บทที่ 618 เหตุผลไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คืออยากเจอเขา
“ ติดกับดัก? นี่หมายความว่าอะไร?” เลิงเยาเยาชำเลืองมองเสี่ยวเหยียนด้วยความสับสน
เสี่ยวเหยียนยิ้ม และยักไหล่ของตัวเอง “อีกไม่นานเธอก็จะรู้เอง พอแล้ว ฉันจะไปรายงานให้มู่จื่อก่อน เพราะฉะนั้นฉันไม่คุยกับเธอแล้ว”
หลังจากพูดเสร็จเสี่ยวเหยียนก็เดินออกจากห้องน้ำชา ทิ้งให้เลิงเยาเยาอยู่คนเดียว และจับคางของตัวเธอเองอย่างแปลกประหลาด
ตัวเธอเองติดกับดักของหวังอานเข้าแล้วเหรอ?
กับดักอะไร? คิดถึงอย่างละเอียดถี่ถ้วน นึกถึงสีหน้าที่แสดงออกอย่างความหมายของเสี่ยวเหยียน เลิงเยาเยาก็ตอบสนองกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็กระโดดด้วยความโกรธ
“เสี่ยวเหยียน เธอหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ ใครบอกว่าฉันติดกับดักของหวังอานแล้ว ใครจะไปชอบคนแบบเขากันล่ะ? เธอกลับมาเดี๋ยวนี้!”
เลิงเยาเยาวิ่งออกจากห้องน้ำชา
และเสี่ยวเหยียนก็ได้แอบเข้าไปในห้องสำนักงานอย่างรวดเร็วแล้ว และวางข้อมูลไว้ตรงหน้าของหานมู่จื่อ
เมื่อได้ยินเสียงจากข้างนอก และมองไปยังท่าทางส่อเสียดของเสี่ยวเหยียน หานมู่จื่อยิ้ม “เธอทะเลาะอะไรกับหล่อน?”
“ ทะเลาะกันซะที่ไหนล่ะ?”เสี่ยวเหยียนยักไหล่อย่างไร้ความรู้สึก “ ไม่ต้องสนใจหล่อน เธอดูรายงานที่ฉันทำนี่สิเป็นว่าอย่างไร นี่ก็คือบิลสั่งซื้อรายจ่าย และปริมาณการขายหลังจากที่เราก่อตั้งบริษัท ”
เมื่อหานมู่จื่อได้ยิน ดังนั้นจึงหยิบข้อมูลเข้ามา
เมื่อก่อนที่มีเพียงเธอและเสี่ยวเหยียน เป็นเสี่ยวเหยียนที่จัดการสิ่งเหล่านี้ให้เธอ
เนื่องจากเมื่อก่อนเสี่ยวเหยียนเคยเป็นฝ่ายการเงินใน บริษัทตระกูลเย่ เธอจึงมีความอ่อนไหวต่อตัวเลขและจำนวนเงินเป็นอย่างมาก ดังนั้นหลังจากก่อตั้งบริษัทแล้วนั้นหานมู่จื่อก็ไม่ได้จ้างคนอื่นมาให้สิ้นเปลืองเงินค่าจ้าง เลยให้เสี่ยวเหยียนดูแลการเงินทางนี้โดยตรง หานมู่จื่อก็รู้สึกวางใจกับเธอด้วยเช่นกัน หลังจากดูอีกครั้งหนึ่งเธอก็ยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “เธอทำอย่างรอบคอบ เธอคิดว่าไม่มีปัญหา เธอก็ไม่จำเป็นต้องเอาให้ฉันดู”
“ถึงอย่างไรก็ต้องให้เธอดูสิ” เสี่ยวเหยียนจ้องไปที่เธอหนึ่งครั้ง แล้วนั่งลงข้างๆเธอ “หลังจากที่เธอตรวจสอบผ่านแล้วนั้น ฉันถึงจะประสบายใจได้ แม้ว่าพวกเราจะเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่เรื่องบัญชีก็ต้องตรวจสอบให้ชัดเจน ใช่แล้ว ตอนที่ฉันออกไปเมื่อกี้ ฉันได้ยินเลิงเยาเยาบอกว่า ประธานเย่ไปทำงานนอกสถานที่แล้ว?”
