บทที่1033 เขาไปดีกว่า
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หานมู่จื่อก็คิดขึ้นมาได้
“ฉันได้ยินพวกเธอพูดว่า เซียวซู่มาหาเหรอ?”
เย่โม่เซินหยุดชะงัก พยักหน้าตอบรับ
“เขามาทำไมเหรอ? วันนี้เป็นวันอาทิตย์ไม่ใช่เหรอ? หรือว่าเรื่องในบริษัทของพวกคุณ ยังจัดการไม่เสร็จ? ต้องการให้ฉันช่วยทำอะไรไหม?” หานมู่จื่อถามอย่างเป็นห่วง
“ก่อนหน้านี้ฉันเคยเป็นผู้ดูแลระบบในบริษัทอยู่ช่วงหนึ่ง ดังนั้นฉันน่าจะช่วยอะไรได้นิดหน่อย ถ้าคุณ……”
เธอยังพูดไม่จบ เย่โม่เซินก็ยื่นนิ้วออกมาแตะที่ปากเธอ ไม่ให้เธอพูดต่อ
หานมู่จื่อยืนอยู่กันที่ด้วยความมึนงง ได้เห็นในระหว่างคิ้วของเขา มีความจนใจ
“กำลังคิดอะไร?”
“หืม?”
“เรื่องในบริษัท จัดการเรียบร้อยหมดแล้ว คุณไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ อย่าพูดถึงเรื่องในบริษัทฉันเลย แม้แต่เรื่องในบริษัทของคุณ ฉันก็หวังว่าคุณจะไม่ทำอีก”
“ไม่ไปยุ่ง แล้วบริษัทจะทำยังไง? ไม่เอาแล้วหรือ?” หานมู่จื่อ พูดติดตลก แต่มือได้ยื่นออกไปทางด้านหลังของเย่โม่เซินอย่างไร้ร่องรอย ปลายนิ้วเหมือนสัมผัสกับความร้อนชื้น เหนียวเหนอะหนะเล็กน้อย
คิ้วที่งดงามขมวดคิ้วเล็กน้อย และในเวลานี้ เย่โม่เซินดูเหมือนจะรับรู้ถึงท่าทางตุกติกของเธอ มือใหญ่บีบที่เอวของเธอเบาๆ ทำให้หานมู่จื่อครางเสียงเบา เย่โม่เซินก็ถือโอกาสดึงมือของเธอเข้ามาแล้วจับไว้ในมือ
มือใหญ่กุมมือเล็กของเธอไว้ หานมู่จื่อไม่สามารถหลบหนีได้ อยากจะดิ้นรน “คุณจับมือของฉันไว้ทำอะไร รีบปล่อยนะ”
เย่โม่เซินยิ้ม “อุ่นให้คุณหน่อย”
หานมู่จื่อ “ทั้งๆที่มือของคุณเย็นกว่าของฉันอีก อุ่นบ้าอะไร”
“ได้” เย่โม่เซินหันมาทันที “ถ้าอย่างนั้นคุณอุ่นให้ฉัน”
เขาไร้ยางอายขนาดนี้ ทั้งๆที่มือเย็นกว่าเธอ แต่ยืนยันที่จะจับมือเธอไว้ ตามเย่โม่เซินในเมื่อก่อน จะไม่ทำอย่างนี้แน่นอน หานมู่จื่อรู้สึกว่า ต้องมีอะไรในกอไผ่แน่นอน
และยิ่งเขาไม่อยากให้เธอรู้ หานมู่จื่อก็ยิ่งสงสัย
แต่แม้จะสงสัยมาก หานมู่จื่อก็สามารถเข้าใจเขาได้ จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย ให้เขาอุ่นมืออย่างจริงจัง
เธอเพิ่งออกมาจากที่นอน ในตัวก็อบอุ่นมากนัก เหมือนเตาผิงขนาดเล็ก
ไม่นานนัก มือที่เย็นเฉียบของเย่โม่เซิน ก็ถูกเธอกุมไว้จนอบอุ่น
หานมู่จื่อกุมมือของเขาไว้ต่อไป “อบอุ่นไหม?”
เย่โม่เซิน “……”
ลำคอเขากลืนลงอย่างยากลำบาก ก้มหน้าลง ดวงตาที่ดำสนิทจ้องมองใบหน้าของหานมู่จื่อ “ยั่วยวนฉัน?”
