บทที่ 882 ตีสนิทซูมู่ไห่
อาหารมื้อนี้ของอันหลิงหยุน ดีกว่าที่กินอยู่บนบก เซวียนเหอเองก็ตักกับข้าวให้นางกับมือ อันหลิงหยุนกินอย่างสงบ และกินอิ่มแล้ว
มีเพียงซูมู่ไห่ที่เอาแต่จ้องมองอันหลิงหยุนกับเซวียนเหอด้วยสายตาเย็น ราวกับกำลังมองชายหญิงชั่วช้าก็ไม่ปาน มองอย่างไรก็ไม่เจริญตา
กินข้าวเสร็จแล้วอันหลิงหยุนก็ไปพักผ่อน ซูมู่ไห่ตามไปด้วย เซวียนเหอนั่งอยู่ข้างๆ
บนโต๊ะมีกระดานหมากรุกวางอยู่ มีคนส่งน้ำชาและของว่าง เซวียนเหอมองไปยังซูมู่ไห่ “องค์ชายสี่ยินดีจะเล่นกันสักตั้งหรือไม่ ”
ซูมู่ไห่นั่งอยู่อีกฝั่ง มองอันหลิงหยุนครู่หนึ่งแล้วเดินไปนั่งหน้าโต๊ะ กวาดมองหมากบนกระดานแวบหนึ่ง
สำหรับการเล่นหมากรุก คนในราชวงศ์มีไม่กี่คนที่ล้อมหมากไม่เป็น ตั้งแต่เล็กซูมู่ไห่ก็เล่นหมากรุกกับท่านตา แต่เขาก็เพียงแต่เคยเล่นกับท่านตาเท่านั้น ท่านตาเคยพูดว่า ไม่สามารถพูดเรื่องที่เขาเล่นหมากรุกได้กับผู้อื่น เขาก็เชื่อฟังคำเตือนของท่านตาอย่างดี ไม่กล้าเปิดเผยต่อหน้าผู้อื่น
แต่สำหรับคนตรงหน้านี้ ซูมู่ไห่กลับอยากจะทำให้เขาพ่ายแพ้อย่างอดรนทนไม่ไหว กำลังภายในสู้ไม่ได้เช่นนั้นก็สู้ด้วยวิชาบุ๋น
“หากว่าข้าชนะเล่า”ซูมู่ไห่ถาม
เซวียนเหอลังเลอยู่ชั่วครู่ “ฝีมือในการเล่นหมากรุกขององค์ชายสี่ต้องดีมากจึงจะได้ แต่ข้าก็ไม่มีอะไรจะให้กับองค์ชายสี่อยู่ดี ทั้งตัวก็มีเพียงชีวิตข้าเท่านั้น แต่ชีวิตข้านี้ก็แบกภาระของประเทศหนึ่งอยู่ หากว่าให้กับองค์ชายสี่ไปจริง เกรงว่าองค์ชายสี่เองก็คงจะไม่พิศวาส ฉะนั้นก็เว้นไว้เถอะ ว่าแต่องค์ชายสี่เอง อารมณ์ที่รุนแรงเช่นนี้ไม่เหมาะกับวิถีแห่งราชาเลย”
ซูมู่ไห่นิ่งอึ้ง “อะไรนะ”
“องค์ชายสี่แม้จะอายุน้อย แต่กลับมีความสามารถแตกต่างจากผู้อื่น หากไม่ใช่เพราะร่างกายของท่าน คิดว่าก็คงไม่มีใครกล้ารังแก บวกกับตระกูลของมารดาไม่ค่อยเข้มแข็งนัก ราชวังของหนานอี้ไม่สามารถยอมรับองค์ชายสี่ได้ก็คงมีเหตุผลที่พอจะให้อภัยได้ แต่องค์ชายสี่ดีที่มีท่านตาที่ดี ได้ยินว่าแม่ทัพใหญ่ของหนานอี้ที่ทำให้บ้านเมืองสงบสุขนั้นเป็นคนที่มีชื่อเสียงจอมปลอมเท่านั้น แต่ตามที่ข้าคิด ไม่ใช่เช่นนั้น
