ในเวลานี้เขาเพิ่งจะลงจากเครื่องมา ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน
เขาไม่คุ้นเคยกับเมืองC ไม่เคยจะมาก่อนเลย
จงจิ่งห้าวบอกว่าฉันอยู่ที่เมืองC ซูจ้านรีบเอ่ยออกไปทันทีว่า “มารับฉันที่สนามบิน”
ทางนี้เขาไม่มีเพื่อนและก็ไม่มีญาติอยู่ด้วย ทำได้แค่เพียงต้องพึ่งจงจิ่งห้าวเท่านั้น
จงจิ่งห้าวยกมือขึ้นมาดูเวลา แล้วบอกไปว่า “ฉันจะไปถึงอีกสิบนาที”
พูดจบเขาก็วางสายไป
เขามาถึงสนามบินก็โทรหาซูจ้าน ให้เขาออกมา วันที่อากาศร้อนมากอย่างนี้เขาไม่ว่างจะลงไปหาใครหรอก
เพียงไม่นานซูจ้านก็เดินออกมาจากสนามบิน เจอรถของเขาก็เปิดประตูเข้ามานั่ง ไม่พูดพร่ำทำเพลงถามเข้าประเด็นออกมาทันที “นายเจอพี่สะใภ้แล้ว?”
ไม่อย่างนั้นอะไรกันที่จะสามารถทำให้เขาวิ่งแจ้นมาถึงที่นี่อย่างมุ่งมั่นไม่กลัวเหนื่อยอย่างนี้ได้?
นอกจากหลินซินเหยียนที่จะมีแรงดึงดูดนี้ต่อเขา
จงจิ่งห้าวสายตาจริงจัง น้ำเสียงเรียบนิ่ง “ทำไม มาหาฉันก็เพื่อตั้งใจจะมาถามคำถามนี้กับฉัน?”
“เปล่า ไม่ใช่นะ” ซูจ้านรีบอธิบายออกมาทันที “เสิ่นเผยซวนไม่ใช่ว่ายุ่งอยู่หรือไง ฉันไม่มีใครเล่นด้วย ก็เลยมา”
“งั้นเหรอ?” จงจิ่งห้าวเห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ เป็นเพื่อนกันมานานขนาดนี้แล้ว ความคิดนั้นของเขามันปิดใครไม่ได้
เขาไม่บอกซูจ้าน ไม่เพียงแต่จะเป็นเพราะว่ารับปากฉินยาเอาไว้แล้วว่าจะบอกเขาไม่ได้ อีกอย่างในใจเขาก็มีความกังวลอยู่บ้าง
ความสัมพันธ์ของหลินซินเหยียนกับฉินยาไม่ธรรมดาเลย ถึงยังไงซูจ้านก็ทำฉินยาเจ็บไปไม่น้อยเลย เขาพูดไปอย่างนี้ ถ้าเกิดซูจ้านทำอะไรโดยที่ไม่คิดถึงผลที่จะตามมาอีก จะพาเขาซวยไปด้วย
ซูจ้านในตอนนี้ถ้ารู้ว่าในใจของจงจิ่งห้าวกำลังคิดอะไรอยู่ จะต้องตะโกนออกมาดังๆว่าเห็นเมียดีกว่าเพื่อน ฉันจะเลิกคบกับนาย!
เอาแค่เมีย ไม่เอาเพื่อนแล้วใช่มั้ย?
แน่นอนว่าถึงแม้ว่าซูจ้านจะรู้ เขาเองก็จะเลือกเมียก่อนอยู่แล้ว จากนั้นค่อยเลือกเพื่อน
อืม ในใจเมียนั้นสำคัญที่สุด
เพราะถึงยังไงก็ร่วมเรียงเคียงหมอนด้วยกันกับเขา คนที่อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าก็เป็นเมีย เขาเชื่อว่ารอให้ซูจ้านกับเสิ่นเผยซวนมีคนที่รักด้วยเหมือนกัน หลังจากนี้เมียก็เป็นคนที่สำคัญกว่าเหมือนกัน
ซูจ้านพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ดูจริงจัง “พูดจริงๆเลยนะ นายเจอพี่สะใภ้แล้วจริงๆเหรอ?”
จงจิ่งห้าวส่งเสียงอืมออกมา
ในขณะที่ตกใจอยู่นั้นซูจ้านก็ยังคาดหวังอยู่ด้วย เขาเอ่ยยิ้มๆออกมา “คืนดีกันแล้ว?”
เพียงแต่คำพิพากษาของเหวินชิงยังไม่มีการตัดสินออกมา กลับไปเมืองB ได้ยินข่าวเข้า ในใจของหลินซินเหยียนจะไม่สบายใจเอาหรือเปล่า?
