บทที่ 1670 กลายเป็นผู้ใหญ่
“แม่ ผมทำมาสองไส้ แล้วก็ต้มซุป จะกินตอนนี้หรือเดี๋ยวค่อยกิน? ”
“วางไว้ก่อนดีกว่า ตอนนี้แม่ยังไม่หิว พวกลูกกินก่อนเลย”
จงฉู่เฟิงมองไปทางถางหยวนหยวน แล้วพูดขึ้น “งั้นพวกนายกลับไปก่อน แล้วตอนเย็นก็ไม่ต้องมาแล้ว กินข้าวเสร็จก็ไปพักผ่อนซะ”
ฟังจบ คุณแม่จงรู้สึกสงสัย “แม่ให้เอาข้าวมาด้วยไม่ใช่เหรอ? ”
“เอาข้าวอะไรมา? คนเยอะ แต่ผมทำเกี๊ยวแค่สำหรับสองคนเท่านั้น”
หรือจะหมายความว่า เขาไม่ได้คิดว่าจะให้ยู่ฉือยี่ซูและถางหยวนหยวนอยู่กินด้วยแต่แรกอยู่แล้ว ความหมายในประโยคนั้นชัดเจนมาก
คุณแม่จงได้ยินเช่นนั้น อยากจะลุกขึ้นมาจากเตียง ตบเขาเข้าซักฉาด แล้วถามว่าในสมองคิดอะไรอยู่
แต่ว่าเพิ่งจะผ่าตัดไม่นาน และยู่ฉือยี่ซูกับถางหยวนหยวนยังอยู่ตรงนี้ จึงทนเอาไว้ แล้วพูดแบบยิ้มๆ ว่า “เจ้านี่ ยี่ซูกับหยวนหยวนมาเยี่ยมแม่ แถมยังดูแลแม่อีก ทำไมทำมาแค่นี้ล่ะ? เอาอย่างนี้ เอาเกี๊ยวไว้ที่นี่แหละ ตรงนี้แม่ก็ไม่ได้มีอะไรมาก เสี่ยวเฟิงลูกพายี่ซูกับหยวนหยวนออกไปหาอะไรกินกันสิ กินเสร็จแล้วค่อยกลับมา”
“ได้ไงล่ะ? ” จงฉู่เฟิงส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ “ทิ้งแม่ไว้ที่โรงพยาบาลคนเดียวไม่ได้”
“คุณป้า ไม่เป็นไรครับ พวกเรากลับไปทานที่บ้านได้ครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้พวกเราค่อยมาเยี่ยมใหม่นะครับ”
คุณแม่จงไม่รู้จะทำอย่างไร จึงได้แต่ตอบรับ
“อย่างนั้นก็ดีเลย เดินทางปลอดภัย ขับรถดีๆ ”
หลังจากรอพวกเขาจากไป คุณแม่จงจึงมองจงฉู่เฟิงด้วยสายตาติเตียน
“เจ้าโง่”
จงฉู่เฟิงไม่ได้ตอบอะไร เขาจงใจที่ทำเกี๊ยวแค่สำหรับสองคน ตอนที่ทำเสร็จแล้วยู่ฉือยี่ซูยังถามเขาว่า “ทำไมไม่ทำสำหรับสี่คนเลยล่ะ? ”
“ไม่จำเป็น” จงฉู่เฟิงเบะปาก “ถึงแม้ว่าฉันจะชอบเธอ แต่สำหรับฉันแล้ว ฉันอยากให้เธอมีความสุขมากกว่าเป็นเจ้าของเธอ”
หลังจากนั้น ยู่ฉือยี่ซูก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ตอนเดินออกมา ถางหยวนหยวนเดินตามหลังยู่ฉือยี่ซูพร้อมกับครุ่นคิด พี่ชายของเธอผอมอยู่เช่นนี้ตลอด ตอนเดินยังหลังเหยียดตรง เหมือนกับใจของเขาที่ซื่อตรง
เธอก็ชอบพี่ชายแบบนี้ แต่ว่า…
หลายคนบอกว่าเธอยังเด็กมาก อาจจะเป็นเพราะความรู้สึกยังดูไม่โตเต็มวัยนัก ต้องไปลองกับคนอื่นก่อน จึงจะรู้ถึงความรู้สึกของตัวเอง
เธอควรจะลองไหม?
