บทที่333 เป็นเพราะแกเป็นพี่ นี่คือสิ่งที่ควรจะ เป็นอยู่แล้ว
เสิ่นเฉียวลดสายตาลง แล้วก้มมองเท้าตัวเองอย่าง เหม่อลอย
“เสิ่นเฉียว พวกเราตระกูลเสิ่นไม่ได้รู้สึกพอใจแก มาตลอด ถึงแม้ว่าแกจะไม่ใช่ลูกแท้ๆของฉัน แต่สิ่งที่ ฉันให้แกมาตั้งแต่เด็กมันก็ไม่น้อยเลยใช่ไหม? ตอนนี้ คนของตระกูลหานมาหาฉันถึงที่ แกก็กลายเป็นคุณ หนูของตระกูลหานแล้ว คงไม่คิดที่จะเขี่ยพวกเราตระ กูลเสิ่นทิ้งไปหรอกใช่ไหม? แน่นอนว่าถ้าแกอยากจะ ทิ้งก็คงไม่เป็นไร ฉันเลี้ยงดูแกมาจนโตขนาดนี้แล้ว หมดเงินไปตั้งเยอะ แกก็ต้องจ่ายคืนฉันด้วยแล้วกัน”
เสิ่นเฉียวเงยหน้าขึ้นมามองเธออย่างรวดเร็ว
ตอนที่เธอยังคงลังเลอยู่นั้น ไม่คิดว่าคุณแม่เสิ่นจะ เอ่ยพูดความจริงกับเธอเร็วขนาดนี้
ดวงตาของเธอสั่นเทา : “ดังนั้น….หนูไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของแม่จริงๆใช่ไหมคะ?”
คุณแม่เสิ้นมองท่าทางแปลกๆของเธอ เธอกำลัง ตื่นเต้นเสียใจอะไรอยู่กัน? คุณพ่อเสินยืนอยู่ข้างๆ มองไปยังเสิ่นเฉียวด้วยแววตาที่ซับซ้อน แล้วถอน หายใจออกมา : “เฉียวเฉียวลูกน่ะ….ไม่ใช่ลูกแท้ๆของ พ่อกับแม่จริงๆนั่นแหล่ะ ตอนนั้น….ลูกเป็นเด็กที่พวกเรารับมาเลี้ยงจากสถานสงเคราะห์”
น้ำเสียงของคุณพ่อเสิ่นยังอบอุ่นเช่นเดิม เสิ่น เฉียวมองเขาแวบหนึ่ง เธอรู้ว่าช่วงนี้ราวกับว่าพ่อดูผอม ซูบลงและดูแก่กว่าเมื่อก่อนมาก สายตาที่ขุ่นมัวของ เขาตอนที่มองตัวเองนั้นเธอสัมผัสได้ถึงความรักและ ความเจ็บปวด แต่คำพูดที่เอ่ยออกมานั้นกลับที่มแทง หัวใจของเธอให้เจ็บปวดยิ่งนัก
เธอหลบตาลง แล้วหัวเราะออกมาด้วยเสียงทุ้ม ต่ำ : “ไม่คิดเลยนะคะว่าทั้งหมดนี้จะเป็นเรื่องจริง หนู คิดมาตลอดว่า หนูเป็นลูกแท้ๆของพ่อกับแม่ สิ่งที่เลขา ซูคนนั้นพูดมาเป็นเรื่องโกหก แต่นึกไม่ถึงเลย….ว่า ทั้งหมดนี้จะเป็นความจริง”
“แกไม่เป็นไรใช่ไหม?” คุณแม่เสิ่นได้ยินคำพูด ของเธอแล้ว ในใจอดที่จะมองเธอด้วยความรู้สึก แปลกๆไม่ได้ : “ไม่ได้เป็นลูกแท้ๆของพวกเราไม่ดีหรอ กรีไง? นั่นมันตระกูลหานแห่งเมืองเป่ยเชียวนะ ฉันถาม มาแล้วนะ ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลเย่เลย กลายเป็น คุณหนูตระกูลหานแล้วมันไม่ดีตรงไหนกัน? เฉียวเฉียว แกตื่นได้แล้ว ต่อไปแกก็คือคุณหนูของตระกูลหาน พวกเราพ่อแม่ที่เป็นคนเลี้ยงดูแกมาก็จะได้ติดสอย ห้อยตามไปด้วยได้ แล้วก็อย่าลืมน้องสาวแกด้วยล่ะ เธอเป็นน้องสาวแกนะ”
พูดมาถึงตรงนี้แล้ว คุณแม่เสิ่นก็เดินเข้ามาจับไหล่ ของเสิ่นเฉียว : “ที่แม่พูดกับแก แกได้ยินไหม? น้องสาวชอบแกมากที่สุดแล้ว น้องรู้ว่าแกเป็นพี่สาวที่รักเธอ มาก ต่อไปมีเรื่องอะไร….แกจะต้องช่วยน้องแกด้วย เข้าใจไหม? หรือ แกลองดูก็ได้ว่าตระกูลหานต้องการ ลูกอุปถัมภ์รึเปล่า เอาน้องสาวแกเข้าไปด้วยเลยก็ได้?”
