บทที่ 954 ช่วยแม่สร้างความประทับใจ
เสี่ยวหมี่โต้วคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วบอกเรื่องที่บ้านให้ส้งอานฟัง
เมื่อส้งอานได้ฟังก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที “น้าเสี่ยวเหยียนไม่สบายเหรอ งั้นแม่ของหนูกำลังดูแลน้าอยู่เหรอ”
เสี่ยวหมี่โต้วพยักหน้าอย่างใสซื่อ “ใช่ครับ”
“เจ้าเด็กน้อย คนที่ท้องอยู่จะไปดูแลคนที่กำลังป่วยอยู่ได้ยังไงกัน ถ้าเธอติดไข้ขึ้นมาจะทำยังไง”
ถึงเสี่ยวหมี่โต้วจะฉลาด แต่เรื่องการท้องของผู้หญิงเขาไม่ค่อยรู้สักเท่าไร เขารู้เพียงว่าน้าเสี่ยวเหยียนไม่สบายต้องมีคนดูแล และแม่คือคนนั้น ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไรมาก
แต่หลังจากที่คุณย่าส้งอานพูดด้วยสีหน้าจริงจัง เสี่ยวหมี่โต้วถึงรู้ว่าเรื่องนี้มันสำคัญ
“งั้นคุณย่าครับ คุณแม่…”
ส้งอานหยิบมือถือขึ้นมา “เดี๋ยวย่าโทรหาพ่อของหนูหน่อย ให้เขาไปจัดการเรื่องนี้หน่อย”
ตัวตนของทุกคนเปิดเผยหมดแล้ว ดังนั้นส้งอานจึงบันทึกเบอร์ของเย่โม่เซินเอาไว้ เธอลุกขึ้นแล้วเดินออกไปข้างนอกเพื่อโทรหาเย่โม่เซิน
ยู่ฉือจินที่นั่งอยู่อีกข้างได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนพูด แต่ว่าฟังไม่ค่อยชัดสักเท่าไร ดังนั้นหลังจากที่ส้งอานออกไป เขาจึงลุกขึ้นไปนั่งข้างเสี่ยวหมี่โต้ว
“เฮ้อ คุณตาทวด”
เหมือนเสี่ยวหมี่โต้วเพิ่งสังเกตเห็นยู่ฉือจิน เด็กน้อยถอนหายใจออกมาแล้วเรียกเขา
คำว่าคุณตาทวดทำให้ยู่ฉือจินปลื้มใจไม่หยุด แต่เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยเพิ่งรับรู้ถึงการมีอยู่ของเขาก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย
แต่ว่า เขาอยู่คนเดียวมาหลายปี ความปรารถนาของยู่ฉือจินต่อครอบครัวมันเลยจุดๆ นั้นไปตั้งนานแล้ว
เหลนที่หน้าตาดี เรียบร้อยแถมยังฉลาดไหวพริบดีมานั่งอยู่ตรงหน้า ดูก็รู้ว่าเขาก็ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น
การที่เขายอมเรียกตัวเองว่าคุณตาทวด ยู่ฉือจินก็ชื่นใจแล้ว
“ว่าไง”
เขาตอบออกไป รอยยิ้มราวกับเด็กเผยออกมาบนใบหน้าที่ดูมีอายุ
เสี่ยวหมี่โต้วมองเขาแล้วกะพริบตาปริบๆ จากนั้นจึงพูดว่า “น้าเสี่ยวเหยียนดีกับผมมาก น้าดูแลผมบ่อยๆ แถมยังทำกับข้าวให้ผมกินด้วย”
ได้ยินดังนั้น ยู่ฉือจินรู้สึกประหลาดใจ “น้าเสี่ยวเหยียนที่หนูพูดดูเหมือนจะดีมากเลยนะ”
“อื้ม”
เสี่ยวหมี่โต้วพยักหน้าหงึกๆ สีหน้าเสียใจ
“เดิมทีเสี่ยวหมี่โต้วน่าจะอยู่ดูแลน้าเสี่ยวเหยียน แต่แม่บอกว่าคุณตาทวดชวนพวกเราไปกินข้าวที่บ้าน ถ้าทุกคนไม่ไป คุณตาทวดก็จะเหงาอยู่คนเดียว แม่ก็เลยส่งเสี่ยวหมี่โต้วมาอยู่เป็นเพื่อน”
พูดจบเสี่ยวหมี่โต้วดึงแขนเสื้อของยู่ฉือจิน แล้วพูดด้วยเสียงหวานว่า “คุณตาทวด คงไม่มีความสุขหรือเปล่าที่มีแค่เสี่ยวหมี่โต้วมาคนเดียว”
“.…..”
