บทที่1334 ไม่โวยวาย
“ปล่อย”
เซียวซู่เอ่ยเสียงเย็นออกมา
เจียงเสี่ยวไป๋น้ำตาเอ่อออกมา “องค์ฮ่องเต้เกลียดหม่อมฉันหรือเพคะ? องค์ฮ่องเต้อย่าเกลียดหม่อมฉันเลยได้หรือไม่เพคะ? หม่อมฉันจะแปลงร่างให้กับพระองค์เถอะนะเพคะ?”
ยังจะมาแปลงร่างอีก เธอคิดว่าเธอเป็นอุลตร้าแมนหรือไง?
เซียวซู่จับคางเธอเอาไว้ โน้มเข้าไปกดเสียงต่ำพูดออกไป “เจียงเสี่ยวไป๋ ฉันไม่สนว่าเธอจะเมาหรือว่าอะไร แต่ถ้ายังมาทำตัวเมาแล้วเรื้อนอย่างนี้อีก ฉันจะทิ้งเธอไว้บนถนนแล้วไม่สนใจเธอแล้ว เชื่อมั้ย?”
ในตอนที่เขาโน้มตัวแนบชิดเข้ามา ก็แค่อยากให้เธอเห็นสีหน้าดุดันของตัวเองสักหน่อย แต่เจียงเสี่ยวไป๋นั้นเห็นได้ชัดว่าตกใจกับการที่จู่ๆถูกเขาโน้มตัวเข้าใส่อย่างนั้น จึงยืนแข็งค้างอยู่กับที่
เซียวซู่คิดว่าเธอได้ยินชัดเจนแล้ว ในตอนที่กำลังจะเตรียมถอยออกไป มือของเจียงเสี่ยวไป๋จู่ก็เข้ามาโอบรัดลำคอของเขาเอาไว้ แล้วจูบเข้ามา
ในตอนที่ริมฝีปากที่อ่อนนุ่มที่มีกลิ่นเหล้าฟุ้งประกบเข้ามา เรี่ยวแรงอันมหาศาล ทำเอาเซียวซู่ใจเต้นไม่เป็นจังหวะทำอะไรไม่ถูกขึ้นมา ผ่านไปสักพักใหญ่ๆก็ยังไร้การตอบสนองออกมา
จนในตอนที่เขามีการตอบสนองกลับมา ตอนที่กำลังคิดจะผลักเจียงเสี่ยวไป๋ออกไปนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้ถอยออกไปเอง จากนั้นก็มองไปยังเขา
“องค์ฮ่องเต้เพคะ อย่าทิ้งหม่อมฉันไปเลยนะเพคะ หม่อมฉันสำนึกผิดแล้ว~”
เซียวซู่ “…”
ที่แท้เมื่อกี้นี้ที่เธอจูบเขา ก็เป็นเพราะว่าได้ยินคำขู่พวกนั้นของเขา ก็เลย?
แต่…เซียวซู่ขมวดคิ้วแน่น นึกไม่ถึงว่าเมื่อกี้นี้เธอจะเข้ามาจูบเขา หรือริมฝีปากทั้งสี่แตะกันจำพวกนั้นได้
ก่อนหน้านี้ตอนที่ทั้งสองคนไปบ้านของเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะเคยจูบเขามาก่อน แต่ตอนนั้นจูบตรงมุมปาก ไม่เหมือนกับตอนนี้
ผู้หญิงคนนี้เมาแล้วอาการแย่มากเหลือเกิน เซียวซู่กำลังคิดอยู่ว่าจะคิดบัญชีกับเธอยังไง
ดวงตาของเจียงเสี่ยวไป๋กลับกะพริบตาปริบๆออกมาอีก ขนตายาวๆคู่นั้นเหมือนพัดเล็กๆสองอัน “องค์ฮ่องเต้ไม่พูด คือยังทรงกริ้วหม่อมฉันอยู่หรือเพคะ? งั้นหม่อมฉันจะจุมพิตพระองค์อีกครั้งดีมั้ยเพคะ?”
“ฉัน…”
คำพูดยังไม่ทันได้พูดออกมาจนจบ เจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้ก้าวเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว จูบลงไปบนริมฝีปากของเซียวซู่เบาๆ ดวงตาเป็นประกายออกมา เหมือนกับว่ากำลังขอรางวัลอยู่ไม่มีผิด
เซียวซู่โน้มตัวลง จ้องมองเจียงเสี่ยวไป๋ที่อยู่ใกล้กันมากๆด้วยสายตาที่แผดเผา น้ำเสียงแหบห้าว “เธอรู้หรือเปล่าว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่?”
เจียงเสี่ยวไป๋กะพริบตาปริบๆอย่างงงงวย แววตาใสซื่อไร้เดียงสา
“องค์ฮ่องเต้ไม่โปรดหรือเพคะ?”
