กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม – บทที่ 468 มีแค่เรายังไม่พออีกหรอ

บทที่ 468 มีแค่เรายังไม่พออีกหรอ

หลินซินเหยียนเอี้ยวตัวมาดูข้อความในกระดาษ หลินซีเฉินกับหลินลุ่ยซีเปลี่ยนแค่นามสกุลเป็นจง ส่วนชื่อยังเหมือนเดิมเพียงแค่ตรงกลางเปลี่ยนเป็นเหยียน สรุปแล้วได้ออกมาว่าจงเหยียนเฉินกับจงเหยียนซี

เธอเอียงหัวมองเขา ขนตาของเขามีเส้นหนาและยาวมาก ส่วนใบหน้าด้านข้างของเขาก็ดูขาวเนียนนุ่มละมุมและอ่อนโยนราวกับหยกเลย

จงจิ่งห้าวก้มลงมาหอมแก้มเธอเบาๆ จากนั้นก็เอ่ยขึ้น“แบบนี้ดีไหม มีทั้งผมและคุณอยู่ด้วยกัน”

หลินซินเหยียนพูดเออออไปตามเขา“ดีค่ะ”

โคมไฟคริสตัลที่ห้อยอยู่บนเพดานส่องแสงสีเหลืองอ่อนออกมา มันให้บรรยากาศที่เงียบสงบและอบอุ่นมาก

ทั้งสองต่างก็เงียบ ได้แต่กอดกันกลม ทว่าหลินซินเหยียนกลับทำลายบรรยากาศความเงียบนี้โดยการเอ่ยพูดขึ้นก่อน“พรุ่งนี้คุณยุ่งไหม?”

“หืม?”เขาก้มมองเธอ

หลินซินเหยียนเงยหน้าขึ้น พร้อมกับเอาปลายจมูกถุไปมาตรงบริเวณใต้คางของเขาแล้วมองเขาด้วยท่าทีออดอ้อน“ฉันอยากให้คุณอยู่กับฉัน ฉันรู้สึกไม่ยุติธรรมเลยตั้งแต่แต่งงานกับคุณ ฉันได้แต่มีลูกให้คุณ พวกเราแทบไม่เคยไปเดินช้อปปิ้งด้วยกัน และไม่เคยไปเที่ยวสองต่อสองด้วยกัน แม้แต่ดูหนังด้วยกันก็ยังไม่เคยทำเลย ฉันมาคิดดูแล้วฉันเป็นคนเสียเปรียบอยู่ตลอดเลยนี่นา”

รอยยิ้มที่ไม่อาจเห็นได้บ่อยผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเขา เขาเอ่ยขึ้นเบาๆ“มีแค่ผมกับคุณมันยังไม่พออีกหรอ?”

“ถ้าคุณไม่มีเวลา ฉันจะออกไปหาผู้ชายหล่อๆแล้วกัน โอ๊ย……”

เธอยังไม่ทันพูดจบ จงจิ่งห้าวก็กัดเข้าที่ไหล่ของเธออย่างแรงราวกับว่านี่เป็นการตักเตือนและลงโทษ บนไหล่ของเธอเกิดเป็นรอยฟันของเขาทันที“ลองไปหาดูสิ?”

หลินซินเหยียนขมวดคิ้วขึ้นด้วยความเจ็บ ขนาดเธอไม่เห็นเธอยังรู้เลยว่าที่ไหล่เธอต้องมีรอยกัดของเขาเป็นรอยลึกแน่ๆ เธอโอบคอของเขาลงมา“นี่คุณโกรธฉันมากขนาดไหนเนี่ย อยากจะกัดฉันให้ตายเลยรึเปล่า?”

