บทที่ 690 ไม่รู้สถานการณ์
เมื่อหานมู่จื่อไปทำงานในวันจันทร์ เธอก็เห็นกลุ่มคนที่กำลังรวมตัวกันอยู่ตรงประตูบริษัทจากระยะไกลๆ เธอรู้สึกประหลาดใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
มีคนมากในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้มันไม่ใช่เรื่องปกติ บริษัทของเธอไม่น่าจะมีลูกค้ามากขนาดนี้
หรือต่อให้มีลูกค้าก็ไม่น่าจะมารวมตัวกันเยอะขนาดนี้
รอจนกระทั่งเข้าไปใกล้ หานมู่จื่อก็พบว่ากลุ่มคนเหล่านั้นล้วนเป็นคนที่เธอรู้จัก เป็นพวกที่ตามถ่ายภาพเธอก่อนหน้าสมัยที่อยู่ต่างประเทศ
ทั้งหมดเป็นนักข่าว
เกิดเรื่องอะไรขึ้น?
หรือว่าบริษัทของเธอกำลังมีปัญหาอะไร?
หานมู่จื่อให้คนขับรถของเย่โม่เซินจอดรถใกล้ๆ หลังจากนั้นเธอก็โทรหาเสี่ยวเหยียน
วันนี้เธอไม่ได้มาบริษัทเร็วนัก ดังนั้นในเวลานี้จึงมีคนมาถึงก่อน ต้องถามก่อนว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร
ใครจะไปรู้ว่าในตอนที่เธอกำลังจะกดโทรออก โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมาซะก่อน
หานมู่จื่อมองไปที่หน้าจอ เป็นเสี่ยวเหยียนที่โทรเข้ามา
เธอกดรับในทันที
เมื่อกดรับสายแล้วยังไม่ทันที่หานมู่จื่อจะได้ทันพูดอะไร ก็ได้ยินเสียงร้อนใจของเสี่ยวเหยียนที่ดังมาจากอีกฝั่ง
“มู่จื่อ เธอจะมาบริษัทหรือยัง? ถ้ายังไม่มาเธออย่างพึ่งรีบเข้ามาที่บริษัทนะ หน้าบริษัทเราตอนนี้กำลังมีนักข่าวอยู่เต็มไปหมดเลย”
หานมู่จื่อ “…………”
เธอมองไปที่กลุ่มคนที่อยู่ไม่ไกล ก่อนเม้มริมฝีปากแดงเอาไว้แน่น
“ตอนนี้ฉันอยู่แถวๆ บริษัท”
“งั้นเธออย่ามาตรงประตูบริษัทนะ มีนักข่าวอยู่เต็มไปหมดเลย!”
“มีเรื่องอะไร? ทำไมถึงมีนักข่าวเยอะขนาดนี้? เธอรู้เรื่องสถานการณ์ในตอนนี้ไหม?”
เกิดอะไรขึ้น?หานมู่จื่อเกิดความสงสัย เธอรู้สถานการณ์อะไรนี้ไหม?
“ตอนนี้ฉันกลัวว่าคนทั้งประเทศจะรู้จักเธอหมดแล้วนะสิ หรือต่อให้ไม่รู้จัก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปได้รู้จักแน่น อาจจะรู้หมดแล้วว่าเธอเป็นใคร จู่ๆ นักข่าวก็โผล่มาเยอะขนาดนี้ ในใจเธอไม่คิดบ้างเลยเหรอ?”
หานมู่จื่อ “……..”
คำพูดเหล่านั้นทำให้หานมู่จื่อรู้สึกว่าภายในใจเต็มไปด้วยหมอกควันดูเลือนราง เธอขมวดคิ้วแน่น “ท้ายที่สุดแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่น? รีบอธิบายมาเร็วสิ”
ถ้าพูดตามเหตุผล ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นที่รู้จักในฐานะนักออกแบบ แต่ก็คงไม่ต้องอึกทึกครึกโครมขนาดนี้ และเธอก็ไม่ใช่ดาราหน้าใหม่ที่คนชื่นชอบด้วย
หรือต่อให้เป็นดาราหน้าใหม่ที่คนชื่นชอบ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนทั้งประเทศจะรู้จัก
ดังนั้นหานมู่จื่อจึงรู้สึกงุนงงเป็นอย่างมาก
“ให้ตายเถอะ ฉันล่ะอยากจะหยิกเธอให้ตายจริงๆ บางทีเธออาจจะไม่รู้เรื่องเหล่านี้ก็ได้ โอเค…. ฉันถามเธอหน่อย ตอนที่เธอเดินทางมานี้เธอไม่สังเกตเห็นอะไรที่แตกต่างไปบ้างเหรอ?”
