เราจะทยอยไล่แก้ให้ยามว่างอยากให้แก้เรื่องไหนคอมเมนต์ไว้นะคะ
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 1286 อิจฉาคนรอบข้าง
“ใช่แล้วค่ะสามี คนเยอะมากเกินไป เข้าไปก็ไม่สามารถอวยพรวันเกิดได้ ดังนั้นฉันและเสี่ยวไป๋ก็เลยรออยู่ที่นี่สักครู่ เมื่อสักครู่ก็พูดคุยกับทุกๆคนอย่างสนุก”
คนที่เฝ้าดูการต่อสู้ระหว่างคำพูดในเมื่อสักครู่นี้ “… ”
พูดคุยกันอย่างสนุก?
ฉันเชื่อเธอก็บ้าแล้ว!
เป็นเธอที่ตอกกลับคนอย่างสนุกล่ะสิ?
ทว่าเจียงเหย็นเคอกลับเผยรอยยิ้มอย่างโล่งใจ มองผู้หญิงที่สำคัญที่สุดสองคนในชีวิตแบบนี้ที่ควงแขนซ้ายและขวาของตัวเอง รู้สึกมีความสุขอย่างมาก!
“พูดคุยกันอย่างสนุกก็ดีแล้ว ฉันยังกลัวว่าวันนี้พวกเธอจะไม่ชินซะอีก คิดไม่ถึงว่าเป็นฉันที่คิดมากเกินไปแล้ว”
ไม่ ไม่ ไม่! นายคิดมากเกินไปแล้วจริงๆ แต่ว่าพวกเธอไม่ได้ไม่ชิน แค่กล้าหาญมากเกินไป!
ทุกคนตะโกนในใจ
และท่าทางของตู้เซียวหยู่ทางนั้นยังคนแข็งแกร่งเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้อิงแอบอยู่ข้างๆเจียงเหย็นเคอ เห็นได้ชัดว่าเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆคนหนึ่ง
มองไปทางเจียงเสี่ยวไป๋อีก แม้ว่าจะไม่อ่อนโยนเหมือนน้ำดั่งเช่นตู้เซียวหยู่ แต่ว่าเธอก็รับบทเป็นลูกสาวที่ว่านอนสอนง่ายด้วยเช่นกัน
คนหนึ่งเรียกว่าคุณพ่อ อีกหนึ่งคนเรียกว่าสามี ครอบครัวทั้งสามคนก็เดินเข้าทางฝูงคนอย่างสนิทสนมเช่นนี้
หลังจากที่พวกเขาเดินออกไปแล้วนั้น ทุกคนมองไปหน้าซึ่งกันและกัน และทันใดนั้นก็มีคนถอนหายใจออกมาเบา ๆ
“ ทำไมจู่ๆผมก็รู้สึกว่า ลูกชายคนที่สามของตระกูลเจียงคนนี้ … หน้าตา … ดูมีความสุขล่ะ?”
คนที่พูดเป็นผู้ชายคนหนึ่ง และคำพูดของเขาคำนี้ ก็แสดงถึงความในใจของผู้ชายที่อยู่ตรงนี้ด้วย
ภรรยาของตัวเองคนอ่อนโยนเหมือนดั่งน้ำ ลูกสาวว่านอนสอนง่าย แข็งกระด้างกับโลกภายนอก แต่กลับเชื่อฟังตัวเขาเองมากอย่างไร้ที่เปรียบ คนหนึ่งเป็นภรรยา และอีกคนเป็นลูกสาว แถมยังไม่ทะเลาะกัน และเข้ากันได้ดี เป็นความสุขที่สุดในโลกของมนุษย์แล้วไม่ใช่เหรอ …
เฮ้อ เดิมทีชายหนุ่มที่ยังสงสารเจียงเหย็นเคอก็อิจฉาเขาขึ้นมาโดยทันที
คุณหญิงใหญ่เจียงถูกรายล้อมไปด้วยคนกลุ่มใหญ่
วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบเจ็ดสิบปีของเธอ ย้อนกลับไปตอนนั้นที่เธอดิ้นรนให้กำเนิดลูกชายทั้งสามคน สามีวัยรุ่นของเธอก็ทิ้งเธอและวิ่งหนีไป จากนั้นเธอก็เลี้ยงลูกทั้งสามคนขึ้นมาด้วยตัวเอง ตอนนี้ในที่สุดก็เห็นสำเร็จลูกชายตัวเองแล้ว แถมยังเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงวันเกิดที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ให้เธอด้วย หัวใจของเธอก็เต็มไปด้วยความสำเร็จ
แม้ว่าตอนเธอวัยรุ่นนั้น สามีของเธอจะทิ้งเธอและวิ่งหนีไป ทำให้เธอรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมโกรธและเสียใจ และน้อยใจมากๆด้วย แต่ในฐานะที่เธอเป็นแม่คนหนึ่ง เธอเป็นไปไม่ได้ที่จะทิ้งลูกของตัวเองและวิ่งหนีไป
ดังนั้นเธอจึงกัดฟันและเลี้ยงลูกทั้งสามคนแบบนี้มา
เจียงเสี่ยวไป๋รู้เรื่องเหล่านี้ และเคยได้ยินคุณพ่อของเธอพูดถึงเรื่องนี้ตั้งหลายครั้ง มันยากแค่ไหนที่ตอนนั้นคุณย่าของเธอเลี้ยงลูกทั้งสามคนด้วยตัวเอง
และด้วยเหตุนี้ ความประทับใจของเจียงเสี่ยวไป๋ที่มีต่อคุณย่าคนนี้จึงไม่เลวร้ายนัก
