บทที่1549 เปิดเทอม
สิบสองปีต่อมา
ห้องรับแขกของตระกูลถางมีเสียงของหญิงวัยกลางคนก้องมา
“หยวนหยวน ลูกเสร็จหรือยัง? ทำไมเปลี่ยนเสื้อผ้านานขนาดนี้ ลูกแอบกินขนมอีกแล้วใช่มั้ย?”
“อึ่ม อึ่มเปล่าค่ะ หนูจะเสร็จแล้วค่ะ!”
คุณนายถางฟังเสียงนี้ปุ๊บ ก็อดกลอกตาขาวมองบนไม่ได้ บอกว่าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ไปแอบกินขนมจริงๆด้วย
ผ่านไปสักพัก ในที่สุดบนตึกก็มีเงาของถางหยวนหยวนโผล่มา เธอสะพายกระเป๋าวิ่งลงมา มุมปากซ้ายยังมีเศษขนมติดอยู่ ส่วนแก้มข้างขวายังมีเนยติดอยู่
“แม่คะ!”
คุณนายถางเห็นภาพนี้แล้ว ได้ส่ายหัวอย่างจนปัญญา ตะกละก็ไม่เช็ดปากให้สะอาด
“ไปแอบกินขนมมาใช่มั้ย?”
หลังจากถางหยวนหยวนยืนนิ่งที่ตรงหน้าเธอแล้ว คุณนายถางก็ได้ถามเธอ:“แอบกินขนมมาใช่มั้ย?”
“เปล่าค่ะ หม่ามี๊ หนูจะแอบกินได้ยังไงคะ?”
เพิ่งพูดจบ คุณนายถางได้ยื่นมือหยิบเศษขนมที่ติดอยู่มุมปากซ้ายของเธอ:“งั้นนี่คืออะไร?”
เห็นเศษขนมนั้น ถางหยวนหยวนกลอกตาไปมา จากนั้นได้ยิ้มแฉ่งพร้อมพูด: “หนูแค่แอบกินคุ๊กกี้ชิ้นเดียวเองค่ะหม่ามี๊”
“แล้วอันนี้ล่ะ?”
คุณนายถางก็ได้คว้านเนยที่ติดอยู่บนแก้มข้างขวาเธออีก
ถางหยวนหยวนเม้มปาก จากนั้นได้กัดริมฝีปากล่างไว้ และพูดอย่างกล้ำกลืน:“ขอโทษค่ะหม่ามี๊ หนูตะกละเกินไป คราวหน้าหนูจะระมัดระวังค่ะ!”
“เอาล่ะ กินก็กินไปแล้ว”คุณนายถางช่วยลูกสาวเช็ดเนยบนแก้มให้สะอาด และช่วยเธอจัดทรงผมไปครู่นึง: “ยัยเด็กคนนี้นี่นะ อายุสิบหกแล้ว ทำไมยังคุมตัวเองไม่ได้อีก ลูกดูเด็กผู้หญิงบ้านอื่นสิ รูปร่างผอมสูงหมด ลูกไม่อยากเป็นเหมือนพวกเธอรึไง?”
“อึ่ม”ถางหยวนหยวนก้มดูหุ่นตัวเองทีนึง กระพริบตาปริบๆแล้วพูด: “แต่หยวนหยวนต่อต้านสิ่งล่อใจจากของอร่อยไม่ได้นี่คะ สำหรับหยวนหยวนแล้ว ของอร่อยสำคัญกว่าค่ะ”
“ต่อไปถ้าลูกเจอผู้ชายที่ชอบลูกก็อาจจะไม่คิดแบบนี้แล้ว แต่ก็ยังโชคดีที่ลูกสาวแม่สวยตั้งเกิด ถึงจะอ้วนแต่ก็อ้วนได้น่ารักมาก~”
พอพูดจบ คุณนายถางได้หยิกแก้มของถางหยวนหยวน: “เอาล่ะ กระเป๋าไว้บนรถแล้ว ลุงจางจะเป็นคนส่งลูกไปโรงเรียนเอง”
ถางหยวนหยวนเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้:“อ้อใช่ พี่ชายได้โทรมาหาหยวนหยวนมั้ยคะ?”
“โทรมาแล้ว บอกว่าวันนี้จะไปช่วยลูกจัดเก็บ แม่ถึงได้บอกลูกไงว่าอย่าล่าช้า พี่เค้าเจียดเวลามาช่วยเชียวนะ แล้วก็ ลูกอย่าไปรบกวนคนอื่นบ่อยๆ”
“เป็นพี่ชายนี่คะ จะเป็นการรบกวนได้ยังไง?”