เมื่อได้ยินชื่อของเย่โม่เซิน รอยยิ้มบนใบหน้าของหานมู่จื่อก็จางหายไปเล็กน้อย
เธอพยักหน้า
“อืม”
“ แล้วในใจของเธอรู้สึกอย่างไร?”เสี่ยวเหยียนโน้มตัวเข้ามา และมองไปที่เธออย่างจริงจัง ราวกับว่าต้องการเห็นอะไรบางอย่างจากใบหน้าของเธอ
อยู่ในระยะใกล้ขนาดนี้ หานมู่จื่อรู้สึกเขินอายเล็กน้อยเธอแตะไปที่จมูกของตัวเอง
“สันนิษฐานว่าเลิงเยาเยาได้บอกเธอทุกอย่างแล้ว แล้วทำไมเธอยังต้องมาเสแสร้งต่อหน้าฉันนะ?” “เชอะ”เสี่ยวเหยียนเชอะหนึ่งครั้งอย่างแรง “ฉันว่าแล้วว่าเธอยังไม่ตายใจ”
หานมู่จื่อไม่พูดต่อ เพียงแค่ลดตาลง อารมณ์ในดวงตาอ่อนลงเป็นอย่างมาก
“ แล้วยังไงต่อ? สมมติว่าฉันยังไม่ตายใจ แต่ถ้าหากว่ามีอีกครั้ง ใครจะรับประกันได้ว่าฉันจะไม่เข้าไปในอีหรอบเดิมได้”
“ฉันไม่รู้ว่าเธอจะเข้าไปในอีหรอบเดิมหรือไม่ ฉันรู้แค่ว่า ถ้าหากพลาดโอกาสไปละก็…ก็อาจจะเป็นตลอดชีวิตคนเราจะมีสักกี่ 5 ปี? นอกเสียจากทั้งชีวิตนี้เธออยากใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ไม่คิดถึงเขาเลยสักนิดก็ได้?
อารมณ์ในดวงตาของหานมู่จื่อเริ่มขมขื่น
เรื่องแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้
สมมุติว่าเขาจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าเธอ ตัว/เธอเองก็อดไม่ได้ที่จะค้นหาข่าวสารเกี่ยวกับเขาทางอินเทอร์เน็ต แต่เมื่อถูกจับได้เธอปฏิเสธการยอมรับอย่างดื้อๆ
และไม่ต้องพูดถึงว่าเขาเดินไปเดินมาต่อหน้าเธอทุกวัน ทำสิ่งที่ทำให้คนซาบซึ้งใจเช่นนั้น และคำพูดที่ทำให้คนตื้นตันใจ
หานมู่จื่อหลับตาลง มือที่อยู่บนโต๊ะก็กำแน่น และพูดด้วยความเจ็บปวดเล็กน้อยว่า
“ ถ้าหาก… ฉันยอมรับเขาละก็ ฉันจะดู… ต่ำช้ามากๆหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยิน เสี่ยวเหยียนก็หันมามองเธอด้วยความประหลาดใจ
“มู่จื่อ ทำไมเธอถึงคิดอย่างนี้?”
หานมู่จื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาที่สวยงามของเธอมีความยุ่งเหยิงและไม่แน่ใจ
“ที่ฉันคิดอย่างนี้ ไม่สมควรตายเหรอ? ห้าปีก่อนที่เขาทำแบบนั้นกับฉัน พอตอนนี้เขากวักมือเรียกฉัน และฉันก็ไปอยู่กับเขาอีก บางทีเขาอาจจะคิดว่า … ฉันเป็นคนที่เรียกให้มาก็มา ปล่อยให้ไปก็ไปคนหนึ่งงั้นเหรอ?”
เสี่ยวเหยียนเป็นใบ้ไปชั่วขณะ
“ ไม่หรอกมั้ง? ฉันเห็นสิ่งที่คุณชายเย่เฉาทำกับเธอ ไม่น่าจะเป็นคนแบบนี้ถึงจะถูก”
“ฉันก็คิดว่าเขาเป็นไม่ใช่คนแบบนี้ แต่ว่า… บางครั้งใจของฉันก็ยังไม่สามารถผ่านระดับนั้นไปได้”
หานมู่จื่อถอนหายใจหนึ่งครั้ง นอนบนโต๊ะราวกับว่าอ่อนแอ เหนื่อยล้า และพึมพำกับตัวเองว่า “ฉันรับเสี่ยวหมี่โต้วกลับมาแล้ว แถมยังรับปากกับเสี่ยวหมี่โต้ว ว่าจะไม่ส่งเขาไปที่นั่นอีก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของเสี่ยวเหยียนก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
“ เธอหมายความว่า…จะให้สองพ่อลูกพบเจอกันเหรอ?”
หานมู่จื่อ “… ”
เสี่ยวเหยียนกลืนน้ำลายอย่างประหม่า “ ทำไมล่ะ? เมื่อก่อนเธอต่อต้านอย่างรุนแรงไม่ใช่เหรอ? แถมยังบอกว่าถ้าปิดบังได้สักพักก็จะปิดบัง ทำไมจู่ๆถึงเปลี่ยนใจกะทันหันล่ะ?”