เขาไม่ได้ขัดขืนหรือผละออกทว่ากลับพูดขึ้นอย่างเคืองๆ“ไม่ต้องห่วง คุณจะไม่ตายก่อนผมหรอก เพราะถ้าต้องตายล่ะก็ผมขอตายก่อน ผมจะได้ไปสำรวจเส้นทาง จากนั้นก็ค่อยดึงคุณไปอยู่ด้วย ไม่งั้นผมตกนรกคนเดียวคงจะเหงาแย่เลย”

หลินซินเหยียน“……”

ก๊อกก๊อก***

ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูห้องหนังสือก็ดังขึ้น

เสียงป้าหยูดังลอดเข้ามา“ถึงเวลาทานอาหารเย็นแล้วค่ะ”

หลินซินเหยียนเงยหน้ามองเขาแล้วพูดขึ้น“ฉันหิวแล้ว”

จงจิ่งห้าวเอามือประคองที่เอวของเธอไว้เพื่อช่วยเธอลุกขึ้น“ไปกันเถอะ”

เธอยิ้มร่าพลางเอามือคล้องแขนเขาเดินออกจากห้องหนังสือ หลินลุ่ยซีกำลังหยอกเล่นอย่างสนุกสนานกับซูจ้านอยู่ในห้องนั่งเล่น แต่ไม่รู้ว่าซูจ้านพูดอะไรออกมา เด็กสาวตัวน้อยถึงได้วิ่งไล่เขาไปทั่วห้อง

เสิ่นเผยชวนนอนแผ่หลาอยู่บนโซฟาด้วยความขี้เกียจ เขากอดอกมองซูจ้านที่ถูกวิ่งไล่อยู่ จากนั้นก็พูดแหย่ออกไป“นายจะหนีไปไหนได้”

ซูจ้านหยุดมองเขาแวบหนึ่ง“ที่จริงก็วิ่งหนีได้ไม่นานหรอก”

หลินซีเฉินที่นั่งอยู่บนโซฟาถอนหายใจออกมาเบาๆ ในใจก็ได้แต่คิดว่าทำไมคุณอาซูซนเหมือนเด็กเลย

เสิ่นเผยชวนขยี้ผมเขา“เป็นเด็กเป็นเล็กทำไมถึงชอบถอนหายใจนัก ไม่กลัวว่าจะกลายเป็นคนหัวล้านหรอ?”

หลินซีเฉินเงยหน้ามองเขา“ผมคงไม่แย่ไปกว่าลุงหรอก เพราะงั้นไม่ต้องเป็นห่วงผม”

เสิ่นเผยชวน“……”

เขา เขาดูแย่งั้นหรอ?

“ฉันดูแย่ตรงไหนมิทราบ?”เสิ่นเผยชวนดีดตัวขึ้นมานั่งหลังตรงทันที

“ก็ถ้าผมอายุเท่าลุง ป่านนี้ผมคงมีภรรยาไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะหัวล้านก็ตาม แต่มันก็ยังดีกว่าหาภรรยาไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?”

เสิ่นเผยชวน“……”

นี่เขาหาเรื่องใครก็โดนหาเรื่องกลับหมดเลยหรอเนี่ย หาแฟนไม่ได้นี่มันแย่จริงๆ

ทุกคนต่างก็เอาเรื่องนี้มาล้อเขา

เป็นเขานี่มันเหนื่อยจัง

“คุณพ่อคะ”

เมื่อเห็นจงจิ่งห้าวเดินออกมาจากห้องหนังสือ หลินลุ่ยซีก็รีบวิ่งเข้าไปหา จากนั้นก็เอาหน้ามุดเข้าไปในอ้อมแขนของเขาเแล้วฟ้องขึ้นทันที“คุณพ่อคะ คุณอาซูรักแกหนูค่ะ”

หลินซินเหยียนเหลือบมองลูกสาวของเธอแล้วส่ายหัวออกมา เด็กคนนี้นี่ชอบอ้อนและมีเรื่องมาฟ้องจงจิ่งห้าวตลอด ไม่รู้ว่าลูกสาวของคนอื่นจะติดพ่อแบบนี้ไหมนะ เธอเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อช่วยป้าหยูยกกับข้าวและเตรียมตะเกียบกับถ้วยชามต่างๆ

จงจิ่งห้าวยื่นมือออกมาโอบลูกสาวไว้ข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็ช่วยจัดผมที่สยายลงมาเอาไปทัดหูของเธอพร้อมกับเอ่ยถามออกไปเบาๆ“เขารักแกหนูยังไงคะ?”