ท่าทางที่ดูอ่อนหวานน่ารักของเจียงเสี่ยวไป๋ ความนุ่มนวลเย้ายวนใจที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมาก่อนในตอนนี้ได้เผยออกมา เธอทำให้คนอื่นเขาคิดไม่ถึงเลย
“งั้นองค์ฮ่องเต้ทรงชอบหม่อมฉันแบบไหน? หม่อมฉันจูบพระองค์อีกทีดีมั้ยเพคะ…”
เสียงของเธอเบาลงเรื่อยๆ ริมฝีปากแดงสวยเข้าใกล้ริมฝีปากเซียวซู่ขึ้นมาเรื่อยๆ เซียวซู่รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงขึ้น เหมือนราวกับว่ากำลังจะระเบิดออกมาก็ไม่ปาน
ในตอนที่เจียงเสี่ยวไป๋จะประกบลงมาบนริมฝีปากเขาอีกครั้งนั้นเอง เซียวซู่ก็ได้ดึงสติของตัวเองกลับมาได้ทัน แล้วได้เบือนหน้าออกไปอย่างรวดเร็ว
ริมฝีปากอ่อนนุ่มของเจียงเสี่ยวไป๋ประทับลงไปบนแก้มของเขา ใบหน้างงงวยไม่ได้ตอบอะไรออกไป เซียวซู่ถอยออกมาจากรถ จากนั้นก็ปิดประตูรถเสียงดังปังออกมา
เจียงเสี่ยวไป๋หน้าตื่นออกมาทันที นอนพิงไปบนหน้าต่างรถแล้วหันไปทางเซียวซู่แล้วตะโกนไปว่าอะไร
เซียวซู่อ้อมไปอีกทาง นั่งลงที่นั่งคนขับ เจียงเสี่ยวไป๋เดิมที่หน้าตื่นอยู่นั้นเอง เห็นเขากลับมา ก็เข้าไปจับมือเขาเอาไว้ทันที “ที่แท้องค์ฮ่องเต้ก็ไม่ได้จะทิ้งหม่อมฉันไป เมื่อครู่หม่อมฉันกลัวมากๆเลยเพคะ”
เซียวซู่ “…”
เขากวาดสายตามองเจียงเสี่ยวไป๋ไปอย่างหมดคำพูด ยกมือขึ้นมานวดขมับที่ปวดตุบๆขึ้นมาของตัวเอง เขาคิดว่าหลังจากกลับไปครั้งนี้จะย้ายทีวีออกไปทันที ผู้หญิงคนนี้จะได้ไม่ต้องดูซีรี่ส์เยอะเกินไป ครั้งนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับสงครามนางใน ครั้งหน้าไม่แน่ว่าอาจจะมีเรื่องภูติผีปีศาจหรือพวกปีศาจเริงระบำอะไรมาก็ได้
เขากดมือเจียงเสี่ยวไป๋ลง เอ่ยพูดเสียงเย็น “นั่งให้ดี”
เจียงเสี่ยวไป๋มองเขาอย่างน่าสงสาร
“ถ้ายังไม่นั่งให้มันดีๆอีกล่ะก็ ฉันจะโยนเธอออกไป”
เจียงเสี่ยวไป๋ยังคงมองเขามาอย่างน่าสงสาร
เซียวซู่เม้มริมฝีปากขบคิดอะไรบางอย่าง สมองของเธอในตอนนี้จะฟังไม่เข้าใจหรือเปล่า คิดอยู่เล็กน้อยจากนั้นก็เปลี่ยนคำพูด “ถ้าไม่นั่งให้ดีอีกล่ะก็ ฉันจะจับเธอขังตำหนักเย็นนะ”
และมันก็เป็นไปอย่างที่คิด เจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินคำพูดประโยคนี้ไปแล้ว แววตาก็มีความหวาดผวาแวบผ่านออกมา เก็บมือกลับไปอย่างตื่นตระหนก จัดท่านั่งไปด้วยความเรียบร้อย
อย่างที่คิดเข้าใจจริงๆด้วย…ตอนนี้เซียวซู่ก็ได้เข้าใจว่าตอนนี้แนวทางความคิดของเธอไม่ได้อยู่ในทางเดียวกันเลย
แต่เพียงไม่นานเซียวซู่ก็ได้รู้ตัวว่าตัวเองพูดอะไรออกไป เขาปวดหัวขึ้นมา นึกไม่ถึงว่าเขาจะถูกวางพิษเอาได้
สิ่งที่น่ายินดีเลยก็คือในระหว่างการขับรถต่อจากนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็เงียบมาตลอด ไม่เหิมเกริมออกมาอีก และก็ไม่ได้อาละวาดออกมาอีกเช่นกัน อยู่เงียบๆอย่างนี้ไปจนถึงบ้าน
แต่ทันทีที่ลงจากรถ เจียงเสี่ยวไป๋ก็วิ่งเหยาะๆมาอยู่ข้างๆเซียวซู่ กอดแขนเขาไม่พูดอะไรเลยสักคำ
เซียวซู่ก้มลงมองเธอ
เจียงเสี่ยวไป๋เองก็มองเขา ทั้งน่าสงสารและทั้งหมดหนทาง