เสิ่นเฉียว : “.
“หนูขอถามอีกเป็นครั้งสุดท้าย หนู..ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อกับจริงๆใช่ไหมคะ? เพื่อความร่ำรวยเงินทอง แม่ถึงได้โกหกหนูใช่ไหม? อยู่ด้วยกันมาหลายปี หนูไม่ เชื่อ…”
“แกพูดบ้าอะไรของแก? อะไรที่ว่าเพื่อความร่ำรวย เงินทองฉันถึงได้โกหกแก? เรื่องประวัติชีวิตที่ผ่านมา แบบนี้มันโกหกกันได้อย่างนั้นหรือ? แล้วยิ่งไปกว่า นั้น…แกเป็นลูกสาวของตระกูลหานจริงๆ ถึงแม้ว่าแก จะไม่ใช่ลูกสาวของตระกูลหาน แกเองก็ไม่ใช่ลูกสาว ของตระกูลเสิ่นของฉันเหมือนกัน พ่อแกพูดถูก แกเป็น เด็กที่พวกฉันเก็บมาเลี้ยงจากสถานสงเคราะห์”
“ทำไม?” เสิ่นเฉียวฝืนยิ้มพลางเอ่ยขึ้น : “ทำไม…ต้องรับเลี้ยงหนู?”
คุณแม่เสิ่นไม่ได้หันกลับไปมอง : “แกอย่าถามเลย สรุปแล้ว….เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหล่ะ”
คุณพ่อเสิ่นถอนหายใจออกมา และยังเล่าความ
จริงให้กับเสิ่นเฉียวฟัง
“ตอนนั้นพ่อกับแม่แต่งงานกันมาหลายปีแต่ก็ไม่มีลูกกันมาตลอด หมอดูบอกให้พ่อกับแม่ไปรับเลี้ยงดู เด็กซักคนที่สถานสงเคราะห์ ไม่คิดว่าหลังจากที่ไป แล้วก็ได้พบกับแก เห็นว่าแกหน้าตาน่ารัก ฟอกับแม่ก็ ชอบแกมาก ก็เลยอุ้มแกกลับมา” พูดมาถึงตรงนี้แล้ว เสิ่นเฉียวก็พอจะคาดเดาได้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจาก นั้น
“แต่พ่อกับแม่ก็ไม่ทันได้คิดว่าหลังจากที่รับเลี้ยงดู หนูได้ไม่นาน พ่อกับแม่ก็มีลูกเป็นของตัวเองขึ้นมา ถูก ไหมคะ?”
คุณพ่อเสิ่นพยักหน้า : “ใช่ นี่คือสิ่งที่พวกเราคาด ไม่ถึง”
“เพราะฉะนั้น หลังจากที่พ่อกับแม่มีลูกเป็นของตัว เอง ก็เริ่มทำเมินเฉยกับหนูที่ถูกเก็บมาเลี้ยงจากสถาน สงเคราะห์?”
คิดแล้ว เสิ่นเฉียวก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ : “จริงๆแล้วหนูคิดมาตลอด ที่พ่อกับแม่ทำดีกับเสิ่นโย่ว นั่นเป็นเพราะเธอยังเด็ก เธอเป็นน้อง และหนูก็คอย ปลอบใจตัวเองมาตลอดว่าตัวเองเป็นพี่ ก็ต้องทำดีกับ น้องสาวเป็นเรื่องที่ควรทำอยู่แล้ว เพียงแต่หนูไม่เคย คิดมาก่อนเลยว่าหนูจะไม่ใช่ลูกแท้ๆของพ่อกับแม่”
จนถึงตอนนี้เธอก็ยังคงไม่สามารถยอมรับกับ ความจริงนี้ได้
“เสิ่นเฉียว วันนี้แกมาที่นี่ทำไมกันแน่? ตอนนี้แก เป็นคุณหนูของตระกูลหานแล้ว แกจะมาพูดเรื่องพวกนี้ทำไม? หรือว่าแกอยากจะคิดบัญชีกับฉันอย่างนั้น หรือ?” คุณแม่เสิ่นเวยพูดขึ้นอย่างหอบๆ คุณพ่อเสิ่น เห็นสถานการณ์แล้วจึงดึงเธอเอาไว้ : “อย่าพูดเหลว ไหล ดูท่าทางเด็กนี่สิเหมือนกับจะมาคิดบัญชีไหม? ก็ คงจะรับไม่ได้กับการกระตุ้นแบบนี้…”
“มีอะไรให้ต้องรับไม่ได้กัน?หลังจากที่โย่วโย่วของ ฉันรู้เรื่องนี้ก็วิ่งหนีไปแล้ว เสิ่นเฉียวจะมีอะไรที่ต้องรับ ไม่ได้อย่างนั้นหรือ? เดี๋ยวก็จะได้บินขึ้นไปเกาะบนกิ่ง ไม้นั่นแล้ว จะสงสารก็แต่โย่วโย่วของเรานี่แหล่ะที่ยัง คงจะต้องอาศัยอยู่ในเงื่อนไขของครอบครัวแบบนี้ต่อ ไป จๆ….ครอบครัวของเรานี่ชีวิตช่างขมขื่นกันเสีย จริงๆ”