“ใช่ เป็นพี่ชาย แต่เขาเป็นพี่ชายแท้ๆของลูกมั้ย? เขาเป็นแค่คนที่โตมาพร้อมกับลูก มากสุดก็แค่ชายหญิงที่เล่นกันมาตั้งแต่เด็ก ไปรบกวนคนอื่นบ่อยๆ ถึงเวลาแฟนคนอื่นโกรธจะทำยังไง?”
ตอนที่ได้ยินคำว่าแฟน ถางหยวนหยวนเอียงศีรษะคิด:“ไม่หรอกค่ะ พี่ชายยังไม่มีแฟนค่ะ”
“ช้าเร็วก็ต้องมี คนอื่นเรียนปีสองแล้ว ใครจะเหมือนลูกเพิ่งจะขึ้นม.สี่เอง”
“อืม งั้นก็รอให้พี่ชายมีแฟนแล้วค่อยว่ากันสิคะ”
จากนั้นลุงจางได้ส่งถางหยวนหยวนไปที่โรงเรียน
ระหว่างทางที่ไปโรงเรียน ถางหยวนหยวนหยิบมือถือส่งวีแชทให้ยู่ฉือยี่ซู
{พี่ถึงโรงเรียนหรือยังคะ}
ยู่ฉือยี่ซูในนาทีนี้กำลังรับสายหานมู่จื่อแม่ของเขาอยู่ เขาที่สวมใส่เสื้อเบสบอลสีดำยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์ รูปร่างสูง คิ้วและตาคมเข้ม หน้าตาคมสันเหมือนดั่งแกะสลัก ความหน่อมแน้มในวัยเด็กได้จางหายไป เขาในตอนนี้เป็นหนุ่มอายุยี่สิบแล้ว
“อืม ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลยครับ แม่วางใจเถอะ ผมจะไปช่วยหยวนหยวนจัดเก็บเองครับ”
“ห้ามรังแกหยวนหยวนล่ะ”
“เหอะ”ยู่ฉือยี่ซูหัวเราะเบาๆเสียงนึง และพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ:“จะเป็นไปได้ยังไงครับ? โอ๋มาตั้งแต่เด็กจนโต ผมเคยรังแกอะไรเธอ? เอาล่ะ รถเมล์จะมาแล้ว ผมวางสายก่อนนะครับ”
พอพูดจบ ยู่ฉือยี่ซูเก็บมือถือ ความอบอุ่นของครอบครัวจางหายไป
ข้างกายเขามีผู้ชายคนนึงที่สูงพอๆกับเขา หน้าตาออกแนวสดใสร่าเริง เวลายิ้มยังเผยเขี้ยวออกมาสองซี่ เขายื่นมือพาดอยู่บนไหล่ของยู่ฉือยี่ซู: “คุณน้าก็โอ๋ยัยหนูตระกูลถางคนนั้นเกินไป ยังตั้งใจโทรมากำชับพี่โดยเฉพาะอีก”
จงฉู่เฟิง——เพื่อนของยู่ฉือยี่ซู ความสัมพันธ์ของทั้งสองซี้ปึ๊กมาก ตอนนี้ที่ทั้งสองอยู่ด้วยกัน สาเหตุเกิดจากอุบัติเหตุสมัยเด็ก
ตอนนั้นจงฉู่เฟิงเกิดอุบัติเหตุ ยู่ฉือยี่ซูที่เดินผ่านได้ช่วยเหลือเอาไว้ ต่อมาจงฉู่เฟิงก็บอกบุญคุณช่วยเหลือชีวิตใหญ่หลวงที่สุด ไม่มีอะไรสามารถตอบแทนได้ มีแต่เป็นเพื่อนที่ดีกับเขา จากนั้นก็ได้ติดตามยู่ฉือยี่ซูมาโดยตลอด
“ยัยหนูอายุยังน้อย ก็ควรจะโอ๋จริงแหละ”สีหน้าของยู่ฉือยี่ซูเรียบเฉย ค่อนข้างเย็นชา
“เฮ้อ พี่ว่าตอนนี้ยัยหนูคนนี้จะเป็นยังไงบ้างแล้ว? เธออายุสิบหกแล้ว คงไม่ใช่ยังอ้วนเหมือนเมื่อก่อนอีกมั้ง? ว่าไปแล้วหยวนหยวนยัยเด็กคนนี้หน้าตาน่ารักจริงๆ แต่ตะกละไปหน่อย”
คำพูดยังพูดไม่จบ จงฉู่เฟิงก็รู้สึกสายตาที่เย็นชาจ้องมาที่ใบหน้าเขา เขามองไปที่ยู่ฉือยี่ซู เห็นเขามีสีหน้าไม่สบอารมณ์ นี่ถึงได้รีบหยุดลงมา
“พี่ซู ฉันผิดไปแล้วๆ ฉันไม่ควรว่าเธออ้วน หยวนหยวนน่ารักมาก”
ทีนี้ยู่ฉือยี่ซูถึงพูดด้วยเสียงเย็นชา: “ต่อไปอย่าพูดคำพูดนี้ต่อหน้าเธอ ตอนนี้ยัยหนูโตแล้ว”
“รู้แล้วครับ พี่ซูสั่งการ ฉันจะไม่ทำตามได้ยังไง?”