ทั้งสองคนสบตากันอยู่สักพัก เซียวซู่ก็เหมือนกับว่าจะยอมแพ้กับการต่อต้านไป จูงเธอเดินขึ้นไปชั้นบน
คงเป็นเพราะคำพูดตอนที่อยู่บนรถเมื่อก่อนหน้านี้ ช่วงหลังมาเธอก็เลยสงบเสงี่ยมขึ้นมา ตอนที่เข้าประตูเมื่อเห็นการกระทำของเซียวซู่ผ่อนลง การกระทำเธอเองก็ผ่อนลงตาม ตอนเปลี่ยนรองเท้าก็ยังเอียงหน้ามองอุปกรณ์ภายในห้อง เหมือนกับเปลี่ยนเป็นคนละคนไม่มีผิด
เพราะว่าทั้งร่างของเธอเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นของเหล้า แล้วเมื่อกี้นี้ตอนที่ทนทรมานอยู่นั้นตัวเซียวซู่เองก็อาบไปด้วยเหงื่อทั่วทั้งร่าง เซียวซู่ก็เลยตัดสินใจที่จะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
แต่…แล้วมองดูเจียงเสี่ยวไป๋ที่เข้าห้องมาแล้วก็นั่งเรียบร้อยอยู่บนโซฟาอีกที เขาก็เริ่มหน่ายใจขึ้นมาอีกครั้ง ที่นี่เขาไม่ได้เตรียมห้องของเธอเอาไว้ หลังจากนั้นเธอก็ไม่นอนที่นี่เลย แต่ไหนแต่ไรมาเซียวซู่ก็อยู่คนเดียวมาตลอด ก็เลยไม่ได้เตรียมห้องนอนแขกเอาไว้
นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเมื่อเช้าเขาถึงอุ้มเธอเข้าไปนอนในห้องตัวเอง
ให้เขาพาคนเมากลับบ้านเธอไปไม่มีใครคอยดูแลมันก็ไม่ได้ เขารู้ว่าบ้านเธออยู่ที่ไหน แต่ดึกขนาดนี้ให้พาเธอกลับบ้านไป ถึงตอนนั้นวันต่อมาเจียงเสี่ยวไป๋มาคิดบัญชีกับเขาจะทำยังไง?
พอคิดก็ปวดหัวขึ้นมา เซียวซู่เดินเข้าไป เม้มริมฝีปาก จากนั้นก็เอ่ยพูดออกไป “ฉันจะไปอาบน้ำ เธอนั่งอยู่ที่นี่ดีๆล่ะ คอแห้งก็ดื่มน้ำสักหน่อย ง่วงก็นอนตรงนี้ไปก่อนสักพัก ห้ามเดินวุ่นไปไหน เข้าใจมั้ย?”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าอย่างว่าง่าย “น้อมรับบัญชาเพคะฝ่าบาท~”
เซียวซู่ “…”
เริ่มมาอีกแล้ว แต่เซียวซู่ก็ยังตกกระไดพลอยโจนตอบกลับไปอย่างไม่รู้ตัว “ถ้าเดินวุ่นล่ะก็จะจับเข้าตำหนักเย็น”
หลังจากที่เข้าห้องอาบน้ำไป เซียวซู่ก็ได้มองตัวเองในกระจก หลุดหัวเราะเจื่อนๆออกมา
เซียวซู่เอ๋ยเซียวซู่ ทำไมแกถึงเด็กอย่างนี้? แม้แต่คำว่าตำหนักเย็นอะไรจำพวกนี้ก็พูดออกมาได้?
ต่อจากนั้นเซียวซู่ก็ไม่ได้คิดวุ่นขึ้นมาอีก เพราะรู้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะต้องเชื่อฟัง เขาก็เลยอาบน้ำให้ตัวเองก่อน แล้วค่อยออกไป
อย่างที่คิดหลังจากที่เขาออกไปเจียงเสี่ยวไป๋ก็ยังคงนั่งสงบเสงี่ยมอยู่ตรงนั้นเหมือนเดิม แต่เห็นได้ชัดว่าเธอยังรักษาท่านั่งก่อนหน้านี้เอาไว้เหมือนเดิม ไม่ได้มีการขยับเขยื้อนอื่นใด
จะว่าไปแล้วเธอตอนนี้ได้คิดว่าตัวเองเป็น “หม่อมฉัน” แล้วคิดว่าเขาเป็น “ฮ่องเต้” จริงๆ
เห็นเซียวซู่ออกมา เจียงเสี่ยวไป๋ก็เผยสีหน้าคาดหวังออกมา แต่เซียวซู่ก็ไม่ได้สนใจเธอ แต่กลับเดินเข้าครัวไปรินน้ำส่งให้เธอ “ดื่มซะ”
“อ่อ” เจียงเสี่ยวไป๋รับแก้วน้ำมาอย่างว่าง่าย จากนั้นก็เงยหน้ากระดกเข้าไป
“รู้สึกไม่สบายหรือเปล่า?” เซียวซู่ถาม เธอดื่มเยอะขนาดนั้น ทั้งหน้าก็แดงไปหมด ทำไมถึงยังว่าง่ายอย่างนี้ได้? ไม่โวยวายออกมาเลย?