เธอรู้สึกว่าตัวเองมั่นคงมาก แต่ว่าทุกคนที่คนรอบๆ ตัวเธอกำลังไปอีกทาง เธอก็เริ่มจะสงสัยว่าตัวเองทำผิดไปหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นทำไมทุกคนถึงบอกว่าเธอนั้นมีความคิดสวนทาง?
เพราะกำลังคิดเรื่องราวอยู่ ทำให้ถางหยวนหยวนค่อยๆ เดินช้าลงเรื่อยๆ ในหัวของเธอกำลังล่องลอย แม้แต่ยู่ฉือยี่ซูหยุดเดิน เธอก็ยังไม่รู้ จึงชนเข้าอย่างจัง
พลั้ก!
“กำลังคิดอะไรอยู่? ”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น ถางหยวนหยวนได้สติ จึงเงยหน้าขึ้นมา สบตาเข้ากับยี่ซู ยู่ฉือยี่ซูพอดี
“พี่? ”
“ตอนเดินยังเอาแค่คิดอยู่ได้ เดินชนคนอื่นขึ้นมาจะทำยังไง? ”
“ขอโทษค่ะ” ถางหยวนหยวนหลับตาลง “เมื่อกี้หนูคงเหม่อลอย ไม่ได้ตั้งใจค่ะ”
เธอก็ไม่ได้อยากจะคิดไปเดินไปแบบนี้ แต่มันคิดขึ้นมาเองตอนเธอเดิน หลังจากนั้นก็คิดไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นเช่นนี้
“ครั้งนี้ไม่เป็นไร มีพี่อยู่กับเธอ แต่หลังจากนี้ถ้าอยู่คนเดียวอย่าเป็นแบบนี้ มันอันตรายนะ”ยู่ฉือยี่ซูพยายามจะบอกเธอว่าเดินคนเดียวมันอันตราย น้ำเสียงอ่อนโยนมาก “อย่างเช่น บนทางม้าลายถ้าเธอยังไม่มีสติแบบนี้ เธอคิดว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น? ”
ถางหยวนหยวนกำลังจะตอบ แต่ถูกเขาพูดแทรกขึ้นมาก่อน “ผลที่ตามมาเราสามารถคาดเดาได้ ดังนั้นเวลามีเรื่องอะไรก็ตาม ห้ามคิดตอนเดินกับตอนขับรถ รอจนทำอะไรเรียบร้อยเสียก่อนค่อยคิด ถ้าหากหยุดคิดไม่ได้จริงๆ ก็หยุดยืนคิดตรงนั้นก่อน รู้ไหม? ”
พูดจบ ยู่ฉือยี่ซูลูบหัวเธอเบาๆ ทีหนึ่ง
“รู้แล้วค่ะพี่” ถางหยวนหยวนกำลังคิดว่าจะยื่นมือไปจัดเสื้อผ้าให้เขา ตอนที่กำลังยื่นมือออกไป พลันนึกถึงความคิดของตัวเองเมื่อกี้ขึ้นมา ก็ชะงักมือแล้วหดกลับเข้ามาที่ข้างลำตัวเช่นเดิม
ภาพทั้งหมดอยู่ในสายตาของยู่ฉือยี่ซู เขาชะงักไป ในใจรู้สึกเหมือนกับมีมดกัด
“ไปเถอะ ตอนกลางวันอยากกินอะไร? ”
ถึงแม้ว่าจะไม่คิดแล้ว แต่ถางหยวนหยวนยังคงมีความคิดตีกันมั่วไปหมด จึงตอบกลับแบบมั่วๆ “หนูกินอะไรก็ได้”
“เหนื่อยแล้วรึเปล่า? ”
“หะ? ”
“ให้ไปส่งกลับบ้านไหม? ”
กลับบ้านเหรอ? ถางหยวนหยวนกำกระโปรงแน่น พี่ไม่อยากกินข้าวกับฉันเหรอ?