“แม้ว่าฉันจะเป็นหม่ามี๊ของเสี่ยวหมี่โต้ว แต่ฉันไม่ได้ให้สิทธิ์ในการเลือกของเขา เสี่ยวหมี่โต้วมีความเป็นผู้ใหญ่มาก แม้ว่าอายุของเขาจะยังเด็ก แต่เขาก็สามารถเข้าใจได้ว่าอะไรคือสิ่งสำคัญและไม่สำคัญได้ ฉันกีดกันเขาไว้ตลอด สำหรับเขาแล้ว มันเป็นการบาดเจ็บปวดอย่างหนึ่ง ”
นี่มาจากใจที่แท้จริงจากผู้เป็นแม่
เสี่ยวเหยียนมองไปที่หานมู่จื่อซึ่งนอนอยู่บนโต๊ะด้วยสายตาที่ไม่แยแส ทันใดนั้นก็รู้สึกเห็นใจเธอมากๆ เธอเอนตัวไปข้างหน้าและกอดไหล่ของเธอ
“มู่จื่อ เธออย่าคิดมากไปเลย ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามธรรมชาติโอเคไหม? เธอไม่ต้องจงใจปกป้องเสี่ยวหมี่โต้วแล้ว แล้วก็ไม่ต้องจงใจปฏิเสธคุณชายเย่ ทุกสิ่งทุกอย่าง จะเป็นไปตามการพัฒนาของเรื่องนั้นๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ”
หานมู่จื่อเลิกเปลือกตาขึ้น “ทำเพื่อฉัน หรือว่าพี่ชายจองฉันนะ?”
เสี่ยวเหยียน “… ”
เธอกลอกตาด้วยความโมโห
“เธอกลายเป็นคนชั่วร้ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? แน่นอนว่าทำเพื่อเธอไง จะเป็นไปได้ไหมที่ฉันบอกต่อหน้าเธอว่าที่ฉันทำก็เพื่อจะจีบพี่ชายของเธอ? ถ้าทำแบบนี้จะทำให้เธอผิดหวังในตัวฉันได้”
เมื่อพูดอย่างนี้ เสี่ยวเหยียนก็เชอะๆอีกครั้ง “สมมุติว่าทำเพื่อพี่ชายของเธอจริงๆ เธอก็ไม่สามารถว่าอะไรฉันได้ หรือว่าเธอไม่อยากให้ฉันเป็นพี่สะใภ้ของเธอเหรอ?”
หานมู่จื่อยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “มันขึ้นอยู่กับความสามารถของเธอแล้ว เธอได้ขโมยจูบไปแล้ว แต่ว่าอีกฝ่ายยังคงเฉยเมยอยู่ และตอนนี้ฉันได้รับเสี่ยวหมี่โต้ว กลับมาบ้านแล้ว ขนาดโอกาสที่จะได้เข้าใกล้เธอก็ไม่มีเลยด้วยซ้ำ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เสี่ยวเหยียนก็อยากจะร้องไห้อย่างไร้น้ำตา
“เธอพูดแบบนี้ก็จริงแฮะ แล้วเธอทำไมต้องรับเสี่ยวหมี่โต้วไปเร็วขนาดนี้ด้วย?” เสี่ยวเหยียนจับแขนของหานมู่จื่อและเขย่ามันอย่างแรง “อ้าอ้าอ้าอ้า เธอคืนโอกาสเข้าใกล้เขาให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
หานมู่จื่อถูกเธอเขย่าจนรู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย “ฉันก็ช่วยไม่ได้นะ เสี่ยวหมี่โต้วเป็นลูกชายของฉัน ฉันจะปล่อยให้เขาอยู่กับพี่ชายของฉันตลอดเวลาก็ไม่ได้ ฉันจะไปรับช้าหรือเร็วยังไงก็ต้องรับกลับบ้านอยู่ดี ถ้าเธอชอบพี่ชายฉันจริงๆละก็ แม้ว่าเธอจะไม่มีโอกาสน้ำตาลใกล้มด เธอก็จะรีบไปพบเขาแน่นอน ”
“แต่ว่า ฉันจะหาเหตุผลอะไรไปล่ะ?”
หานมู่จื่อยิ้มอย่างรู้ทัน
“ เหตุผลไม่สำคัญ สำคัญก็คือ …เธออยากเจอเขานี่นา”
เสี่ยวเหยียนตกตะลึงอยู่กับที่โดยสิ้นเชิง และเป็นเวลานานกว่าจะกลับมามีสติได้
“ ฉันเข้าใจแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่ใช่เหตุผล แต่เป็น… ฉันอยากเจอ อยากจีบเขา!”
“ใช่” หานมู่จื่อพยักหน้า
“ฉันเข้าใจแล้วมู่จื่อ ขอบใจนะ!!”