เธอก็มีความคิดที่ว่าผู้ชายสำคัญมากกว่าผู้หญิงฝังแน่นเกินไปเท่านั้น แต่ในอีกแง่หนึ่ง คุณย่าเจียงกลับเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง และยิ่งใหญ่คนหนึ่ง
ถ้าหาก หล่อนสามารถลดทิฐิเกี่ยวกับตัวเธอเอง คุณพ่อและคุณแม่ของเธอได้ก็จะดี
“ คุณแม่ เซียวหยู่และเสี่ยวไป๋มาแล้วครับ”
เจียงเหย็นเคอพาภรรยาและลูกสาวของตัวเองมาตรงหน้าของคุณหญิงใหญ่เจียง และยิ้มพูดตักเตือนหนึ่งประโยค
ภรรยาและลูกๆของพี่ชายคนโตและพี่ชายรองได้ทักทายคุณหญิงใหญ่เจียงกันเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พวกเขายืนอยู่ใกล้ๆ มองดูพวกเธอ
ตู้เซียวหยู่ในฐานะที่เป็นแม่ จึงอวยพรวันเกิดให้กับคุณหญิงใหญ่เจียงก่อน
ต่อมาก็เป็นเจียงเสี่ยวไป๋ ทั้งสองอวยพรวันเกิดอย่างเรียบง่าย ไม่เหมือนภรรยาของพี่ชายรอง อวยพรจนสามารถเรียกได้ว่าคุยโม้เป็นน้ำไหลไฟดับ
แม้ว่าคุณหญิงใหญ่เจียงจะไม่ชอบภรรยาและลูกสาวของลูกชายคนสุดท้อง แต่ถึงอย่างไรก็ตามวันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของเธอ ในสถานที่มีคนนอกตั้งมากมายหญิงชราอย่างเธอก็เข้าใจเป็นอย่างดี ในเวลานี้ก็ไม่ได้ถามว่าพวกเธออะไรไปโดยปริยาย ก็ทำท่าพยักหน้าอย่างเฉย ๆ ไม่ได้กระตือรือร้นเหมือนกับลูกชายคนโตและลูกชายคนที่สองแบบนั้น
หลังจากงานเลี้ยงฉลองวันเกิดเลิกงาน เจียงเสี่ยวไป๋และตู้เซียวหยู่ก็ตามไปยืนอยู่ข้างๆทุกคน
เจียงเหมยยืนอยู่ข้างๆคุณแม่ของตัวเอง ตอนที่เธออวยพรวันเกิดในเมื่อสักครู่นั้น เธอพูดนานมากๆ ทำเอา คุณหญิงใหญ่เจียงชอบใจมากๆ ที่พูดไปเยอะขนาดนั้นก็เพื่อที่จะให้คุณย่าชอบเธอมากขึ้นไปอีก
และความโมโหที่อึดอัดอย่างทรมานในวันนี้ที่ได้รับมาจากเจียงเสี่ยวไป๋ ก็ได้เตรียมตัวได้รับคืนจากคุณย่าทางนั้นแล้ว
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้คุณย่าจะไม่ยุ่งสองแม่ลูกคู่นั้นอย่างเจียงเสี่ยวไป๋ และไม่มีประโยคส่วนเกินใดออกมาสักประโยค จะเป็นไปได้อย่างไร?
เจียงเหมยไม่ยอมแพ้ ดังนั้นจึงมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ที่กลับเข้าไปยืน และออกจากแถวโดยทันที วิ่งไปข้างๆคุณหญิงใหญ่เจียงแล้วจับแขนของเธอ
“ คุณย่า เหมยเหมยมีเรื่องอยากจะบอกคุณค่ะ”
เมื่อเห็นเจียงเหมยจู่ๆก็วิ่งไปอยู่ข้างๆคุณหญิงใหญ่เจียง เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกเพียงแค่คิ้วกระตุก และมีลางสังหรณ์ที่ไม่ชัดเจนออกมาหนึ่งอย่าง
ยัยเจียงเหมยคนนี้ คงไม่อยากสร้างปัญหาในตอนนี้หรอกสินะ?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ในตอนที่เจียงเสี่ยวไป๋อยากจะพูดอะไรบางอย่างนั้น จู่ๆเจียงโย่วลูกชายคนโตของคุณป้าใหญ่ก็พูดว่า “เจียงเหมย วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณย่า แขกกำลังรออยู่นะ เธอมีอะไรพูด ก็ค่อยคุยกับย่าในภายหลังแล้วกัน”
เจียงเหมยไม่คิดว่าลูกพี่ลูกน้องจะรั้งเธอไว้ ก็เลยผงะไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ฉัน ฉันจะบอกคุณย่าตอนนี้ แค่ไม่กี่คำเท่านั้นเอง”
เจียงโย่วสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนักเอ่ยว่า “เป็นเรื่องแค่ไม่กี่คำเธอรอไว้พูดในภายหลังไม่ได้เหรอ ตอนนี้มีแขกมากมายขนาดนี้ หรือว่าจะให้ทุกคนรอเธอคนเดียว?”