เธอมีความคิดขึ้นมาวูบหนึ่ง แล้วก็พยักหน้า “ค่ะ กลับบ้านกัน”
“อืม กลับบ้านกินข้าว พักผ่อนดีๆ ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว”
“พี่ พรุ่งนี้พวกเรายังจะมากันอีกไหม? ”
“ไม่อยากมาแล้วเหรอ? ”
“เปล่าค่ะ” ถางหยวนหยวนส่ายหน้า “แค่รู้สึกว่าคุณป้าจงเขาแปลกๆ ”
เดิมเธออยากจะไปดูแลแม่ของฉู่เฟิง แต่วันนี้หลังจากที่เธอพูดสิ่งเหล่านั้น ถางหยวนหยวนจึงรู้สึกแย่ ถ้าหากแม่ของฉู่เฟิงมองเธอในฐานะสะใภ้ล่ะก็ เธอคงจะทำให้เธอผิดหวัง
ได้ยินเช่นนั้น ยู่ฉือยี่ซูจึงหยุดเดิน “คุณน้าเพิ่งจะผ่าตัดเสร็จ คงจะคิดไปเรื่อยเป็นธรรมดา ตอนนี้คงจะพูดอะไรแปลกๆ ไปบ้าง อย่าคิดมากเลย”
“แต่ว่า ถ้าหากเธอบอกว่า อยากให้ฉันกับพี่ฉู่เฟิงคบกันล่ะ? ”
ยู่ฉือยี่ซูหยุดฝีเท้าลง ถางหยวนหยวนก็หยุดลง คนมากมายบนทางเดินเดินผ่านไปมา ถางหยวนหยวนตั้งใจจ้องตายู่ฉือยี่ซู
“พี่ พี่คิดแบบพวกเขาใช่ไหม คิดว่าฉันยังอายุน้อย ความคิดความอ่านยังไม่โตพอ จึงไม่อยากคบกับฉัน? คิดว่าฉันจะเสียใจภายหลังใช่ไหม? ”
ไม่คิดว่าเธอจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ยู่ฉือยี่ซูลูบหัวเธอเบาๆ “คิดอะไรอยู่น่ะ? เหนื่อยมาแล้วทั้งวัน ไม่อยากกลับไปพักเหรอ? ”
“พี่ อย่าเปลี่ยนเรื่องค่ะ หยวนหยวนกำลังตั้งใจถามอยู่”
ท่าทางที่ต้องการจะถามจนชัดเจนของเธอนั้น ยู่ฉือยี่ซูจึงต้องเดินจูงมือเธอมาที่เงียบๆ “สงบสติหน่อย”
ถางหยวนหยวนขอบตาแดงก่ำ เธอรู้ดีว่าตัวเองทำเกินไป แต่ช่วงนี้คนพูดเรื่องนี้กับเธอเยอะมาก จนเธอเริ่มสงสัยในตัวเอง
“กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ เราไว้ค่อยคุยเรื่องนี้กันนะ? ”
ถางหยวนหยวนไม่ตอบอะไร เธอหลับตาลง ท่าทางดูน่าสงสาร แล้วจึงค่อยๆ พยักหน้า
ระหว่างทางขณะกลับไปนั้น บรรยากาศระหว่างทั้งสองตึงมาก ถางหยวนหยวนนั่งพิงกับกระจกแล้วหลับไป ไม่คุยกับยู่ฉือยี่ซู และยู่ฉือยี่ซูก็ไม่กล้าจะรบกวนเธอ
รอจนกระทั่งถึงบ้าน ถางหยวนหยวนค่อยลืมตาขึ้นมา เธอปลดเข็มขัดนิรภัยพลางพูดขึ้น “พี่ ฉันรู้แล้วว่าพี่คิดอย่างไร ฉันก็จะคิดให้ดีเหมือนกัน ในเมื่อตอนนี้พี่ก็คิดว่าฉันยังไม่โตพอ ฉันก็จะทำให้พี่ดูค่ะ”
พูดจบ ก็ไม่ได้รอจนเขาตอบตกลง ก็จากไปทันที