หลินซินเหยียนพิงไว้ที่อกของเขา ส่ายหน้า “ฉันแค่ไม่อยากให้นายฟังที่ไป๋ยิ่นหนิงพูดเหลวไหล เขาคิดแต่จะแก้แค้นให้พ่อบุญธรของเขา เห็นว่าตอนนี้พวกเรามีปัญหากับเหวินชิง ก็เลยอยากจะหลอกใช้พวกเรา แล้วได้ผลประโยชน์”
ซูจ้านสตาร์ทรถ ในใจก็ยังสงสัยคำพูดที่ไป๋ยิ่นหนิงพูดไว้ 30ปีก่อน จงฉีเฟิงพาผู้หญิงคนหนึ่งไปทำคลอดที่คลินิกแห่งหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?นอกจากเฉิงยู่ซิ่ว จงฉีเฟิงยังมีผู้หญิงคนอื่นอยู่หรอ?หรือว่าจิ่งห้าวจะมีน้องชายหรือน้องสาวนอกสมรสอยู่ข้างนอกจริงๆ ?
เพราะเฉิงยู่ซิ่วบอกกับคนนอกว่าแต่งงานกับจงฉีเฟิงไม่สามารถมีลูกได้ตลอดชีวิต ดังนั้นเขาจึงแยกเฉิงยู่ซิ่วไว้ข้างนอก
แต่ว่าพอได้ยินที่หลินซินเหยียนพูดแล้ว ก็คิดซะว่าไป๋ยิ่นหนิงมีเป้าหมาย ก็เลยไม่ได้ถามมาก
จงจิ่งห้าวบีบมุมปาก แขนอ้อมไปที่คอเขาเธอแล้วโอบเธอเข้าอ้อมกอด นิ้วมือถูไปมาบนหน้าของเธอเบาๆ “ไม่เชื่อใจฉันขนาดนี้เลย?ฉันจะดูลูกไม้ตื้นๆ ของเขาไม่ออกหรอ?”
หลินซินเหยียนกอดเอวของเขาไว้ แล้วนอนบนอกของเขา ขนตางอนเล็กน้อยเพื่อซ้อนความคิด “ฉันเป็นห่วงมากไป นายต้องดูแผนลูกไม้ตื้นๆ ของเขาได้อยู่แล้ว”
ไม่ว่ายังไงตอนนี้ก็ให้จงจิ่งห้าวได้ยินที่ไป๋ยิ่นหนิงพูดต่อไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นความลับที่ปกปิดมาตลอด30ปี ก็จะถูกเปิดออกแล้ว
ถ้าไปเข้าหูของเหวินชิงขึ้นมา ผลที่ตามมาเรื่องจะน่ากลัวมาก
เธอแค่ใกล้ชิดกับเฉิงยู่ซิ่วเท่านั้น แต่ก็บ้าคลั่งขึ้นมาขนาดนี้ ถ้ารู้ว่าจงจิ่งห้าวไม่ใช่หลานชายของตัวเอง ไม่ใช่ลูกที่น้องสาวสุดที่รักคลอด แต่เป็นลูกของเฉิงยู่ซิ่ว
ความภาคภูมิใจที่มีในหลายปีมานี้ ครอบครัวที่ปฏิบัติต่อการอย่างจริงใจ เป็นลูกชายของเฉิงยู่ซิ่วกันทั้งนั้น เขาจะทำอะไร?
จะแก้แค้นโดยที่ไม่คิดผลที่ตามหลังมาว่าจะเป็นยังไง?