เห็นอะไรที่แตกต่างจากเดิมระหว่างทาง? หานมู่จื่อกะพริบตา เธอใช้เวลาสองวันอยู่กับเย่โม่เซิน เมื่อคืนก็ถูกเขากอดจนหลับไป แถมเมื่อคืน…..
เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืนเธอก็กะแอมไอออกมาเบาๆ บนหน้าแสดงออกถึงอาการขัดเขิน
ตอนนั้นเธอง่วงนอน ดังนั้นเธอเลยพิงเบาะแล้วงีบหลับไปครู่หนึ่งระหว่างทาง
เมื่อได้ฟังจากสิ่งที่เสี่ยวเหยียนพูด เธอจึงได้โผล่หัวออกไปมองรอบๆ จากในตอนแรกที่ไม่เห็นอะไรแปลกจากเดิม ทว่าต่อมาเธอก็เห็นเงาร่างคุ้นเคยจากระยะไกล…….
ดูเหมือนว่าจะเป็นเงาร่างของตัวเธอเอง รูปนั่น….. ดูเหมือนว่าจะเป็นรูปหลังจากที่เธอไปงานเลี้ยงฉลองรับรางวัลที่ต่างประเทศ
มันขึ้นไปอยู่ที่หน้าจอมอนิเตอร์ของเมืองได้ยังไง? แล้วใครเป็นคนโฆษณาให้เธอ? น่าเสียดายที่อยู่ค่อนข้างไกล จึงมองเห็นตัวหนังสือได้ไม่ชัด เธอจึงได้หันไปสั่งคนขับรถ “ลุงหลิน รบกวนลุงขับรถไปตรงนั้นให้หน่อยค่ะ”
เธอหันไปชี้ให้ลุงหลินดู ลุงหลินเป็นคนที่เย่โม่เซินสั่งให้มาขับรถให้เธอเพื่อรับส่งไปกลับที่วิลล่าไห่เจียง
ลุงหลินพยักหน้ารับ หลังจากนั้นก็ขับรถไปยังที่ตำแหน่งตามที่เธอสั่ง
หลังจากที่รถหยุดลง หานมู่จื่อก็เลื่อนกระจกลง โผล่หน้าออกมามองอย่างจริงจัง เมื่ออยู่ในระยะใกล้ในที่สุดหานมู่จื่อก็สามารถมองเห็นตัวหนังสือบนจอ
หลังจากที่มองดูอยู่พักหนึ่ง เธอก็อดที่จะหน้าเห่อแดงไม่ได้ ไอ้บ้าเย่โม่เซิน……
ทำไมไม่ถามเธอก่อนด้วย…..
ในตอนที่ลุงหลินขับรถอยู่เขาได้เห็นมันไปแล้ว เพียงแต่ในเวลานั้นคุณผู้หญิงหลับพักผ่อนอยู่ เขาเลยไม่รบกวนเธอ
ตอนนี้เมื่อเห็นว่าคุณผู้หญิงให้เขาวนรถกลับมาดู ลุงหลินก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “คุณชายเย่ก็ดูมุ่งมั่นดีนะครับ”
หานมู่จื่อ “……..”
ได้ยินลุงหลินพูดอย่างนั้น หานมู่จื่อก็อดไม่ไหวที่จะกัดริมฝีปากล่าง
เขามุ่งมั่น ไม่เพียงแต่มุ่งมั่นทั้งยังเจ้าเล่ห์ด้วย เรื่องใหญ่ขนาดนี้เขาไม่บอกเธอสักคำ จนเธอต้องมารู้เองในตอนนี้
คนๆ นี้! เพียงแค่ขอแต่งงานสำเร็จต้องหลงระเริงขนาดนี้เชียว?
คิดมาถึงตรงนี้ หานมู่จื่อก็กดโทรหาเย่โม่เซิน
เย่โม่เซินกดรับสายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ทำไมคิดถึงผมเร็วจัง?”
“คิดถึงกับผีน่ะสิ!”หานมู่จื่อด่าเขาออกไปตรงๆ ในคำแรก “บนจอมอนิเตอร์นี้มันเรื่องอะไรกัน?”
เมื่อได้ยินเสียงจากปลายสายเย่โม่เซินก็กดยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะเอ่ยถามเธอในเวลาต่อมา “พอใจไหมครับ?”
หานมู่จื่อ “………พอใจอะไร?”