ไม่ว่าจะยังไงเหวินชิงก็เป็นลุงของเธอนั่นเป็นความจริง
สีหน้าของจงจิ่งห้าวครึ้มลงหลายส่วน เอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “ไม่ เธอไม่รู้ว่าฉันอยู่ที่นี่”
ซูจ้าน “…”
นี่มันหมายความว่าอะไรกัน?
หลินซินเหยียนไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ แล้วเขาอยู่ที่นี่ไปเพื่ออะไร? เป็นพวกถ้ำมองที่วันๆนึงเอาแต่แอบมองอยู่อย่างนั้น?
นั่นมันไม่ใช่โรคจิตหรือไง?
“นายเตรียมจะทำอย่างนี้ไปนานแค่ไหน?” ไม่มีทางจะหลบซ่อนอยู่ตลอดหรอกมั้ง
ความคิดของจงจิ่งห้าวไม่ต่างไปจากซูจ้านเลย ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาอยากเจอหลินซินเหยียน ยังไงมันก็ต้องรอจนกว่าเรื่องของเหวินชิงจบสิ้นให้หมดเสียก่อน ตอนนี้มันไม่ใช่โอกาสที่ดี ใกล้ๆเขาสามารถมองเห็นลูกทั้งสองคนได้ และยังสามารถมองเห็นเธอได้ เพื่อเลี่ยงความทรมานจากไข้ใจ
“รออีกหน่อยเถอะ”
ซูจ้านพยักหน้าออกมา แต่เขาจะทำยังไงกันล่ะ? จงจิ่งห้าวกับหลินซินเหยียนไม่เจอกัน เขาจะไปถามหลินซินเหยียนเรื่องฉินยาได้ยังไง นี่มันก็นานมากแล้ว ครั้งที่แล้วเธอบอกว่าฉินยาฟื้นตัวมาได้ดีมาก ตอนนี้ออกจากโรงพยาบาลไปแล้วหรือยัง?
“เอ่อ ฉันไปเจอพี่สะใภ้ได้หรือเปล่า?” ซูจ้านถามออกมาอย่างระมัดระวัง
ความสัมพันธ์ของเขากับจงจิ่งห้าว ถ้าเขาไปเจอหลินซินเหยียน มันไม่ได้ต่างไปกับว่าจงจิ่งห้าวรู้แล้วเลย เพราะถึงยังไงความสัมพันธ์มันก็จัดวางมาเป็นแบบนี้แล้วนี่
เขาจะไปอธิบายว่ารู้ที่อยู่ของเธอได้ยังไง?
ด้านในนี้มันมีหลากหลายปัญหา ไม่คิดหาคำแก้ตัวให้ดีๆก่อนก็ไม่อาจจะบุ่มบ่ามไปหาได้
จงจิ่งห้าวทอดทิ้งเขา รู้จักกันมานานขนาดนี้แล้วยังไม่รู้ได้อีกเหรอว่าในใจเขากำลังคิดอะไรอยู่?
เขามาครั้งนี้ไม่ใช่ว่าอยากจะรู้ที่อยู่ของฉินยา แต่ที่นี่กำลังเจ้าเล่ห์กับเขาอยู่
“ฉินยาออกจากโรงพยาบาลแล้ว”
เพื่อที่ซูจ้านจะได้ไม่ไปหาฉินยา เพื่อความสุขของซูจ้าน เขาเลยเตือนไปคำนึง
หวังว่าเขาจะสามารถเข้าใจมันได้
ซูจ้านได้ตื่นตัวขึ้นมาทันที “แล้วเธอไปไหนแล้ว? กลับประเทศไปแล้วเหรอ? แต่ร้านเสื้อผ้าที่เมืองBปิดไปแล้วไม่ใช่เหรอ? เธอไปไหนล่ะ?”
จงจิ่งห้าวเงียบไม่พูดอะไรออกมา หวังว่าเขาจะสามารถคิดไปยังหลินซินเหยียนได้ด้วยตัวเอง
ซูจ้านคิดพิจารณาไปรอบด้าน “หรือว่าจะกลับประเทศAไปแล้วงั้นเหรอ?”