เขาจะไม่มีความสุขได้ยังไงกันล่ะ
เขามีความสุขจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว
แน่นอนว่าเขาหวังว่าจะเรียกทุกคนมากินข้าวด้วยกันสักมื้อ
ถึงแม้ว่าเมื่อวานอาหารค่ำของคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ไม่มีเย่โม่เซินกับเสี่ยวหมี่โต้วอยู่ด้วย แต่ก็ทำให้เขารับรู้ถึงคำว่ามีชีวิตชีวา ครึกครื้น
เขาไม่ได้มีชีวิตชีวาและครึกครื้นอย่างนี้มานานมากแล้ว
ความมีชีวิตมีชีวา ความครึกครื้นที่เกิดขึ้นเมื่อก่อนมันก็นานมากแล้ว อยากจะคิดถึงมันแต่กลับพบว่าตัวเองอายุมากจนจำอะไรไม่ค่อยได้แล้ว จำได้รางๆ ว่าใครอยู่ที่นั่น แต่จำคำพูดที่เคยพูดคุยกันในวันธรรมดาไม่ได้เลย เมื่อทบทวนความทรงจำ ก็หลงเหลือไว้เพียงความรู้สึกมากมายอยู่ภายในใจ
ยู่ฉือจินพบว่าอาหารค่ำเมื่อวาน ถึงแม้คนจะมากันไม่ครบ แต่เขากลับจดจำมันได้ดี อีกอย่างมันก็เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน มันเป็นความรู้สึกที่เขาปรารถนา
เขาคิดไปว่าตอนนี้ตัวเองมีหลาน มีเหลน ลูกสาวของตัวเองก็กลับมาแล้ว
หลานสะใภ้ของเขาก็มีเพื่อนอยู่ด้วยมากมาย ถ้าทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ไม่เรียกว่าครอบครัวใหญ่หรือไง
เมื่อคิดเช่นนั้น ยู่ฉือจินก็ยิ้มไม่หุบ
แน่นอนว่าเขายังไม่ยอมรับหลานสะใภ้คนนั้นเสียโดยทีเดียว
“ไม่ใช่ ทวดไม่ได้ไม่มีความสุข หนูพูดว่าหนูชื่อเสี่ยวหมี่โต้วเหรอ”
เมื่อพูดถึงชื่อตัวเอง เสี่ยวหมี่โต้วจึงกะพริบตาปริบๆ แล้วพูดอธิบายให้ยู่ฉือจินฟัง “เสี่ยวหมี่โต้วเป็นชื่อเล่นที่แม่ตั้งให้ ชื่อจริงของผมคือ หานยี่ซู”
หานยี่ซู?
เมื่อได้ยินชื่อแซ่ ยู่ฉือจินก็ขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เขาพูดอย่างไม่ค่อยพอใจเล็กน้อย “ทำไมหนูถึงแซ่หานล่ะ” เสี่ยวหมี่โต้วตอบอย่างใส่ซื่อว่า “เสี่ยวหมี่โต้วแซ่หาน มีอะไรผิดปกติเหรอครับ?”
“แน่นอนว่าผิดปกติ หานคือแซ่ของแม่ หนูต้องใช้แซ่ยู่ฉือเหมือนพ่อของหนูสิ”
ยู่ฉือยี่ซู?