ว่าแล้วนั้น คุณแม่เสิ่นก็เริ่มร้องห่มร้องไห้ขึ้นมาอีก คุณพ่อเสิ่นได้ยินแล้วรู้สึกกระวนกระวายใจ : “คุณหยุดโวยวายได้แล้ว! ร้องไห้ราวกับอะไร ถึงแม้ว่า เฉียวเฉียวจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของเรา แต่เธอก็เป็น เด็กที่พวกเราเลี้ยงกันมาจนโต ความคิดของเธอคุณยัง ไม่รู้อีกหรือ? เธอไม่ใช่คนที่ชอบไปประจบสอพลอพวก มีอำนาจเพื่อหวังจะร่ำรวยแบบนั้นอยู่แล้ว!” ได้ยินแล้ว นั้นราวกับว่าคุณแม่เสิ่นนึกถึงอะไรขึ้นมาได้ จึงหยุด ร้องไห้ขึ้นมาทันที หลังจากนั้นก็พุ่งตรงเข้าไปหาเสิ่น เฉียว แล้วจับไหล่ของเธอเอาไว้ ดวงตาเบิกกว้าง ใบหน้าดูดุร้ายขึ้นมา
“พูดถูก เฉียวเฉียว แกไม่ใช่คนที่ชอบประจบเพื่อหวังจะรวยแบบนั้น…ถ้าอย่างนั้น….แกเอาตำแหน่ง คุณหนูของตระกูลหานให้กับน้องสาวแกได้ไหม? เรา ไปบอกกับคนตระกูลหานกันว่าจริงแล้วโย่วโย่วต่าง หากคือคนที่พวกเขาตามหากันมาตลอด ไม่ใช่แก! แม่ สัญญากับแก ขอเพียงแค่โย่วโย่วเข้าไปเป็นคุณหนู ของตระกูลหาน ต่อไปแม่จะปฏิบัติกับแกเป็นอย่างดี เลย”
คุณแม่เสิ่นพูดเรื่องเหลวไหลเหล่านั้นออกมา ราวกับเป็นคนบ้า
เดิมที่เสิ่นเฉียวเพียงแค่จะมาพิสูจน์เรื่องสถานะ ของตนเองเท่านั้น ไม่คิดว่าจะมาได้ยินคำพูดที่เสียด แทงหัวใจของตัวเองมากขนาดนี้ เธอมองไปทางคุณ แม่เสิ่นอย่างใจลอย ริมฝีปากซีดๆนั้นเริ่มขยับ
“ในสายตาของแม่ รู้สึกว่า สิ่งที่หนูมีทุกอย่าง เพียงแค่เสิ่นโย่วต้องการ หนูก็จะต้องให้น้องทั้งหมดใช่ ไหมคะ?” คุณแม่เสิ่นอึ้งไปพักหนึ่ง หลังจากนั้นจึงสาย หน้า : “ก็ไม่เชิงเป็นแบบนั้นหรอก .. แต่แกเป็นพี่ยอม ให้น้องนี่ก็เป็นสิ่งที่แกควรจะทำไม่ใช่หรือไง? เฉียว เฉียว ถือซะว่าแม่ขอร้องแก แกเอาสถานะนี้ของแกให้ โย่วโย่วเถอะนะ โย่วโย่วเป็นคนกตัญญู ต่อไปแกเองก็ จะได้มีอนาคตที่ดีด้วย”
เสิ่นเฉียวอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ เสียงหัวเราะ ของเธอนั้นมีความเจ็บปวดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ และ หยุดไม่ได้ด้วยเช่นกัน
คุณแม่เสิ่นไม่เข้าใจ ดังนั้นจึงมองไปที่เธอ
ตอนที่เสียงหัวเราะหยุดลงนั้น ใบหน้าของเสิ่น เฉียวเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที แม้แต่น้ำเสียงของ เธอก็ยังฟังดูเย็นชาขึ้นด้วย : “ถ้าหากหนูไม่ยอมล่ะ คะ?”
“อะไรนะ?”
“ถ้าหากหนูไม่ยอมเอาสถานะของหนูให้กับน้อง หนูจะไปเป็นคุณหนูของตระกูลหานเอง แม่จะทำ อย่างไรกับหนู?”
ไม่ใช่ว่าแกไม่ชอบความร่ำรวยมั่งคั่งหรอก หรือ? ยอมให้น้องสาวแกจะเป็นอะไรกัน? เฉียวเฉียว ฉันเป็นแม่ที่เลี้ยงดูแกมายี่สิบกว่าปีนะ ฉันก็มีคุณงาม ความดีอยู่เหมือนกัน!”
“เพราะฉะนั้น แม่ก็เลยจะทำอะไรกับหนูได้ตาม อำเภอใจอย่างนั้นหรือคะ แย่งทุกอย่างของหนูไปอย่าง นั้นหรือ? ถ้าหากเป็นแบบนี้..”