ไปอยู่ตรงนั้น
ลานบ้านและทุกสิ่งเรียบง่าย สวีฝูก็อยู่ที่นั่น อันหลิงหยุนหาคนมาบางส่วน
กงชิงวี่เพิ่งกลับมา กำลังจะเข้าวัง อันหลิงหยุนยังคงทำงานของตัวเอง
อันหลิงหยุนเชื่อว่า ใต้หล้านี้ไม่มีสิ่งใดที่เงินทำไม่ได้ เพื่อให้สามารถทำงานที่วางแผนเอาไว้ อันหลิงหยุนได้เอาเงินจำนวนหนึ่งออกมา เริ่มทำการระดมไพร่พลและซื้อม้า
คิดการใหญ่ ก็ต้องมีคนที่ไว้วางใจได้ แต่ตอนนี้อันหลิงหยุนยังไม่มีใครสามารถเชื่อใจได้ นางเองก็เพิ่งจะค้นพบว่า คนที่ปกตินางอบรมสั่งสอนมา ก็มีเพียงไม่กี่คนที่อยู่ในจวนอ๋องเสียน
“ให้หยุนจิ่นมาที่นี่หน่อย”แม้ว่าอันหลิงหยุนจะเห็นว่าหยุนจิ่นเป็นเหมือนลูกสาวของพ่อนาง แต่ที่สุดก็คือหยุนจิ่น นางคิดอยากจะพบหยุนจิ่น หยุนจิ่นย่อมต้องมา
หยุนจิ่นฉลาด อันหลิงหยุนไม่มาพบนาง แต่ได้สั่งให้เข้าพบแสดงว่าต้องมีเรื่องสำคัญ
นางจึงรีบเร่งไปหา แม่ทัพอันย่อมไม่รู้เรื่องนี้
หมอกุ่ยและหมอจวนโจวก็ตามมาในไม่ช้า และยังมีเฟยยิง
หยุนจิ่นเดินเข้าประตู อันหลิงหยุนก็มองไปยังจิ้งจอกหางสั้น “ออกไปดูสิ”
จิ้งจอกหางสั้นรีบมุดออกไปทันที เจ้าเสือน้อยยังคงเฝ้าเจ้าห้าเอาไว้
หยุนจิ่นรู้ว่าอันหลิงหยุนมีเรื่องสำคัญจึงได้ทำเช่นนี้ ก็ไม่ได้พูดมากอะไร เดินไปนั่งลงข้างๆ
“ข้าเชื่อใจพวกเจ้าทุกคน ทุกคนต่างไม่ใช่คนนอก แม้ว่าหมอกุ่ยจะเป็นคนของเสด็จอาสาม แต่ข้าก็ยังเชื่อใจอยู่ดี”
หมอกุ่ยราวกับกำลังใช้ความคิด “แต่ตอนนี้ข้าก็ยังเป็นคนของเจ้าสำนัก เรื่องนี้พัวพันใหญ่หลวงนักอย่างไรเสียข้าควรจะหลีกเลี่ยงเป็นดีที่สุด”
หมอกุ่ยเป็นคนเข้าใจทุกสิ่ง เรื่องบางเรื่องใช่ว่าเขาคิดจะเข้าร่วมก็เข้าร่วมได้
อันหลิงหยุนพูดว่า “ไม่ต้อง ในเมื่อให้ท่านมา ก็เพียงแค่อยากให้ท่านรักษาความลับไว้เท่านั้น เรื่องอื่นข้าเองก็ไม่อยากจะพูดมาก”
หน้าประตูมีเสียงของจิ้งจอกหางสั้นส่งผ่านเข้ามา อันหลิงหยุนมองไป ถางเหอเข้ามาจากด้านนอก
“กระหม่อมถวายบังคมพระชายา”ถางเหอรู้สึกได้ว่าเรื่องราวมีความหนักหนา ได้ยินมาแต่แรกแล้วว่าพระชายากลับมาแต่ไม่อยู่ในจวนอ๋องเสียน แต่มาอยู่เสียข้างนอก ตอนนี้ถางเหอมีงานมากมาย ฉะนั้นจึงไม่มีเวลามาคำนับอันหลิงหยุนเลย วันนี้มาแล้ว ก็พบว่าเหมือนจะมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้น