ยู่ฉือจินพูดชื่อนี้ในใจ รู้สึกว่าชื่อนี้รื่นปากและชื่อยังติดหูคนอีกด้วย
แต่คิดไม่ถึงว่าเสี่ยวหมี่โต้วจะไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเขา
“คุณตาทวดพูดผิดแล้ว ถ้าเสี่ยวหมี่โต้วใช้แซ่ของพ่อ เสี่ยวหมี่โต้วจะต้องแซ่เย่ ไม่ใช่แซ่ยู่ฉือนะครับ”
ชื่อของพ่อคือเย่โม่เซิน
เสี่ยวหมี่โต้วได้ตรวจสอบมาแล้ว หลังจากที่พ่อสูญเสียความทรงจำ พ่อถึงใช้แซ่ยู่ฉือ
“แต่พ่อก็ใช้แซ่ยู่ฉือได้ เสี่ยวหมี่โต้วก็ใช้แซ่หานได้”
สำหรับเย่โม่เซินตระกูลยู่ฉือคือตระกูลของฝั่งแม่ ส่วนแซ่หานก็คือแซ่ตระกูลของแม่เสี่ยวหมี่โต้ว
ถ้าเย่โม่เซินสามารถใช้แซ่ยู่ฉือได้ คนที่เป็นคุณตาทวดแบบเขาก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่าแซ่ของเสี่ยวหมี่โต้ว
จู่ๆ ยู่ฉือจินก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
“ทวดถามได้ไหม ว่าทำไมเสี่ยวหมี่โต้วถึงใช้แซ่หาน”
“ถ้าคุณตาทวดอยากรู้ต้องไปถามแม่ของผมครับ แม่รู้ดีที่สุด อีกอย่างตอนที่เสี่ยวหมี่โต้วเกิด ก็มีแค่แม่ไม่มีพ่อ”
ยู่ฉือจินได้ยินก็เบิกตาโพลง “ไม่มีพ่อ หนูจะบอกว่า…”
“หึ พ่อคนไม่ดี ไม่ดูแลเสี่ยวหมี่โต้วกับแม่ คุณตาทวด แม่เลี้ยงเสี่ยวหมี่โต้วมาคนเดียว”
พูดจบเสี่ยวหมี่โต้วก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “ตอนนั้นนอกจากแม่จะทำงานก็ต้องดูแลเสี่ยวหมี่โต้วด้วย แม่เหนื่อยทุกวัน”
เสี่ยวหมี่โต้วช่วยพูดสร้างความประทับใจที่ดีให้แม่ ขณะเดียวกันก็ต่อว่าเย่โม่เซินไปหนึ่งยก
ยู่ฉือจินฟังจบก็เงียบไป เรื่องที่เกี่ยวกับเสี่ยวหมี่โต้วเขาไม่ได้ตรวจสอบอะไร เด็กคนนี้ได้รับการปกป้องมาอย่างดี น่าจะอยู่ภายใต้การดูแลของตระกูลหาน
แต่ทว่าเขาคิดไม่ถึงว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้
เพราะฉะนั้นไม่รู้ว่าในปีนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงดูแลเด็กน้อยคนนี้เพียงผู้เดียว
ยู่ฉือจินคิดถึงท่าทางของมู่จื่อ เจอเธอไม่กี่ครั้ง เธอมีท่าทีเกรงใจเขาตลอด ถึงแม้จะรู้ว่าเขาไม่พอใจเธอ แต่เธอก็ไม่ได้บ่นหรือตำหนิอะไรออกมา เธอยังดีต่อเขามาก
ถ้าส้งอานไม่ห้ามเอาไว้ เขาอาจจะได้ทานอาหารมื้อค่ำเมื่อวานที่เธอทำได้มากกว่านี้
ตอนนี้เมื่อมาคิดดูดีๆ แววตาที่เธอมองเขาเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง เธอน่าจะมีความปรารถนาที่ดีต่อคุณตาคนนี้
อีกอย่างเธอก็เลี้ยงเสี่ยวหมี่โต้วให้โตมาด้วยตัวเธอเอง แถมยังสอนเด็กคนนี้มาได้ดีขนาดนี้
ความคิดของยู่ฉือจินที่มีต่อมู่จื่อเริ่มเปลี่ยนไป
เขาคิดมาตลอดว่าผู้หญิงที่เลี้ยงลูกให้โตมาโดยคนเดียว คือผู้หญิงที่แกร่งมาก
เพราะการเลี้ยงเด็กคนหนึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ตอนที่เขาเลี้ยงลูกสาวสองคน เขาต้องใช้ความพยายามทั้งกายและใจ
ใครจะไปรู้ว่าสุดท้ายลูกสาวทั้งสองคนกลับทิ้งเขาไป