หลินลุ่ยซีทำตาโตขึ้นมาทันที“คุณอาซูถามว่าหนูฉลาดรึเปล่า”

“แล้วหลังจากนั้นล่ะ?”เขาอุ้มลูกสาวเดินมาที่หน้าโต๊ะทานข้าว จากนั้นก็ลากเก้าอี้ออกแล้วนั่งลง

หลินลุ่ยซีก้มหน้าก้มตาและจับนิ้วของตัวเองไปมาทำท่าเหมือนไม่อยากพูด

หลินซีเฉินเดินเข้ามาแล้วปีนขึ้นเก้าอี้ เขาพูดสิ่งที่ซูจ้านพูดแหย่หลินลุ่ยซีออกมาอีกรอบ เดิมที่ซูจ้านพูดก็คือ“เสี่ยวซีหนูฉลาดไหม?”

หลินลุ่ยซียิ้มร่าพร้อมกับตอบออกไปด้วยความมั่นใจ“แน่นอนค่ะ”

“ถ้างั้นคุณอาซูจะถามหนูอย่างหนึ่ง ถ้าหนูตอบได้ก็แสดงว่าหนูฉลาด”

“ได้ค่ะ”หลินลุ่ยซีมั่นใจเต็มร้อย จากนั้นซูจ้านก็ถามขึ้น“ลุงจะถามหนูคำถามเดียว หนูแค่ตอบลุงมาว่ารู้หรือไม่รู้”

“ ได้เลยค่ะ”

หลินลุ่ยซีรู้สึกสนใจมาก เธอตั้งหน้าตั้งตารอสิ่งที่ซูจ้านจะพูดออกมา

“หนูโง่ขนาดนี้ พ่อกับแม่หนูรู้ไหมเนี่ย?”

“ไม่รู้……รู้…สิ……”

ไม่ว่าจะตอบยังไงก็ดูเหมือนว่าเธอจำเป็นต้องยอมรับว่าตัวเองโง่

เมื่อหลินลุ่ยซีเข้าใจ เธอก็เริ่มวิ่งไล่ตีซูจ้านทันที จากนั้นพวกเขาก็เห็นภาพหลินลุ่ยซีวิ่งไล่ซูจ้านอยู่ในห้องนั่งเล่นแบบนี้แล้ว

หลินลุ่ยซีเบ้ปากออกมา แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ“คุณพ่อคุณอาซูว่าหนูโง่”

ซูจ้านลากเก้าอี้มานั่งพร้อมกับหัวเราะร่า“ลุงก็แค่แกล้งหนูเล่นเฉยๆ”

หลินลุ่ยซีผละจากจงจิ่งห้าวแล้ววิ่งไปที่ซูจ้านจากนั้นก็ปีนขึ้นไปบนตัก ซูจ้านอุ้มเธอขึ้นมาไว้ในอกแล้วมองเธอด้วยความระมัดระวัง“จะทำอะไร?จะแก้แค้นลุงหรอ?”

เธอส่ายหัว“หนูจะฟ้องป้าฉินยาว่าคุณอาซูถือโอกาสตอนที่เธอไม่อยู่แอบไปหาแฟนใหม่”

ซูจ้าน“…….”

เขาผิดไปแล้ว

เขาขอโทษได้ไหม?

อย่าเล่นแบบนี้กับเขาได้ไหม?

 

ซูจ้านรู้สึกสำนึกผิดแล้ว ทำไมเขาถึงไปแหย่ผึ้งน้อยตัวนี้กันนะ?

“เสี่ยวลุ่ย ลุงมันโง่ ลุงมันโง่เอง อย่าไปพูดถึงลุงในทางที่ไม่ดีกับป้าฉินยาเลยนะ ไม่งั้นคุณลุงคนนี้ก็จะกลายเป็นชายโสดเหมือนคุณอาซู หนูดูสิเขาน่าสงสารขนาดไหน เพราะงั้นห้ามไปพูดมั่วซั่วกับป้าฉินยานะ รู้ไหม?”

เสิ่นเผยชวน“……”

เขายังไม่ได้ทำอะไรเลยแล้วทำไมถึงโดนลูกหลงไปด้วยล่ะ?