เพราะถึงยังไงเธอก็กลับมาจากที่นั่น
จงจิ่งห้าวส่งเสียงเฮอะเสียงเย็นออกมา แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยคิดว่าซูจ้านจะสามารถโง่ได้ถึงขนาดนี้มาก่อน
เขาอยากเคาะหัวของซูจ้านออกมาดูจริงๆเลยว่าด้านในใส่อะไรเอาไว้
“จะเป็นไปได้หรือเปล่าว่าจะไปหาพี่สะใภ้? แต่ร้านเสื้อผ้าของสะใภ้ก็ปิดไปแล้ว เธอมาแล้ว จะทำอะไรได้อีกล่ะ?” ซูจ้านคิดถึงความเป็นไปได้ ในขณะเดียวกันหลังจากที่ได้ครุ่นคิดอยู่ในใจว่าเธอมาหาหลินซินเหยียนแล้ว เธอจะทำอะไรได้อีก นี่เกี่ยวโยงกับความเป็นไปได้ที่เธอเหลือทิ้งเอาไว้
เพราะถึงยังไงเธอก็ไม่มีทางจะเที่ยวเล่นอยู่ทางนี้ หลินซินเหยียนท้องอยู่ แล้วยังต้องเลี้ยงลูกทั้งสองคน ว่างก็ไม่แปลก แต่เธอจะต้องเป็นคนที่ไม่สามารถอยู่ว่างๆได้อย่างแน่นอน
เขายิ่งคิดมันก็ยิ่งเตลิดไปไกล
จงจิ่งห้าวไม่อยากจะพูดกับเขาแล้ว โง่เง่าเสียไม่มีขอบเขตเลย
ซูจ้านเองก็หงุดหงิดขึ้นมาเหมือนกัน จับผมตัวเอง “ฉันจะไปหาจากที่ไหน? นายรู้หรือเปล่า?”
ทันใดนั้นเองซูจ้านก็หันไปมองเขา เมื่อตอนนั้นโรงพยาบาลที่เขาจัดเตรียมเอาไว้ ต่างก็รู้กันทั้งนั้นว่าฉินยาออกจากโรงพยาบาลแล้ว จะต้องรู้แน่ว่าเธอไปอยู่ที่ไหนแน่ๆเลยล่ะมั้ง?
เขาเปลี่ยนมามีอาการตื่นเต้นดีใจขึ้นมา ดวงตาทั้งสองข้างเป็นประกายออกมา “นายรู้ใช่มั้ย?”
สีหน้าของจงจิ่งห้าวเปลี่ยนไปอย่างไม่เป็นธรรมชาติ เพราะถึงยังไงเป็นเพื่อนรักกัน โกหกไปอย่างไม่มีความละอายใจ ก็อดเห็นใจขึ้นมาไม่ได้เลยจริงๆ
“นายพูดสิ” สายตาของซูจ้านรีดเค้นหาความจริงขึ้นมา เขาลังเลไป ก็รู้เองราวเบื้องลึกเบื้องหลังมาบ้างแล้ว “นายรีบบอกฉันมาเร็ว ฉันจะได้ไปตามหาเธอ ฉันยอมให้เธอลงโทษ และจะไม่มีทางทำอะไรโดยที่ไม่คิดถึงผลที่จะตามมาเป็นอันขาด”
“ซูจ้านเอ๋ย” ในใจของจงจิ่งห้าวต่อสู้กันอยู่หลายครั้ง แต่ไม่พูดดีกว่า เพราะถึงยังไงเขาก็รับปากฉินยาไปแล้ว ไม่อาจกลับคำได้ แต่ว่าถ้าซูจ้านค้นพบขึ้นมาได้เอง อย่างนั้นเขาก็ไม่ได้กลืนน้ำลายตัวเองแล้ว
“เธอออกจากโรงพยาบาล ไปที่ไหนจะบอกฉันได้ยังไง?” น้ำเสียงสีหน้าของเขาต่างก็สงบนิ่งอย่างมาก ในทางการค้าสามารถจัดการได้อย่างดีมาก ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องเล็กๆอย่างนี้ จะมาทำแผนเดิมที่วางเอาไว้ของเขายุ่งวุ่นวายไปได้ยังไง?
ซูจ้านเหมือนกับลูกบอลหนังที่แก๊สรั่วออกมา พิงเข้ากับเก้าอี้ไปด้วยร่างกายที่อ่อนปวกเปียก
“ตอนนี้พวกเราไปโรงแรม ตอนเย็นฉันเลี้ยงข้าวนาย” เขาพักอยู่ที่ในโรงแรมของเมืองCชั่วคราว ใจก็ได้สื่อไปยังซูจ้าน เย็นนี้เขาอ้างว่าจะดูลูก ให้ฉินยาพาลูกออกมา อย่างนี้แล้วซูจ้านก็มาเจอฉินยาอีกที ก็คงจะสังเกตเห็นอะไรได้บ้าง
ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์จะเปลี่ยนไป เสียงเปลี่ยนไป ไม่เหลือภาพลักษณ์เดิม แต่ยังไงก็เป็นคนที่ชอบ จะต้องรู้สึกอะไรบ้างแหละมั้ง?