หานมู่จื่อส่ายหัวอย่างไร้เดียงสา “ฉันกำลังตั้งท้องอยู่ ทำอย่างว่าไม่ได้ คุณก็รู้ดี ฉันจะยั่วยวนคุณได้อย่างไร?”
ตั้งท้อง……
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของเย่โม่เซินก็มืดลง ใช่สิ เขายังต้องฝึกตนอีกนาน
“ฉันกำลังอุ่นมือให้คุณอย่างจริงจังมาก” หานมู่จื่อพูดอีกครั้ง
หลังจากพูดจบ เธอก็เห็นบนหน้าผากของเย่โม่เซิน มีเหงื่อออกบางๆ ที่บังเอิญคือ ในเวลานี้ก็มีเสียงเคาะประตูจากด้านนอกดังขึ้น
“คุณชายเย่?”
คือเสียงของเซียวซู่
หานมู่จื่อยังคงนั่งอยู่ในอ้อมกอดของเย่โม่เซิน ทั้งสองคนกำลังอยู่ในท่าทางที่คลุมเครือ ถ้าเซียวซู่เข้ามาได้เห็นเข้า ก็ต้องอับอายมากสินะ? นึกถึงสิ่งนี้ เธอรีบผลักเย่โม่เซินออก แล้วลุกขึ้น พร้อมกับดึงเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย “ในเมื่อเซียวซู่ มาหาคุณ ถ้าอย่างนั้นฉันกลับก่อนนะ”
“อืม” เย่โม่เซินพยักหน้าอย่างอ่อนโยน ก็ไม่ได้ห้ามเธอ เฝ้าดูเธอจากไป
ดูท่าทางเขาเป็นแบบนี้ หานมู่จื่อก็ยิ่งแน่ใจว่า เย่โม่เซินผิดปกติ ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่เป็นเช่นนี้
ตอนที่เปิดประตู หานมู่จื่อก็สบกับสายตาของเซียวซู่พอดี ตอนที่เซียวซู่เห็นหานมู่จื่อ ไม่แปลกใจมากนัก เพราะตอนที่เดินเข้ามา คนรับใช้ด้านข้างก็ได้บอกเขาแล้ว บอกว่าคุณนายน้อยเพิ่งมา ตอนนี้กำลังอยู่ในห้องทำงาน
เซียวซู่ไม่แน่ใจว่าข้างในเป็นสถานการณ์ยังไง แต่เขารู้สึกว่าตัวเองควรเคาะประตู ช่วยคุณชายเย่หน่อย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่า ต้องเอาความต้องการของคุณนายน้อยเป็นหลัก แต่นี่ก็ขึ้นอยู่กับความภักดีของเขา ที่มีต่อ คุณชายเย่ มิฉะนั้นเขาก็จะไม่เคารพกับผู้หญิง ที่คุณชายเย่ยอมรับมากขนาดนี้
อีกอย่าง คุณนายน้อยก็ค่อนข้างดีกับเขา หลังจากที่เขาได้รับบาดเจ็บ มีแผลเป็นที่ใบหน้าแล้ว หลายครั้งที่คุณนายน้อยเห็นรอยแผลเป็นบนใบหน้าของเขา ก็จะรู้สึกปวดใจแทนเขา
แต่ว่า เธอก็ไม่ได้พูดออกมา มักจะหลบสายตาออกไปอย่างสุภาพ ไม่ได้จ้องที่รอยแผลเป็นนั้นเป็นเวลานาน จะไม่ให้เขารู้สึกอึดอัด
คุณนายน้อยแบบนี้ จะให้คนไม่เคารพได้อย่างไร?