“สิ่งที่ผมทำเป็นเป็นการประกาศให้คนทั้งโลกรู้ไงว่าอีกไม่นานคุณจะกลายเป็นภรรยาของผมแล้ว ตอนนี้ทุกคนก็จะรู้แล้วว่าคุณจะแต่งงานให้กับผมเย่โม่เซิน ดูสิว่าต่อไปคุณจะหนียังไง”
ดูว่าหลังจากนี้คุณจะหนีได้อีกไหม……
ประโยคนี้ทำเอาหานมู่จื่อถึงกลับใจเต้นแรง จู่ๆ ไอ้บ้านี้กำลังพูดอะไร? นี้เขายังคิดว่าเธอยังจะหนีอีกเหรอ?
“คุณทำแบบนี้……” หานมู่จื่อเงยหน้ามองจอมอนิเตอร์ที่มีข้อความกำลังเลื่อนออกอากาศ ดวงตาคู่สวยกำลังฉายแววซับซ้อน “กลัวว่าฉันจะหนีงั้นเหรอ?”
อีกฝ่ายเงียบเสียงไปสักพักก่อนจะพูดออกมา
“ไม่ใช่”
“ไม่ใช่ว่ากลัวคุณจะหนี หรือต่อให้คุณหนีผมก็จะไล่ตามคุณกลับมาเอง”
“นี่เป็นความจริงใจของผม ก่อนหน้าที่ติดหนี้คุณ ผมจะคืนกลับให้คุณมากกว่า”
“มู่จื่อ นี้ผมจริงใจนะ”
ไม่รู้ว่าเงียบไปนานแค่ไหน หานมู่จื่อรู้สึกว่าหัวใจตัวเองกำลังเต้นผิดปกติ แม้ว่าเธอจะได้ยินคำพูดเหล่านี้ผ่านโทรศัพท์ ทว่าหานมู่จื่อก็ยังมองไปข้างหน้าอย่างขัดเขินพลางสบสายตาเข้ากับลุงหลินที่กำลังขับรถอยู่ ทำให้รู้สึกผิด
เธอเลยดึงสายตากลับ หลังจากนั้นก็ลดเสียงตัวเองลง
“ตอนนี้หน้าประตูบริษัทฉันคนเต็มไปหมด เพราะคุณเลย แล้วอย่างนี้ฉันจะเข้าไปยังไง?”
เย่โม่เซินอดยิ้มไม่ได้ “ไม่ดีเหรอ จะได้ช่วยคุณโฆษณาบริษัทตามใจคุณไง?”
“เย่โม่เซิน!”
หานมู่จื่อหงุดหงิด ตอนนี้มีคนอยู่หน้าประตูบริษัทอยู่เยอะเต็มหมด แม้แต่เธอก็ยังเข้าบริษัทไม่ได้จนเธอนึกตลกกับตัวเอง
“โอเคครับ” เพราะกลัวว่าเธอจะโกรธทำให้เย่โม่เซินเสียงอ่อนลง พยายามพูดปลอบประโลมเธอ
“ตอนนี้มันเพียงแค่เริ่มต้น ดังนั้นนักข่าวจะเข้ามาสัมภาษณ์อย่างเอาเป็นเอาตายเลย หลังจากนั้นไม่กี่วันเดี๋ยวก็เป็นปกติเอง ตอนนี้ผมจะให้ลุงหลินมาบริษัทผม”
หานมู่จื่อ “ไปบริษัทคุณ?”
“อื้ม เปลี่ยนสภาพแวดล้อมการทำงานไง มาทำงานร่วมกับว่าที่สามี ไม่ดีเหรอ?
หานมู่จื่อ “……….”
เธอล่ะเชื่อในความเจ้าเล่ห์ของเย่โม่เซินเลยจริงๆ!
ไอ้บ้านี่!
หานมู่จื่อกัดฟันพูดออกมา “ใครเขาอยากจะทำงานกับคุณกัน? คุณน่ะคิดไปเอง!”
เธอหงุดหงิดจึงตัดสายเย่โม่เซิน
ลุงหลินที่อยู่ข้างหน้าถึงกลับอดยิ้มเมื่อเห็นฉากนี้ หลังจากวางสายหานมู่จื่อก็คิดถึงปัญหาหนึ่งซึ่งสำคัญมาก บริษัทของเธอถูกนักข่าวล้อมไว้อย่างนี้ สิ่งที่นักข่าวต้องการมากที่สุดคือการรวบรวมข้อมูล พวกเขาถึงกับมาหาเธอที่บริษัท งั้นโรงเรียนของเสี่ยวหมี่โต้วล่ะ?
แย่แล้ว!