เขาเดินเข้าไปแล้ววางมือลงบนไหล่ของซูจ้านอย่างแรง“น้องรัก”

เขาน่าสงสารจริงๆ ฉะนั้นจึงพูดอะไรไม่ได้มาก เขาเหลือบมองหลินลุ่ยซีที่อยู่ในอ้อมกอดของซูจ้าน เด็กคนนี้นับวันยิ่งดูเหมือนหลินซีเฉิน เขาถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้แล้วเอ่ยขึ้น“เด็กสองคนนี้ต่างก็ฉลาดมาก ทางที่ดีพวกเราอย่าไปหาเรื่องพวกเขาดีกว่านะ”

ซูจ้านยอมรับผิดต่อ“เสียวลุ่ย ลุงผิดไปแล้ว ลุงมันโง่เอง เพราะงั้นพวกเราอย่าไปพูดเรื่องมั่วซั่วกับป้าฉินยาแล้วดีไหมคะ?”

หลินลุ่ยซียื่นมือออกไปบีบแก้มของซูจ้าน“เห็นแก่คุณลุงที่มีความจริงใจ ถ้างั้นครั้งนี้หนูจะยอมยกโทษให้ก่อนแล้วกัน”

ซูจ้านค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย ในใจก็ได้แต่คิดว่าจากนี้ไปจะไม่แกล้งเด็กน้อยคนนี้อีกแล้ว ตัวนิดเดียวแต่กลับไม่ยอมให้ตัวเองเสียเปรียบเลย แถมยังมีจิตใจอาฆาตแค้นที่รุนแรงมาก

“เดี๋ยวโตขึ้น ใครจะกล้าขอหนูแต่งงานเนี่ย”

“อะไรนะ?”หลินลุ่ยซีได้ยินไม่ชัด

จงจิ่งห้าวหันมามองตาขวาง ซูจ้านจึงรีบรูดซิปปากลงทันที เขาตบหลังหลินลุ่ยซีเบาๆ“ลุงไม่ได้พูดอะไรเลย พวกเรากินข้าวกันเถอะ”

พอป้าหยูยกกับข้าวมาวางบนโต๊ะหมดแล้วก็เดินกลับไปเอาซุปมาเป็นอย่างสุดท้าย

หลินซินเหยียนนำจานและถ้วยชามาจัดวางลงบนโต๊ะ จากนั้นก็เดินมานั่งลงข้างๆลูกชาย

พลางลูบหัวเขา“กินข้าวกัน”

ซูจ้านนั่งอยู่ตรงข้ามเธอ เขาทำท่าลังเลอยู่เล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ถามออกไป“พี่สะใภ้ครับ ฉินยาเป็นยังไงบ้าง?”

ฉินยาฟื้นตัวได้ดีขึ้นแล้ว เพียงแต่ว่ารูปลักษณ์หน้าตาเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก ที่จริงหล่อนโทรมาบอกเธอไว้วาจะกลับมาเร็วๆนี้ตั้งแต่ก่อนที่เฉิงยู่ซิ่วจะเสีย แต่หล่อนไม่อยากให้เธอบอกซูจ้าน

หลินซินเหยียนมองซูจ้านแล้วพูดออกไปตามความจริง“อาการของเธอดีขึ้นมากแล้ว แต่นายไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก เธออาจต้องการเวลาอีกสักหน่อย”

เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ส่งผลกระทบต่อจิตใจขอเธอมากเลยทีเดียว อย่างที่รู้กันรูปลักษณ์หน้าตานั้นสำคัญสำหรับผู้หญิงมาก แถมตอนนั้นหล่อนยังเสียลูกไปด้วย

ถ้าเป็นเธอล่ะก็ บางทีอาจจะไม่รอดมาถึงวันนี้ก็ได้

ซูจ้านก้มหน้าลงด้วยความผิดหวังแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย“เข้าใจแล้วครับ”

บรรยากาศบนโต๊ะอาการเริ่มหดหู่ลงแปลกๆ นอกจากเด็กทั้งสองแล้วผู้ใหญ่บนโต๊ะก็แทบจะไม่กินอะไรเลย