ตอนนั้นฮ่องเต้ของหนานอี้ได้ขี่ม้าออกศึกเอง สยบความวุ่นวายของประเทศ ขยายอาณาเขต
ตอนนั้นเองที่แม่ทัพใหญ่คนนี้ได้ติดตามอยู่ตลอดเวลา
เรื่องที่คนทั่วไปไม่รู้ยังมีอีกมากมายนัก ก็เหมือนกับที่คิดว่าองค์ชายสี่เป็นคนที่ฮ่องเต้หนานอี้ไม่ค่อยชื่นชอบนัก เพียงแต่เกรงว่าตระกูลมารดาของฮองเฮาจะแข็งแกร่งเกินไป แม้แต่ฮ่องเต้หนานอี้ที่ยังทรงหนุ่มแน่นก็ยังต้องยอมถอยให้นางเท่านั้น
องค์ชายสามก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง หากไม่มีคนคอยหนุนหลัง ก็คงจะอยู่ไม่ได้ถึงตอนนี้ แต่ท่านองค์ชายสี่ ที่สุดก็จะมีโอกาสเป็นคู่แข่งที่มีความสามารถของแม่ทัพใหญ่ผู้ทำให้บ้านเมืองสงบสุข องค์ชายสามซูมู่หรงใช่ว่าจะเป็นคนโง่เขลาไร้คุณธรรม พวกท่านที่สุดก็เป็นพี่น้องกัน หากท่านมีผลงานที่ไม่ธรรมดา ภายภาคหน้าก็คงจะเป็นใหญ่ได้”
ซูมู่ไห่หัวเราะขึ้นมากะทันหัน “ได้ยินท่านพูดแล้ว ราวกับเป็นเรื่องจริง อีกนิดเดียวก็จะถูกท่านพูดจนหวั่นไหวซะแล้ว”
“ที่ไหนกัน ข้าเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น องค์ชายสี่เป็นกระบี่แหลมคมที่ซ่อนอยู่ในหุบเขา เป็นผู้มีความสามารถแต่ไม่แสดงออกแต่หากผู้คนได้รู้คงตะลึง ”
ซูมู่ไห่รู้สึกขำ “ซูมู่หรงอยู่คงมาไม่ถึงข้า ท่านก็ไม่จำเป็นต้องทดสอบข้าเช่นนี้ แม้ว่าข้าจะมีความสามารถอะไร แล้วอย่างไร ตอนนี้ร่างกายข้าไม่แข็งแรง ช้าเร็วก็ต้องจากไปก่อนอยู่ดี”
“พบเจอกับหลิงหยุนชะตาชีวิตของท่านจะเปลี่ยนไป ท่านจะรู้เอง”เซวียนเหอมองไปยังอันหลิงหยุนแวบหนึ่ง ซูมู่ไห่ก็มองตาม
อันหลิงหยุนเหนื่อยมากแล้วจริงๆ นอนหลับไม่รู้เรื่อง
เซวียนเหอลุกขึ้นเดินไปข้างกายอันหลิงหยุน หยิบเอาผ้าห่มคลุมให้อันหลิงหยุน
“ข้าเองก่อนหน้านี้เป็นเพียงกบฏคนหนึ่ง ถูกกงชิงวี่ไล่ล่าทุกหนแห่ง ในใจคิดแต่จะทำให้บ้านเมืองสงบสุขและรุ่งเรือง เป็นนางที่บอกกับข้า แทนที่จะปล้นชิง ไม่สู้ปล่อยวางความเกลียดชัง บุกเบิกแผ่นดินใหม่ แรกเริ่มเดิมทีข้ายังคงรู้สึกลังเลมาก จะฟังคำของนางดีหรือไม่ หลังจากนั้นข้าคิดอยากจะลองดู จึงได้รู้ว่า การปล่อยวางก็คือการได้รับ
