เราจะทยอยไล่แก้ให้ยามว่างอยากให้แก้เรื่องไหนคอมเมนต์ไว้นะคะ
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่1243 ตอนที่คุณเป็นเด็กฉันยังเคยอุ้มคุณ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“คุณหนูหาน!” พนักงานต้อนรับพอมองเห็นหานมู่จื่อ สีหน้าที่ดูถูกจนหาอะไรมาเปรียบไม่ได้ก็เปลี่ยนเป็นอีกอย่างในทันที เธอวิ่งมาอยู่ตรงหน้าหานมู่จื่อแล้วทำตัวประจบประแจง “คุณหนูหานทำไมวันนี้ถึงได้มีเวลาว่างมาบริษัทล่ะคะ? สองสามวันก่อนประธานหานออกไปทำงานต่างเมือง ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่บริษัทค่ะ”
หญิงสาวที่อดกลั้นที่ไกลๆได้ยินว่าหานชิงไปต่างเมือง แววตาก็มีประกายงุนงง ที่แท้เขาก็ออกไปทำงานต่างเมืองเหรอ?
หานมู่จื่อยิ้มบางๆ ตอบกลับไปเสียงเบา
“ฉันรู้แล้ว”
พนักงานต้อนรับชะงักไปเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ถึงได้รู้ คิดว่าตัวเองนั้นพูดมากไปหน่อยแล้ว คนเขาเป็นถึงน้องสาวที่ประธานหานรักและตามใจมากที่สุด ตอนพี่ชายออกไปทำงานต่างเมือง ยังไงก็ต้องบอกกับน้องสาวของตัวนี่
พนักงานต้อนรับเกาหัวตัวเองอย่างอายๆ “คุณหนูหาน ไม่อย่างนั้นคุณหนูก็พาคุณชายน้อยขึ้นไปก่อน?”
ตอนแรกหานมู่จื่อตั้งใจว่าจะขึ้นข้างบน เพราะว่าเธอมาดู แล้วก็อยากแวะหาซูจิ่ว
ตอนนี้เหรอ กลับยังมีเรื่องอื่นที่ต้องสะสาง
“ไม่รีบร้อน มาคุยกันก่อนว่าตรงนี้เกิดอะไรขึ้น เธอเป็นใคร?”
หญิงสาวได้ยินว่าพนักงานต้อนรับพูดว่าหานมู่จื่อเป็นน้องสาวของหานชิง ใช้แววตาของความสับสนมองมายังหานมู่จื่อ ในตอนที่แววตาของเธอมาหยุดลงบนใบหน้าของหานมู่จื่อ ก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นแจ่มชัด จากนั้นเธอก็ก้าวไปด้านหน้าก้าวเล็กๆแต่ก้าวด้วยความรวดเร็วไปอยู่ตรงหน้าเธอ
“คุณ คุณเป็นน้องสาวของหานชิงใช่ไหม? ฉัน ฉันจำคุณได้……”
“อ้อ?” หานมู่จื่อฟังจบก็เลิกคิ้วขึ้น “คุณรู้จักฉัน?”
“แน่นอนว่ารู้จัก”
ผู้หญิงคนนั้นมองหานมู่จื่อ รอยยิ้มก็เปลี่ยนเป็นอบอุ่นขึ้นมา “ในตอนที่คุณเพิ่งเกิด ฉันยังเคยอุ้มคุณเลย เพียงแต่หลังจากนั้นคุณก็หายตัวไป พวกเราก็เลยไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก คิดไม่ถึงเลยว่าหานชิงจะเจอตัวคุณเจอแล้ว คุณเหมือนกับแม่ของคุณมากๆ”
พนักงานต้อนรับได้ฟัง อดไม่ได้ที่จะขำพรืดออกมา “คุณนี่มันจริงเลยนะ…….เพื่อที่จะได้บินขึ้นไปเกาะยอดไม้ไม่ว่าจะคำลวงแบบไหนก็กล้าโกหก ยังไงก็พูดว่าเคยอุ้มน้องสาวของประธานหานของพวกเรา ทำไมคุณถึงไม่บอกว่าคุณเป็นลูกสาวคนรวยล่ะ? ตกอับจนกลายเป็นแบบนี้ไม่น่าอับอาย? คุณหนูหาน ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ว่าเป็นอะไร มัวแต่รั้งตัวอยู่ตรงนี้ไม่ยอมไป แถมยังบอกว่ารู้จักกับประธานหานและคุณหนูหาน ดิฉันจะเรียกรปภ.มาพาตัวไปเดี๋ยวนี้”
พูดจบ พนักงานต้อนรับก็โบกมือเรียกให้รปภ.มาหา
หานมู่จื่อกลับมองอีกฝ่ายอย่างกับกำลังจมอยู่ในความคิด แววตาของเธอซื่อตรง รอยยิ้มอบอุ่นทั้งยังบริสุทธิ์ ไม่เหมือนกับกำลังโกหก
บางที เธออาจจะรู้จักตัวเองจริงๆ?