จงจิ่งห้าวยังไม่ได้กินเข้าไปแม้แต่คำเดียว แม้แต่น้ำก็ยังไม่ดื่มเลยซักอึก ทว่ากลับหาข้ออ้างว่าต้องไปจัดการเรื่องของบริษัท จากนั้นก็ลุกออกจากโต๊ะไป

หลินซินเหยียนรู้ว่าความรู้สึกเศร้าในใจของเขายังคงไม่หายไป

แน่นอนว่ามันคงไม่จางหายออกไปเร็วๆได้ เธอจึงไม่ได้ปลอบเขาแต่ปล่อยให้เวลามันค่อยๆเยียวยาตัวเขาแทน

ที่จริงเธอก็ไม่รู้สึกหิวหรอก แต่เพื่อเด็กในท้อง เธอจึงกินซุปเพิ่มอีกหนึ่งชาม เธอตักซุปเข้าปากไปหนึ่งคำพลางมองไปที่เสิ่นเผยชวนแล้วถามขึ้น“เมื่อกี้ที่ฉันเอากาแฟไปให้พวกคุณ เหมือนจะได้ยินพวกคุณพูดถึงเหวินเสียน”

เสิ่นเผยชวนตอบอืมออกมา“จงฉีเฟิงกำลังป่วย จงจิ่งห้าวจึงไปเยี่ยมเขาและถือโอกาสถามรายละเอียดของเรื่องในตอนนั้น”

“แล้วได้เรื่องว่าไงบ้าง?”หลินซินเหยียนลองถามหยั่งเชิงดู เธออยากรู้ว่าจงจิ่งห้าวรู้มากแค่ไหนแล้ว

เสิ่นเผยชวนไม่ได้ปิดบังเธอ เนื่องจากรู้สึกว่าเธอไม่ใช่คนอื่นคนไกล เธอเป็นภรรยาของจงจิ่งห้าวและเป็นคนที่เฉิงยู่ซิ่งเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องเธอ

หลินซินเหยียนรู้เรื่องทุกอย่าง สิ่งที่เขาพูดมันค่อนข้างผิวเผินและไม่ละเอียดมากนัก“ก็มีบอกว่าตอนที่แต่งงานกับเหวินเสียน ตอนนั้นเหวินเสียนมีคนรักอยู่แล้วก็เลยไปหาเฉิงยู่ซิ่วแล้วส่งเธอไปอยู่ข้างกายเขาแทน คุณก็รู้เรื่องพวกนี้นี่นา”

“คนตระกูลเหวินนี่แปลกจริงๆ”ซูจ้านพูดแทรกเข้ามาอย่างอดไม่ได้

หลินซินเหยียนก้มหน้าลงเล็กน้อย แล้วตักซุปกินเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกที่ซับซ้อนในแววตา

“ไม่ได้บอกหรอว่าเหวินเสียนตายยังไง?”หลินซินเหยียนยังคงก้มหน้าก้มตากินซุปต่อ ตอนที่เฉิงยู่ซิ่วเล่าให้เธอฟังหล่อนก็ไม่ได้ลงรายละเอียดมากว่าเหวินเสียนตายยังไง

ที่จริงเธออยากจะรู้มาก

เสิ่นเผยชวนส่ายหน้า“ไม่ได้บอก”

เธอเค้นถามต่อออกไปอีก“มีพูดถึงเรื่องที่เหวินเสียนมีลูกด้วยรึเปล่า?”

กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม

กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม

Status: Ongoing

การค้าครั้งหนึ่ง หลินซินเหยียนท้องลูกของชายแปลกหน้า เธอตั้งครรภ์ แต่งงานกับชายคู่หมั้นคู่หมายตั้งแต่วัยเด็กเดิมคิดว่านี่เป็นแค่การค้าที่ต่างฝ่ายต่างมีอุบาย แต่กลับพัวพันถึงความรู้สึกที่ลึกซึ้งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในชีวิตสมรสนี้ตอนตั้งครรภ์สิบเดือนใกล้คลอด จงจิ่งห้าวส่งใบหย่ามาใบหนึ่ง เธอถึงได้ตาสว่างขึ้นมาทันใดต่อมาเขาพูดอีกว่า คุณภรรยากลับมาเถอะ คนที่ผมรักมาโดยตลอดคือคุณครับ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท