บทที่ 617 พ่อแท้ๆ
ระหว่างทางกลับบ้าน หานมู่จื่อเพิ่งจะตระหนักถึงปัญหาร้ายแรงอย่างหนึ่งขึ้นได้
นั่นก็คือเมื่อสักครู่นี้เธอเพิ่งเชิญหานชิงให้มาทานอาหารที่บ้านบ่อยๆ ถึงขั้นทำความสะอาดห้องรับแขกให้เขาด้วย ถ้าหากว่าเขามาอาศัยอยู่ในช่วงเวลานี้ละก็ ถ้าหากว่าบังเอิญเจอเย่โม่เซิน …
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ สีหน้าของหานมู่จื่อก็ดูไม่สู้ดีเล็กน้อย “หม่ามี๊ เป็นอะไรไปเหรอ?”
เมื่อได้ยิน หานมู่จื่อก็กลับมามีสติ และมองไปที่ เสี่ยวหมี่โต้วซึ่งนั่งอยู่ข้างๆแขนของเธอ นึกถึงต่อไปเขาจะต้องอยู่กับตัวเองตลอด ถ้าหากเย่โม่เซินแวะเวียนมาเยี่ยมอย่างกะทันหัน พอถึงตอนนั้นเธอจะจัดการอย่างไรดี?
แม้จะบอกว่ากระดาษจะไม่ถูกเผาถ้าไม่จุดไฟ แต่ … เธอก็ยังอยากที่จะใช้ความพยายามสักหน่อย
แต่ว่า ใจของเธอคิดอย่างนั้นจริงๆเหรอ?
เธอ … ไม่อยากใช้ชีวิตอยู่กับเย่โม่เฉินจริงๆหรือ? “ไม่มีอะไร หม่ามี๊แค่กำลังคิดเรื่องใดเรื่องหนึ่งอยู่” เสี่ยวหมี่โต้วลืมตาขึ้น และมองเธออย่างสงสัย “เรื่องอะไรเหรอหม่ามี๊ บอกให้เสี่ยวหมี่โต้วฟังได้ไหม ให้เสี่ยวหมี่โต้วช่วยระบายความกังวลของคุณ”
ให้เขาช่วยระบายความกังวลของเธอ?
หานมู่จื่อมองใบหน้าเล็ก ๆ ที่ไร้เดียงสาของเขา และนึกถึงสิ่งที่เย่โม่เซินพูดกับตัวเองในวันนั้น
เขากล่าวว่า … แม้ว่าเธอจะให้กำเนิดลูกของอดีตสามี แต่เขาก็เต็มใจที่จะปฏิบัติต่อเด็กคนนี้เหมือนเป็นลูกแท้ๆของเขาเอง
จริงเหรอ? เขาทำแบบนั้นได้จริงๆเหรอ?
เธอไม่ค่อยเชื่อเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าผู้ชายขี้เหนียวมาก และจะไม่ยอมให้ผู้หญิงของตัวเองไปมีชู้กับผู้ชายคนอื่น
แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีความสัมพันธ์กับคนอื่น แต่ในความรู้ความเข้าใจของเย่โม่เซิน เขาก็คิดว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของหลินเจียง
เพราะว่าตอนนั้นเธอแต่งงานเข้าไปในตระกูลเย่ได้ไม่นาน เธอก็ถูกตรวจพบว่าตั้งครรภ์แล้ว
ดังนั้นในความทรงจำของเย่โม่เซิน เด็กคนนี้จึงเป็นลูกของหลินเจียง
คำที่คิดอยู่ในใจ หานมู่จื่อจึงค่อยๆพูดออกมา “หนู … เมื่อก่อนหนูบอกหม่ามี๊ว่า หนูอยากหาแดดดี้ไม่ใช่เหรอ?”
ในประโยคหลัง เธอถามอย่างระมัดระวังดูเหมือนกำลังถามอย่างเจาะลึก
หลังจากเสี่ยวหมี่โต้วได้ยินสิ่งนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะกะพริบตา และกระซิบว่า “หม่ามี๊ คุณอยากหาแดดดี้ให้เสี่ยวหมี่โต้วเหรอ?”
หานมู่จื่อพยักหน้า “อืม หนูอยากหาอยู่ตลอดไม่ใช่เหรอ?”
“แต่ว่า… ” เสี่ยวหมี่โต้วยื่นมือเล็ก ๆ ออกมา แล้วสะกิดอย่างแรง “เสี่ยวหมี่โต้วแค่ต้องการตามหาแดดดี้แท้ๆเท่านั้น”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หานมู่จื่อชะงักไปสักพัก และเข้าใจความหมายของเสี่ยวหมี่โต้ว
เธอคิดๆดูไปสักพัก แล้วกัดริมฝีปากล่าง
“ถ้าหม่ามี๊จะบอกว่า คนนี้ก็คือแดดดี้แท้ๆ … ของเสี่ยวหมี่โต้วล่ะ?”
ดวงตาของเสี่ยวหมี่โต้วสว่างขึ้นมาทันใด “จริงเหรอหม่ามี๊ คุณยินยอมที่จะหาแดดดี้แท้ๆให้เสี่ยวหมี่โต้วแล้วเหรอ?”
อารมณ์ของเขากลายเป็นตื่นเต้น และเขากอดมือของหานมู่จื่อไว้อย่างแน่น “หม่ามี๊แล้วเมื่อไหร่พวกเราจะไปหาแดดดี้ล่ะ”
เจ้าเด็กคนนี้ ==
แค่ได้ยินว่าไปหาแดดดี้ก็มีความสุขมากถึงขนาดนี้?
ดังนั้นหานมู่จื่อจึงคิดไปอีกครั้ง บางทีในสายตาของเด็ก ๆ การที่ได้ตามหาคุณพ่อผู้ให้กำเนิดของเขาเจอ มันเป็นเรื่องที่มีความสุขที่สุดจริงๆสินะ
“ไม่ต้องรีบร้อน ค่อยเป็นค่อยไป ถ้ามีโอกาส หม่ามี๊ … จะให้หนูเจอเขาให้ได้เอง”
“ฮือ ขอบคุณครับหม่ามี๊”
หานมู่จื่อกอดเสี่ยวหมี่โต้ว และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าปมในใจของตัวเองดูเหมือนจะถูกคลี่คลายแล้ว
ถ้าหากเป็นไปได้ เธอหวังว่าเธอและเสี่ยวหมี่โต้วล้วนแต่มีความสุข
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของหานมู่จื่อก็ค่อยๆชัดเจนขึ้น
*
หลังจากพาเสี่ยวหมี่โต้วกลับบ้านมานั้น หานมู่จื่อก็ใช้ชีวิตแบบออกจากบ้านในตอนเช้าและกลับบ้านดึก ตอนกลางวันทำงานที่บริษัท ส่งเสี่ยวหมี่โต้วไปโรงเรียน ตอนเย็นไปรับเขาจากโรงเรียน และค่อยกลับบ้าน
การใช้ชีวิตดูเหมือนจะสงบสุขเป็นอย่างมาก แต่ทว่าเย่โม่เซินดูเหมือนจะเงียบหายไปเลย นึกไม่ถึงว่าจะไม่ปรากฏตัวมาเลย
หานมู่จื่อรู้สึกแปลก ๆ จนกระทั่ง … เลิงเยาเยาบอกเธอว่า เย่โม่เซิน เดินทางไปทำธุรกิจที่ต่างประเทศแล้ว เธอถึงจะรู้ว่าแท้ที่จริงเขาไม่ได้อยู่ในประเทศแล้ว
เมื่อนึกถึงการไปต่างประเทศของเขา และไม่ได้ส่งข้อความมาหาตัวเธอเองเลยสักข้อความ หานมู่จื่อก็รู้สึกว่างเปล่าในใจ ราวกับว่ามีมุมใดมุมหนึ่งหายไป
เธอพาเสี่ยวหมี่โต้วกลับมา พูดเกลี้ยกล่อมใจของตัวเองได้ไม่ใช่ง่ายๆ ผลสุดท้าย… เขาไปต่างประเทศโดยไม่บอกอะไรสักคำ?
“แล้วเธอ … รู้ไหมว่าอีกนานแค่ไหนกว่าเขาจะกลับมา?” หานมู่จื่อยังอดไม่ได้ที่จะถาม
เลิงเยาเยาย่นจมูก “ฉันไปจะรู้ได้อย่างไรกัน?ฉันเพียงแค่จะไปส่งหนังสือออกแบบเท่านั้น ทันใดนั้นฉันก็ได้ยินพวกเขาบอกว่าประธานเย่ไปต่างประเทศ ให้ฉันช่วงนี้ไม่ต้องมองหาเขาอีก”
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว” หานมู่จื่อพยักหน้า บ่งบอกว่าตัวเองเข้าใจอย่างชัดเจนแล้ว
เลิงเยาเยา มองไปที่เธอ “มู่จื่อ เธอดูเหมือนว่าผิดหวังเล็กน้อยเหรอ?”
หานมู่จื่อ “… ”
เธอเลุงไปแตะที่ใบหน้าของตัวเอง มันชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ?
เธอแสดงความผิดหวังบนใบหน้าของเธอจริงเหรอ?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เธอจึงพูดอย่างจนปัญญาว่า “เธอไปทำงานของเธอก่อนเถอะ”
“ งั้นก็ได้”
หลังจากที่เลิงเยาเยาออกไปแล้วนั้น เธอก็ได้เผชิญหน้ากับเสี่ยวเหยียน เกี่ยวกับเรื่องซุบซิบนินทา เธอจึงรีบดึงเสี่ยวเหยียนไปที่ห้องน้ำชาที่อยู่ใกล้ๆ
“ เธอดึงฉันทำไม?ฉันยังมีงานที่ต้องรายงานให้มู่จื่อนะ รีบออกไป”
“เสี่ยวเหยียนเมื่อสักครู่นี้มู่จื่อขวัญหนีดีฝ่อไปแล้ว”
“ขวัญหนีดีฝ่อ?” เสี่ยวเหยียนเมื่อได้ยินเกี่ยวกับหานมู่จื่อ ก็หยุดฝีเท้าทันที จากนั้นก็หรี่ตามองไปที่เลิงเยาเยาอย่างพินิจพิเคราะห์หนึ่งครั้ง “เธอพูดแบบนี้ เธอหมายความว่าอย่างไร?”
“ฉันบอกหล่อนว่าประธานเย่ไปต่างประเทศแล้ว เธอก็ … ดูผิดหวัง”
เมื่อได้ยิน เสี่ยวเหยียนก็รู้ได้ทันที
แท้ที่จริงแล้วเป็นเพราะเรื่องของเย่โม่เซิน
อันที่จริงเธอรู้ความรู้สึกของหานมู่จื่อที่มีต่อเย่โม่เซินเธอรู้มาโดยตลอดว่า ถึงแม้ห้าปีมานี้เธอจะต่างประเทศ แต่ความรักของหานมู่จื่อที่มีต่อเย่โม่เซินไม่เคยหยุดนิ่งแม้แต่นิดเดียว
สีหน้าของเธอดูเงียบสงบ เป็นเพียงแค่ตัวเธอเองที่ทำให้หัวใจของเธอเย็นลงอย่างช้าๆ แต่ความรู้สึกของเธอยังคงอยู่ เพียงแค่ตรงนั้นมีชั้นน้ำแข็งกั้นไว้อยู่
และตอนนี้ … เย่โม่เซินได้ละลายน้ำแข็งชั้นนี้จนเกือบหมดแล้ว
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เสี่ยวเหยียนก็พยักหน้า
“ฉันเข้าใจแล้ว”
หลังจากพูดเสร็จเธอก็ตัดสินใจที่จะหันหลังกลับและเดินออกไปอีกครั้ง แต่เลิงเยาเยาก็รีบดึงเธอกลับมาอีกครั้ง “เธอก็ใจเย็นแบบนี้เหรอ?มู่จื่อกับประธานเย่…มีอะไรกัน…ใช่หรือเปล่า?”
“ว้าว เลิงเยาเยาดูไม่ออกว่าเธอจะขี้นินทาขนาดนั้นเลย ขนาดเรื่องของเจ้านายก็กล้าถามด้วย?”
“ไอยา ฉันแค่ถามเฉยๆ ฉันแปลกใจ”
“เธอแปลกใจจริงๆ หรือว่าเธอมีความสนใจต่อเย่โม่เซิน?” เสี่ยวเหยียนเหล่มองไปที่เลิงเยาเยา ไม่ใช่ว่าเธอคาดเดาอย่างชั่วร้าย แต่เป็นเพราะเสน่ห์ของเย่โม่เซินนั้นยอดเยี่ยมมากเกินไป มีผู้หญิงสักกี่คนที่จะสามารถต้านทานเสน่ห์ของเขาได้?
เมื่อเลิงเยาเยาได้ยิน เธอก็เบิกตากว้างและพูดขึ้นมาทันที “เธอคิดมากเกินไปใช่ไหม?คนแบบเขานั้น ไม่ใช่สเปคภายในอุดมคติของฉันเลย”
“โอ้ งั้นสเปคภายในอุดมคติของเธอเป็นอย่างไรเหรอ?”
สเปคภายในอุดมคติของเธอ? เลิงเยาเยากลับไม่ได้มีสเปคภายในอุดมคติอะไร เพียงแค่ภายในสมองก็ภาพหวังอานขึ้นมา
เธอส่ายศีรษะอย่างเร็ว ๆ “ สมควรตาย ทำไมตอนนี้ฉันจึงนึกถึงเขาขึ้นมาได้ น่ากลัวมากจริงๆ”
“นึกถึงใครเหรอ?” เสี่ยวเหยียนรู้สึกสงสัย
“นอกจากผีที่น่ารังเกียจหวังอานคนนั้นยังจะมีใครอีกล่ะ?” เลิงเยาเยาสัมผัสใบหน้ารูปไข่ของตัวเอง “เป็นวิญญาณที่เอ้อระเหยจริงๆ ปกติมักจะชอบหลอกหลอนฉันอยู่เสมอ”
เมื่อเห็นท่าทางของเธอเช่นนี้ นับว่าเสี่ยวเหยียนสามารถยืนยันได้ว่าหล่อนไม่ได้มีความสนใจอะไรกับเย่โม่เซิน เธอสูดหายใจเข้าลึกๆและตบไหล่ของเลิงเยาเยาเบา ๆ อย่างมีความหมาย “แสดงความยินดีด้วย เธอติดกับดักเขาสำเร็จแล้ว”