เมื่อคุณหญิงใหญ่เจียงได้ยินสิ่งนี้ ก็เผยรอยยิ้มออกมา และตบไปที่มือของเจียงเหมย “เหมยเหมย มีอะไรจะพูดก็ค่อยพูดทีหลังแล้วกันนะ เธอกลับไปก่อน”
“ แต่ … ” เจียงเหมยไม่ยอมแพ้ จ้องเขม็งไปยังตำแหน่งของเจียงเสี่ยวไป๋
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋เห็นหล่อนมองมาทางตัวเอง ก็เลิกคิ้วและกะพริบตา มองไปทางเธอ
เมื่อมองปฏิกิริยาจากสายตาของเจียงเหมยนี้แล้วนั้น เป็นเพียงการแสดงพลังหนึ่งอย่าง ยั่วยุ ไม่นานเธอก็โกรธแล้ว พูดเสียงดังโดยทันทีว่า “เจียงเสี่ยวไป๋ นี่มันสายตาอะไรของเธอ?ฉันก็แค่อยากจะคุยกับย่าเท่านั้น เธอเห็นฉันถูกไล่ออกมา ก็ดูภูมิใจมากใช่ไหม ?”
เจียงเสี่ยวไป๋ “… ”
กลัวว่าเจียงเหมยจะไม่ใช่คนปัญญาอ่อนคนหนึ่งหรอกสินะ คุณหญิงใหญ่เจียงได้บอกให้เธอหยุดพูดแล้ว เห็นได้ชัดว่าให้ความสำคัญเกี่ยวกับงานเลี้ยงวันเกิดในวันนี้มาก
จะเพิกเฉยได้อย่างไร?
นี่เป็นครั้งแรกที่ลูกชายทั้งสามคนของตระกูลเจียงจัดงานเลี้ยงวันเกิดครั้งใหญ่ให้คุณแม่ของตัวเองเชียวนะ แถมยังเชิญผู้คนมาตั้งมากมาย คนนอกมีใครที่ไม่รู้ว่าคุณหญิงใหญ่เจียงรักหน้าตาและศักดิ์ศรีแค่ไหน และนี่เป็นวันเกิดอายุเจ็ดสิบปีของเธอ เจียงเหมยทำแบบนี้ก็เท่ากับว่าตบหน้าเธออยู่นะ
“ คุณย่า ฉันไม่ได้อยากจะบอกเรื่องอื่นอะไรคุณ ฉันก็แค่อยากจะบอกคุณว่า เสี่ยวไป๋เธอมากเกินไปแล้ว เรียนจบแล้วก็ไม่ออกไปทำงานหาเงิน อยู่บ้านแต่ในบ้านรอให้รอคุณลุงสามและคุณน้าสามเลี้ยงเธอทุกๆวัน คุณย่า เมื่อก่อนคุณเคยสอนพวกเราว่า เราต้องพึ่งพาอาศัยความพยายามของเราเองทุกเรื่อง ไม่ใช่อาศัยเพียงแค่พ่อแม่ใช่ไหมคะ? แต่ว่าเสี่ยวไป๋จำอะไรก็ไม่ได้เลยสักนิด สมัยเรียนก็ไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ ปัจจุบันออกงานสังคม เธอก็ยังคงไร้ประโยชน์ขนาดนี้ คุณย่า ในเมื่อวันนี้เธอมาแล้ว คุณก็ว่าเธอเยอะๆสักหน่อยสิคะ ถ้าเธอเป็นอย่างนี้ต่อไป ฉันรู้สึกสงสารคุณลุงสามและคุณน้าสามมากจริงๆเลยค่ะ … ”
ทุกคน “… ”
เจียงเสี่ยวไป๋ “… ”
เธอมองไปที่เจียงเหมยอย่างไร้คำพูด
ก่อนหน้านี้เธอยังคิดว่าเจียงเหมยยังมีสมองอยู่นิดหน่อย แต่วันนี้กลับมองไม่เห็นแล้ว อะไรที่เรียกว่าคนโง่ ขาดสติ
หล่อนจะต้องเกลียดตัวเธอเองมากแค่ไหนกัน ถึงได้รีบร้อนที่จะฟ้องเรื่องไม่ดีของเธอในตอนนี้จนกระทั่งเอาความผิดของตัวเองใส่เข้าไปในนั้นด้วย
เจียงเสี่ยวไป๋มือหนึ่งค้ำคางไว้ ท่าทางเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่