ถ้าอย่างนี้แล้วซูจ้านยังไม่ค้นพบอะไรขึ้นมาได้อีก เขาก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ไม่มีอะไรจะทำแล้ว เขาเองก็ช่วยได้เท่านี้
ซูจ้านไม่มีกะจิตกะใจอะไร “จัดการได้ตามใจนายเลย”
ตอนเย็น ฉินยากับหลินซินเหยียนกลับมาจากร้าน ความสำเร็จของนิทรรศการ มันบุกเบิกเข้าตลาดผ้าไหมกวางตุ้งได้อย่างรวดเร็ว เอามันที่ตกต่ำไปกลับมาสู่สายตามวลชนอีกครั้ง
《เมฆาในคืนจันทรา》ที่เธอสร้างมาตั้งอยู่ที่เมืองC
เพราะว่าวันนิทรรศการวันนั้นได้รับคำสั่งซื้อของผ้าไหมกวางตุ้งมามากมาย และก็ยังมีผู้ที่แสดงความต้องการชุดแต่งงานพวกนั้นด้วยอีก
คลื่นกระแสสังคมรูปแบบจีนสมัยใหม่ในประเทศกำลังมา
แต่ของพวกนั้นมันไม่ได้ขายทั้งนั้น สิ่งที่สามารถเอามาวางโชว์ในร้านได้ ยิ่งเป็นของที่ไขว่คว้ามาไม่ได้มันก็จะยิ่งดี ด้านหนึ่งก็เพื่อดึงดูดลูกค้า อีกด้านหนึ่งก็เพื่อจะได้ครองสิทธิ์ในการชักนำเองขึ้นมา สิ่งพวกนี้เป็นสิ่งที่เธอสร้างขึ้นมา หลังจากนี้แบบที่คล้ายคลึงกันที่ปรากฏออกมาอีกมันก็ล้วนจะเป็นของเลียนแบบละเมิดลิขสิทธิ์ทั้งนั้น
ชุดแต่งงาน12ชุดนั้นไม่ได้ขาย แต่ก็สามารถสั่งซื้อได้ ออกแบบชิ้นใหม่ตามความต้องการได้
กลับมาถึงที่พักรับลูกทั้งสองคนกลับมาแล้ว หลินซินเหยียนรู้สึกเหนื่อย อยากจะพักผ่อนสักแป๊บนึง หลังจากที่เข้าห้องนอนไปแล้ว เธอยืนอยู่ที่ตรงหัวเตียง คิ้วย่นเข้าหากันแน่นพลางจ้องมองผ้าปูที่นอนที่ยุ่งไปหมด
ตอนเธอไปก็ได้ปูเอาไว้อย่างเรียบร้อย แต่ตอนนี้มองดูแล้วมันเหมือนถูกนอนมาก่อนเลย
ตอนกลางวันเธอไปโรงพยาบาล ตอนบ่ายเธอไปที่ร้านฉินยาก็ตามเธออยู่ตลอด เด็กทั้งสองคนก็ไปโรงเรียน ตอนกลางวันที่บ้านไม่มีใคร แต่ทำไมเตียงถึงได้ยุ่งได้ล่ะ?
ใครนอน?
ฉินยาเตรียมจะไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าที่ชุ่มเหงื่อบนร่างออกไป แต่สุดท้ายก็ได้รับข้อความจากจงจิ่งห้าวให้เธอพาเด็กทั้งสองคนออกไป
เธอเอาลิ้นแตะไปที่เพดานปาก ในใจก็รู้สึกเห็นใจผู้ชายคนนี้อยู่สองวิ คิดว่าเขาน่าสงสารมากเลย จะหาลูกก็ต้องหลบๆซ่อนๆ เธอเก็บความคิดที่จะอาบน้ำไป ออกไปกินข้าว กลับมาก็ยังต้องอาบอีก เลยถือโอกาสรอค่อยกลับมาแล้วค่อยอาบอีกทีเสียเลย
เธอเดินไปที่ประตูห้องของหลินซินเหยียน “วันนี้ฉันพาเด็กทั้งสองคนออกไปกินข้าว เธออยากกินอะไร ฉันจะซื้อกลับมาให้เธอ เย็นนี้พวกเราไม่ทำอาหารกัน”
พาเด็กๆออกไป เธอจะต้องบอกหลินซินเหยียนสักหน่อย
ฉินยามักจะพาเด็กๆออกไปกินข้าวอยู่เป็นประจำ หลินซินเหยียนไม่มีอะไรให้ต้องเปลกใจ ก็แค่บอกไปว่าได้ “เสี่ยวยา วันนี้เธอได้กลับมาหรือเปล่า?”
ฉินยาพิงเข้ากับขอบประตู พลางส่ายหน้า “ไม่ใช่ว่าฉันอยู่กับเธอทั้งวันหรือไง?”
“ฉันจำได้ว่าตอนที่ฉันไป เตียงได้ปูเอาไว้เรียบร้อยดีแล้ว ตอนนี้ทำไมมันถึงได้ยับยุ่งไปเสียแล้ว?”