ไม่นานรถเมล์ก็มาแล้ว ชายหนุ่มผอมสูงสองคนขึ้นรถพร้อมกัน ทันใดนั้นก็ได้ดึงดูดสายตาสาวๆมากมายบนรถเมล์ทันที
“หล่อจังเลย”
“ผู้ชายสองคนนี้เป็นนักเรียนของโรงเรียนไหนเนี่ย? เธอดูคนที่อยู่ข้างกระจกรถสิ หืม~หล่อจังเลย”
เพราะวันนี้เป็นวันเปิดเทอม ดังนั้นรถเมล์คันนี้มีนักเรียนอยู่ไม่น้อย หลังจากเห็นยู่ฉือยี่ซูกับจงฉู่เฟิง ต่างก็อดไม่ได้ที่จะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายพวกเขา
ยู่ฉือยี่ซูตระหนักอะไรได้ ขมวดคิ้วเล็กน้อยมองไปยังผู้หญิงที่ถือโทรศัพท์ไว้
จงฉู่เฟิงเดินไปที่ตรงหน้าของพวกเธอด้วยรอยยิ้ม:“น้องๆครับ ถึงพวกพี่จะหน้าตาหล่อมาก แต่ก็ถ่ายมั่วไม่ได้นะครับ”
สาวๆทั้งหลายถูกจงฉู่เฟิงว่าแบบนี้ปุ๊บ ก็หน้าแดงขึ้นมาทันที และเก็บมือถือ
“ขอโทษค่ะรุ่นพี่ งั้นพวกเราไม่ถ่ายแล้วค่ะ”
“อย่างนี้สิถึงจะเป็นรุ่นน้องที่ดี”
หลังจากแน่ใจว่าพวกเธอไม่ถ่ายอีก จงฉู่เฟิงก็ได้กลับมาที่ข้างกายของยู่ฉือยี่ซูพร้อมส่ายหัว: “ทุกครั้งออกมากับพี่ล้วนเด่นสะดุดตาขนาดนี้ พี่ว่าพี่มีหน้าตาแบบนี้ ไปเป็นดาราโดยตรงดีแค่ไหน? เรียนโรงเรียนตำรวจอะไร”
พอพูดจบ จงฉู่เฟิงก็ไม่รอให้ยู่ฉือยี่ซูพูด เขาก็ได้พูดโดยตรง:“เฮ้อ หน้าฉันหน้าตาดีเหมือนพี่ ฉันก็ไปเป็นดาราโดยตรงแล้ว พี่รู้หรือเปล่าว่าสังคมสมัยนี้มั้ยแตกต่างจากเมื่ออย่างสิ้นเชิงแล้ว คนเราถ้าหน้าตาดี แค่ไปยืนที่นั่นเรื่อยเปื่อย ก็มีคนมาเป็นแฟนคลับแล้ว”
“จะจบได้ยัง?”ยู่ฉือยี่ซูกวาดสายตาไปที่เขาทีนึง: “พูดมากทั้งวันเลย”
“ฉันพูดให้พี่ฟัง พี่ยังไม่ยอมฟังอีก?”
ติ๊ดๆ——
มือถือของยู่ฉือยี่ซูดังขึ้น
จงฉู่เฟิงเปลี่ยนมาตื่นเต้นกว่าเขาทันที:“เร็วๆ ยัยหนูตระกูลถางส่งวีแชทมาให้พี่แน่เลย รีบดูเร็วว่ายัยหนูคนนี้ส่งอะไรมา?”
“มันเกี่ยวกับนาย?”
“ก็ต้องเกี่ยวสิ”
จงฉู่เฟิงแสดงอาการได้เป็นมิตรไมตรีมากเป็นพิเศษ: “ฉันก็ถือว่าดูยัยหนูตระกูลถางโตมาแต่เด็กเชียวนะ!”