ทั้งสองมองตากัน หานมู่จื่อก็ไม่ได้ถามเซียวซู่ แค่ยิ้มอ่อนๆ “มาแล้วเหรอ ถ้าอย่างนั้นพวกคุณคุยกันเถอะ ฉันกลับห้องก่อน”
หลังจากที่เฝ้าดูหานมู่จื่อออกไปแล้ว เซียวซู่ก็หันเข้าไปในห้องทำงาน ตามด้วยปิดประตู
หลังจากเข้ามา เซียวซู่ถึงพบว่าเย่โม่เซินก้มหน้าอยู่บนโต๊ะทำงาน สีหน้ามีความอดทน ดูเหมือนว่ากำลังทนกับความเจ็บปวดอย่างมาก
แล้วเมื่อกี้ตอนที่คุณนายน้อยอยู่ที่นี่ คุณชายเย่ต้องแสร้งทำเป็นเหมือนคนไม่เป็นไร ต้องอดทนอย่างหนักแน่นอน
เมื่อคิดถึงอย่างนี้ ทันใดนั้นเซียวซู่ก็รู้สึกว่า ตัวเองมาสายเกินไปแล้ว เขาไม่น่าไปเดินเล่นที่อื่นเลย น่าจะเข้ามาเร็วๆ หรือหลังจากที่ออกจากห้องทำงาน ก็ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูเลย
เพราะยังไงข้อมูลเหล่านั้น อาจมีผลกระทบกระเทือนต่อความจำขอเย่โม่เซิน
ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณชายเย่เป็นอย่างไรบ้าง
“คุณชายเย่ ยังไหวไหม?” เซียวซู่เดินเข้ามาหา ถามด้วยเป็นห่วง
เย่โม่เซินไม่ส่งเสียง นั่งตัวตรงบนเก้าอี้ หลับตาอย่างเหนื่อยล้า
เขาไม่ได้พูด เซียวซู่ก็ไม่ส่งเสียง อยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ
หลังจากนั้นไม่นาน เย่โม่เซินก็ลืมตาขึ้นมาใหม่ ดวงตาสีดำสนิท กระจ่างกว่าก่อนหน้านี้มากแล้ว ความเจ็บปวดที่รวมอยู่ระหว่างคิ้ว ก็จางหายไปบ้าง
อาการนี้ ไม่ใช่เป็นโรคอะไรของเขา เพียงแค่ไม่ไปกระทบกระเทือนถึงความทรงจำ เขาก็เหมือนคนปกติ ที่ไม่มีเรื่องอะไรเลย
แต่ตราบใดที่กระทบกระเทือนถึงความจำ อาการปวดหัวก็จะเกิดขึ้น เหมือนกับทำให้โรคเก่ากำเริบ
เซียวซู่อยู่ข้างๆ มองเขาสักพัก แล้วหันหลังรินน้ำอุ่นให้คุณชายเย่อย่างเงียบๆ
หลังจากดื่มน้ำอุ่นแก้วหนึ่ง สีหน้าของเย่โม่เซิน ก็ดูดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ริมฝีปากบางที่ซีดจนไม่มีสีเลย ขยับเล็กน้อย “ถ้าคุณนายน้อยถามขึ้นมา อย่าบอกกับเธอ ว่าคุณมาที่นี่เพื่อส่งของเหล่านี้ให้ฉัน”
เซียวซู่พยักหน้า “แน่นอน ไม่ต้องกังวล คุณชายเย่”
“เมื่อกี้คุณนายน้อยได้สังเกตเห็นอะไรหรือเปล่า? ฉันเห็นว่าตอนที่เธอออกไป ชำเลืองมองฉัน ฉันก็ไม่ได้อธิบาย”
เย่โม่เซินนึกถึงปฏิกิริยาของหานมู่จื่อในเมื่อครู่ รวมกับท่าทีในบ้านเก่าตระกูลเย่ เม้นปากยิ้มเยาะอย่างจนใจ “ปิดบังเธอไม่ได้ทั้งหมดหรอก ถ้าเธอบอกว่าไม่รู้ นั่นเป็นเพียงเจตนาที่ดีเท่านั้น”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซียวซู่ก็เข้าใจความหมายของเย่โม่เซินโดยประมาณแล้ว เงียบสงบเป็นเวลานาน โดยไม่พูดต่อ
“วันนี้ก็พอแค่นี้ก่อน ลำบากให้นายต้องมาโดยเฉพาะ กลับไปเถอะ”
เซียวซู่ได้ยินเช่นนี้ รู้สึกประหลาดใจ และแปลกใจเล็กน้อย
เขาไม่คาดคิดว่า คุณชายเย่ไม่ได้สอบสวนเรื่องของข้อมูลเหล่านั้น ที่จริงเขาควรจะออกไปโดยเร็วที่สุด แต่ตอนนี้ได้เห็น คุณชายเย่มีสภาพแบบนี้ เซียวซู่ก็รู้สึกทนไม่ได้ ที่จะจากไปแบบนี้
“คุณชายเย่ ยังไงฉันก็ว่าง ไม่มีเรื่องอะไร ฉันอยู่ดูแลคุณไหม?”
เมื่อได้ยินเข้า เย่โม่เซินก็เงยหน้าขึ้น ดวงตามีความเย็นชา “นายจะดูแลอะไรฉันได้? แบ่งปันความปวดหัว?”
“……” โอเค เขาไปดีกว่า