“ท่านถางไม่ต้องเกรงใจ”อันหลิงหยุนนั่งอยู่ข้างหน้า อุ้มจื่อฮั่วไว้ในอ้อมอก ตบเบาๆ
จื่อฮั่วชื่นชอบให้อันหลิงหยุนอุ้มมาก การตายของพ่อแม่นางรู้สึกเสียใจมาก ชั่วขณะที่ดวงจิตได้เปิดขึ้นนางดูดุร้ายด้วยซ้ำ แต่ว่านางปิดดวงจิตไปแล้ว ก็กลายเป็นเด็กเล็กๆคนหนึ่ง นางเองก็จะค่อยๆลืมเลือนเรื่องที่เคยเกิดขึ้น ตอนนี้ในสายตานางอันหลิงหยุนก็คือแม่ นางได้รับการดูแลจากอันหลิงหยุนทุกวัน กินนมนอนหลับ ทุกเรื่องล้วนเป็นอันหลิงหยุน
ขณะมองอันหลิงหยุนจื่อฮั่วก็กลิ้งไปมา แม้อายุน้อย แต่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่เหมือนกับเด็กคนอื่นๆ สองเดือนราวกับสองปีก็ไม่ปาน
อันหลิงหยุนเห็นว่าจื่อฮั่วไม่มีความเสียใจแล้ว อีกทั้งยังดีใจมาก วันนี้คนเยอะ นางคงรู้สึกแปลกใหม่กระมัง
อันหลิงหยุนสะท้อนในใจ นางคิดว่าจื่อฮั่วคงจะมีนิสัยอบอุ่น หรือเป็นคนเย็นชา แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าเด็กคนนี้โตขึ้คงจะเป็นคนที่ร่าเริงสนุกสนานแน่นอน
อันหลิงหยุนยังคงตบเบาๆ “พอแล้ว คนกำลังดูอยู่ เจ้ารอสักพัก แม่มีเรื่องจะคุยกับพวกเขา”
จื่อฮั่วฟังเข้าใจ รีบสงบลงในทันที แต่นางนอนนิ่ง เท้าของกลับแกว่งไปมา
เจ้าห้าเงยหน้ามองนาง รู้สึกเศร้ามาก
พ่อไม่อยู่ เขาก็มีเจ้าเสือเป็นเพื่อน ต้องอยู่บนตัวของเจ้าเสือน้อย
อันหลิงหยุนมองไปทางหยุนจิ่น “ข้าอยากจะก่อตั้งสำนัก”
อันหลิงหยุนพูดคำนี้ออกไป คนที่อยู่ต่างก็เงียบอย่างผิดปกติ อันหลิงหยุนรู้ว่าพวกเขาล้วนเป็นคนที่มีประสบการณ์พบเห็นมามาก คงไม่ตื่นตูมเพราะเรื่องนี้
อันหลิงหยุนพูดต่อว่า “ก็เหมือนกับสำนักทิงเฟิงอย่างนั้น ส่วนเรื่องคน ข้าต้องการคัดเลือกก่อน เรื่องนี้หยุนจิ่นถนัดกว่าข้า”
หยุ่นจิ่นครุ่นคิด “ หากว่าเอาคนที่อยู่ในมือตอนนี้มาจัดเรียงกัน คงไม่เป็นปัญหา”
“ต้องเป็นคนที่ซื่อสัตย์ ข้าคิดว่าจะให้ท่านถางกับเจ้าดูแล แต่เจ้านั้นไม่นานก็ต้องมีลูก ต้องเว้นช่วงไปเวลาหนึ่ง ฉะนั้นจุดนี้ก็น่าเป็นห่วง เจ้าไม่มีวิทยายุทธ ข้าก็กังวลว่าเจ้าจะเป็นเรื่องหากมีการกระด้างกระเดื่องกันขึ้น”