ตอนนี้ข้าเองมีประเทศหลิงหยุนแล้ว แม้ว่าประเทศหลิงหยุนจะเล็กมาก แต่สำหรับข้า มันเป็นสายเลือดที่แท้จริง
ข้าจะวางแผนของตัวเองภายใต้ประเทศหลิงหยุน ต้องมีสักวัน ที่จะมีชื่อเสียงสืบทอดอยู่บนผืนแผ่นดินทั้งสี่ด้าน ”
เซวียนเหอเดินไปนั่งอยู่อีกฝั่ง มองกระดานหมากรุกแวบหนึ่ง “ท่านดูเช่นนี้บางทีอาจเห็นว่ากระดานนั้นเต็มไปด้วยความพ่ายแพ้ แต่หากท่านถอยหลังไปก้าวหนึ่ง คือความสงบสุขของใต้หล้า ทุกคนต่างดีใจ ทั้งสองฝ่ายต่างยืนกรานก็ไร้ประโยชน์ ในเมื่อท่านรู้ว่าหากมีซูมู่หรงอยู่ ท่านก็เป็นได้แค่เบี้ยล่าง ทำไมท่านจะผ่านมันไปไม่ได้ ร่วมมือกับเขา บริหารหนานอี้ไม่ดีกว่าหรือ
สำหรับเขา หนานอี้สำคัญมาก สำหรับท่านหนานอี้ก็สำคัญเช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่พวกท่านใส่ใจกลับไม่ใช่ตัวของพวกท่านเอง หากร่วมมือกัน บริหารที่นี่ให้ดีไม่ดีกว่าหรือ
ซูมู่ไห่รู้สึกแปลกใจ “ท่านก็ไม่ใช่ญาติของข้า พูดเรื่องเหล่านี้กับข้าทำไมกัน ท่านคงไม่ใช่เพราะหญิงผู้นี้หรอกนะ จึงได้พูดแต่เรื่องเหล่านี้กับข้า หรือว่าหากข้าร่วมมือกับซูมู่หรงแล้ว ท่านก็จะมีโอกาสอย่างนั้นหรือ”
“เพียงแค่อยากจะช่วยเหลือท่านเท่านั้น ประเทศหลิงหยุนที่เพิ่งโผล่ขึ้นมา ย่อมต้องผูกมิตรกับประเทศต่างๆให้ดี ไม่ใช่หรือ”
ซูมู่ไห่มองอันหลิงหยุนนางขึ้น เป็นนายกว่าจะพูดขึ้นว่า “ข้าไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้าพูด และไม่คิดอยากจะรู้ด้วย ท่านก็ไม่จำเป็นต้องพูดอีก”
คุยไม่ถูกคอก็คือพูดไปก็ไม่ได้เรื่อง
“ท่านสามารถไปอยู่ที่อื่นได้ ขอเพียงท่านไม่จากไป แล้วแต่จะอยู่ที่ใด แต่ที่นี่ไม่ได้ ”
เซวียนเหอยังคงเล่นหมากรุกต่อ เริ่มไล่คนแล้ว
ซูมู่ไห่รู้สึกขำ “ท่านคิดว่าข้าจะฟังท่านหรือ”
“ข้าสามารถทำให้ท่านฟังได้ ”เซวียนเหอพูดจบ หน้าประตูก็มีคนออกมา เดินไปอยู่ข้างกายซูมู่ไห่รอเขาออกไป
ซูมู่ไห่หยิบหมากรุกเม็ดหนึ่งขึ้นแล้ววางลง “ข้าเล่นหมากรุก”
เซวียนเหอมองแวบหนึ่ง คนคนนั้นก็จากไป
ทั้งสองเริ่มเล่นหมากรุก