“ความหมายของคุณคือ คุณเป็นเพื่อนเก่าของพี่ชายฉัน?”
หานมู่จื่อถามขึ้น
หญิงสาวพยักหน้า “อื้อ คุณเชื่อฉัน?”
พนักงานต้อนรับรีบร้องออกมาโดยเร็ว “คุณหนูหาน คุณอย่าไปเชื่อเธอเป็นอันขาดนะคะ มีคนที่พูดว่ารู้จักกับท่านประธานแบบนี้ ในทุกๆวันถ้าไม่สิบกว่าคนก็สี่ห้าคน ยังไงก็ไม่มีทางเชื่อได้”
พนักงานต้อนรับก็มีหน้าที่ของพนักงานต้อนรับ หานมู่จื่อทำได้เพียงหันไปยิ้มบางๆให้กับเธอ “ไม่เป็นไร ฉันรู้ดีว่าตัวเองมีขอบเขตแค่ไหน ให้ฉันได้คุยกับเธอเถอะ คุณไปทำงานของคุณก่อนเถอะค่ะ”
ความหมายของคำพูดก็คือเรื่องต่อจากนี้คุณไม่ต้องมายุ่ง พนักงานต้อนรับมองหานมู่จื่อด้วยสายตาหนักใจ สุดท้ายก็รับปากแล้วก็หมุนตัวจากไป
หานมู่จื่อก้าวเดินไปด้านหน้า หญิงสาวกลับก้าวถอยไปด้านหลังก้าวเล็กๆ รักษาระยะห่างกับหานมู่จื่อเอาไว้
“คุณอย่าเข้ามาใกล้นักเลย ตัวฉัน……ค่อนข้างจะสกปรก” ในตอนที่หญิงสาวพูดประโยคนี้ออกมาใบหน้าแสดงความอายออกมา สีหน้านั้นอับอายเป็นอย่างมาก
“ไม่เป็นไรค่ะ” หานมู่จื่อยิ้มบางๆ “เมื่อกี้คุณบอกว่าตอนคุณยังเด็กคุณเคยอุ้มฉัน?”
หญิงสาวชะงัก จากนั้นก็พยักหน้า “ค่ะ ตอนที่คุณน้าคลอดคุณออกมาตอนนั้นฉันจำความได้แล้ว ในตอนนั้นครอบครัวของพวกเราสนิทกันมาก ฉันมักจะไปบ้านของคุณบ่อยๆ ดังนั้นเลยเคยอุ้มคุณ ในตอนนั้นคุณปู่หานมีหลานสาวเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน ดังนั้นก็เลยดีใจมาก ทุกๆวันอุ้มคุณจนไม่ยอมปล่อย คุณในตอนเด็กๆน่ารักมากๆ ตัวเล็กๆขาวๆ เหมือนกับหมั่นโถวที่เพิ่งจะนึ่งเสร็จ”
“……”
การพรรณนานี้ทำเอาหานมู่จื่อละอาย ตอนมองเธอเล่าเรื่องพวกนี้ดูเป็นตุเป็นตะ ประมาณห้านาทีภายในใจของหานมู่จื่อพอจะมั่นใจแล้ว คนๆนี้รู้จักหานชิง แถมก่อนหน้านี้ทั้งสองครอบครัวก็เคยเป็นเพื่อนกัน
เพียงแต่ ในตอนนี้เธอเป็นอย่างนี้ อาจจะเป็นเพราะระหว่างนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น
หลังจากนั้นหานมู่จื่อก็พาเธอไปพักผ่อนที่โรงแรม หญิงสาวหยิบบัตรประชาชนออกมาลงทะเบียน รอหานมู่จื่อจัดการทำเรื่องเข้าให้แทนจากนั้นเธอก็กัดริมฝีปากล่าง “รอต่อไปฉันหาเงินได้แล้ว ฉันจะต้องเอาเงินพวกนี้มาคืนเธอแน่”
จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็คุยกันอีกนิดหน่อย หานมู่จื่อก็เม้ามอย ถามคำถามอยู่ไม่กี่คำถาม จากนั้นถึงได้รู้ว่าในตอนเด็กเป็นหานชิงที่เคยหมั้นกับเธอ หลังจากที่รู้เรื่องนี้แล้ว สีหน้าท่าทางหานมู่จื่อก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่แล้ว
ถ้าเกิดว่าเป็นเมื่อก่อนหานชิงยังคงตัวคนเดียว ผู้หญิงคนนี้มาตามหาหานชิงนั่นจะต้องเป็นเรื่องที่ดีแน่นอน แต่ว่าตอนนี้หานชิงกับเสี่ยวเหยียนคบกันแล้ว
ถ้าเกิดว่าจัดการได้ไม่ดีล่ะก็…….