อันหลิงหยุนนอนตื่นเรือก็ถึงฝั่งแล้ว จากนั้นก็ขึ้นรถม้าไปยังบ้านพักชั่วคราวในหนานอี้ของเซวียนเหอ
อันหลิงหยุนเดินเข้าประตูแล้วพูดขึ้นว่า “เห็นทีท่านอ๋องจะดูถูกท่านแล้ว ท่านคงไม่สามารถใช้เวลาเพียงสั้นๆในการจัดสร้างที่พักของตนเอง วางกำลังคนของท่าน เช่นนั้นตอนที่ท่านท่องเที่ยวไปยังประเทศต่างๆ ที่จริงก็ไม่ใช่การท่องเที่ยว แต่เป็นการวางหูตาของท่านกระมัง ”
“ก็ไม่ใช่ ที่จริงแถวนี้ ก่อนที่ข้าจะเกิด ที่เหล่านี้ก็ได้มีการวางกำลังไว้แล้ว หลังจากที่ข้ากำเนิดมาก็พบปะพวกเขาอยู่ตลอด พวกเขาล้วนเป็นคนที่ข้าเคยพบเจอ ตอนที่ข้าออกมาก็เคยมาแถวนี้แล้ว”
“ฉะนั้นต่อหน้าพวกเขาท่านก็มีตำแหน่งฮ่องเต้ที่มั่นคงอยู่แล้วตั้งแต่ต้น พูดให้ชัดคือ บิดาของท่านได้ป้องกันพี่น้องไว้แต่ต้นแล้ว เพราะเกรงว่าจะไม่เป็นผลดีต่อท่าน ”
“ถูกต้อง”
ทั้งสองเดินเข้าไปยังบ้านพัก พลางเดินเล่นพลางพูดคุย
ซูมู่ไห่ก็สำรวจดูโครงสร้างและการจัดวางภายในบ้านพัก
“แผ่นดินของประเทศหนานอี้ของเราไม่อนุญาตให้พวกไม่เคารพกฎแน่นอน ”ซูมู่ไห่พูดอยู่ข้างหลัง
เซวียนเหอเพียงแต่หันกลับไปมองแวบหนึ่ง “องค์ชายสี่โปรดวางใจ ข้าจะไปจากที่นี่แน่นอน แต่จากไปแล้วก็คงไม่รีบร้อนขายที่นี่ เช่นนั้นที่นี่มอบให้องค์ชายสี่ดีหรือไม่ ”
อันหลิงหยุนหมุนตัว หันไปมองใบหน้าดุดันของซูมู่ไห่ ทำตัวไม่ถูกอย่างช่วยไม่ได้ ใบหน้าดีๆไม่น่าดูเอาซะเลย
อันหลิงหยุนขี้เกียจจะสนใจ เดินเข้าไปในบ้านก่อนแล้ว โถงด้านหน้ากว้างขวาง อันหลิงหยุนเดินวนอยู่หนึ่งรอบก่อนจะนั่งลง หยิบเอาพู่กันกับกระดาษเขียนใบสั่งยาส่งให้กับเซวียนเหอ “ท่านรีบไปเตรียมยา ข้าต้องใช้ ต้องการใช้คืนนี้”
เซวียนเหอเองก็เคยศึกษาเรื่องยา มองแวบหนึ่ง มอบให้คนรับใช้ไปจัดการ
อันหลิงหยุนมองไปยังซูมู่ไห่ “ท่านไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน รอค่ำอีกหน่อย ข้าจะตรวจให้ท่าน ท่านลองกินยาดูก่อน”
“เจ้าล่ะ”
ตอนนี้ร่างของอันหลิงหยุนก็มอมแมมมาก ทั้งยังมีกลิ่นคาวของปลาอีกด้วย
อันหลิงหยุนก้มลงมองดู “อีกเดี๋ยวข้าจะไปอาบน้ำ ท่านดูแลตัวเองให้ดีเถอะ”
“พวกเราไปด้วยกัน”