คิดถึงเรื่องนี้ หานมู่จื่อก็เลยตัดสินใจที่จะให้เสี่ยวเหยียนเที่ยวให้สนุกเสียก่อน ยังไงเสียก็ยากที่จะได้ไปเที่ยวทริปหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายก็ไม่มีเรื่องหมางใจกัน เกี่ยวดองกันสามัคคีกันอย่างนี้ความสัมพันธ์ถึงจะอบอุ่นแน่นแฟ้นขึ้น
นี่ถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
“ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอก รอให้แกกลับมาแล้วค่อยบอกแกก็เหมือนกันนั่นแหละ”
จิตใจของเสี่ยวเหยียนโดนหานมู่จื่อทำให้อยากรู้อยากเห็นขึ้นมาแล้ว ไม่ว่ายังไงก็ยังคงเซ้าซี้ให้เธอพูดมาให้ชัดเจน หานมู่จื่อกลับบอกว่าเย่โม่เซินพาเสี่ยวโต้วหยากลับมาแล้ว ถ้าเกิดว่าเธออยากรู้จริงๆ ก็ให้เธอวิดีโอคอลมาคุยกับเธอ
ประโยคนี้ ทำให้ความคิดทั้งหมดของเสี่ยวเหยียนโดนตีแตก
เย่โม่เซินอยู่บ้านแล้ว ยังจะวิดีโอคอลคุยกับเธอ? คือจะให้เธอไปรับสายตาเย็นชาของเย่โม่เซินเหรอ?
เธอขอปฏิเสธ!
ดังนั้นเสี่ยวเหยียนก็เลยไม่ได้เซ้าซี้เธอแล้ว แต่กลับพาความคิดมาอยู่กับปัจจุบัน
พระจันทร์โผล่ออกมาแล้ว
“กำลังพูดอะไรอยู่เหรอ?” อยู่ๆหานชิงก็โผล่มาถามเธอขึ้น
เสี่ยวเหยียนเหลือบตามองเขาแวบหนึ่ง พูดขึ้นเสียงเบา “เปล่าค่ะ เมื่อกี้กำลังส่งข้อความคุยกับมู่จื่ออยู่ จากนั้นคุณชายเย่ก็กลับมา ฉันก็ไม่ได้คุยอะไรกับเธอต่อแล้ว”
“อืม”
เขาตอบกลับมาคำหนึ่งจากนั้นก็เงียบลงอีกครั้ง ทั้งสองฝ่ายนั่งอยู่บนหาดทรายด้วยกัน
เสี่ยวเหยียนไม่ใช่คนประเภทที่ชอบความเอะอะ ดังนั้นก็เลยนั่งอยู่ไกลๆ อีกอย่างเธอเองค่อนข้างขี้อาย เลยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มขยับเข้าไปใกล้
ปรากฏว่าคนที่เคยอยู่บนเรือลำเดียวกันคนนั้นก็วิ่งมาหา
“น้องเสี่ยวเหยียนทำไมยังนั่งรออยู่ตรงนี้อีกล่ะ? รีบๆลุกขึ้นมาร่วมกับทุกๆคนสิ”
พวกเธอนั้นเป็นมิตรเกินไป เสี่ยวเหยียนนั้นถูกโน้มน้าวอย่างปฏิเสธไม่ได้ ทำได้เพียงหันไปมองหานชิงที่อยู่ข้างๆ
หานชิงกลับยื่นมือออกมาลูบหัวของเธอ แล้วยิ้มให้บางๆ “ไปเล่นเถอะ”
“แล้ว แล้วคุณล่ะ?”
“อีกแป๊บหนึ่งผมค่อยไปหาคุณ”
ตอนนี้เสี่ยวเหยียนถึงได้ยอมพยักหน้า ลุกขึ้นพร้อมทุกๆคนแล้วเข้าไปในงานปาร์ตี้
เทียบกับความเขินของเสี่ยวเหยียน คนอื่นๆสามารถบอกได้เลยว่ากระตือรือร้นมากๆ หลังจากที่เธอนั้นไปแล้วถามโน่นถามนี่ ถึงขนาดที่มีผู้หญิงสองสามคนสนใจในตัวหานชิง คำถามที่ถามขึ้นล้วนแต่เกี่ยวกับเขา
อย่างเช่นสามีของคุณชื่ออะไรเหรอ ทำงานอะไรเหรอ พวกคุณคบกันได้ยังไงเหรอ แต่งงานกันมานานเท่าไหร่แล้ว อะไรพวกนี้
คำถามพวกนี้ถามจนเสี่ยวเหยียนหน่ายใจ เธอถึงขั้นคิดว่า ถ้าเกิดว่างานปาร์ตี้วันนี้ข้างๆตัวเธอไม่มีหานชิงล่ะก็ ดูเหมือนว่าทุกๆคนคงไม่ทันจะสังเกตเห็นเธอ
เสียดายหานชิงนั้นโดดเด่นเกินไป ในหมู่คนการมีอยู่ก็คือจุดที่สาดกระจายแสง
เรื่องนี้ เสี่ยวเหยียนรู้ดีตั้งแต่เมื่อก่อน