ใช่ จงจิ่งห้าวเองก็ใช่ว่าจะแพ้ แต่เป็นการทำสงครามที่ใหญ่ ใครก็อย่าคิดที่จะถอยไปเลย พอถึงเวลาก็จะมีแค่ต่อสู้กันจนตายไปทั้งสองฝ่าย บนผืนแผ่นดินเมืองBนี้ เป็นแหล่งรวมของเหล่าเศรษฐีและชนชั้นสูง มีกี่ตระกูลที่อยากจะแทนที่ตระกูลจงและตระกูลเหวิน ขอแค่ตระกูลทั้งนี้ไม่แตกแยก ใครก็ทำอะไรไม่ได้ แต่รอให้พวกเขาสู้กันจนบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย ใช้ประโยชน์จากช่องว่างนี้ ทำให้พังพินาศก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้
และเธอก็เป็นแบบนี้ ไม่สามารถช่วยเขาแบ่งเบาภาระได้เลย จะทำให้เขาเพิ่มภาระขึ้นมาก เขาจะเหนื่อยมาก
ถ้ารู้ในไม่เร็วก็ช้านี้ เธอหวังว่าช้าหน่อย อย่างน้อยก็รอให้เธอคลอดลูกลงมาก่อน หรือมั่นคงพอที่จะสามารถดูแลตัวเองได้ เมื่อไม่เป็นภาระของเขา
และยิ่งทำให้เธอเป็นห่วงคือ เขาจะไปรับความเป็นจริงนี้ได้ยังไง
คนที่เกลียดมาตลอด 20 ปี เป็นแม่แท้ๆ ของตัวเอง เขาจะไปเผชิญหน้ายังไง?
ยิ่งเป็นห่วงเขา ก็ยิ่งกลัวที่เขาจะรู้
บนเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ เธอยอมรับว่าตัวเองเห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัวที่ไม่อยากให้เขาต้องไปเผชิญหน้ากับเรื่องต่างๆ
โหดร้ายเกินไปสำหรับเขาแล้ว
การปิดบังของพ่อแท้ๆ การหลอกลวงและการหลอกใช้ของแม่แท้ๆ ตัวเอง รู้ทั้งรู้ว่าความจริงเป็นยังไง แต่กลับปกปิดเขาตลอดเวลา 20กว่าปี ปล่อยให้เขาถูกเยาะเย้ย ทำให้ใจของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังและโกรธ
แล้วมาบอกเขาว่า ความโกรธและเกลียดนี้ นายก็ไม่ควรมี ถามหน่อย เขาควรจะเอาอารมณ์ยังไงในการไปเผชิญหน้ากับเรื่องแบบนี้?เสียใจและโกรธ หลายปีมานี้ฉันผิดหรอ ฉันไม่ควรมีความเกลียดหรอ ฉันไม่ควรโกรธหรอ
แต่ว่า……….เขาทำอะไรผิด?
ทำไมต้องให้เขาไปแบกรับทุกอย่างนี้ด้วย?
เธอยอมให้จงจิ่งห้าวเป็นลูกชายของจงฉีเฟิงและเหวินเสียน
เฉินยู่ซิ่วเธอยอมใช้ชีวิตที่เหลือไปทดแทนความรัก เธอรู้ถึงความเจ็บปวดที่ไม่สามารถบ่งบอกกับลูกตัวเองแบบนั้นได้ ไม่มีความรักไหนสามารถทดแทนได้ แต่มีคนเดียวที่เจ็บปวดแบบนั้น
ความจริงกระจ่าง คนที่บริสุทธิ์ที่สุดก็คือจงจิ่งห้าว เขาถูกกำหนดสถานะไว้ตั้งแต่ที่ยังไม่เกิด แล้วก็ต้องแบกรับผลที่ตามมาของเรื่องที่เกิดขึ้น
ไม่ยุติธรรมต่อเขามาก!
มีคราบน้ำบนขนตาของเธอเล็กน้อย เอาหน้าไปชิดที่หน้าอกของเขา ฟังเสียงการเต้นของหัวใจที่แข็งแรงของเขา “เมื่อก่อนฉันรู้สึกว่าทั้งชีวิตนี้ ฉันรู้สึกว่าจะไม่มีทางรู้สึกถึงการเต้นของหัวใจและการรักใครสักคนเป็นยังไง แต่หลังจากที่เจอกับนาย ฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับฉัน แต่ก็เกิดขึ้นหมดแล้ว ฉันรู้ว่าการชอบใครสักคนเป็นยังไง รู้ว่าการเต้นของหัวใจเป็นยังไง จะเป็นห่วง จะรู้สึกขาดๆ หายๆ จะกลัวการสูญเสีย”
อารมณ์ที่ไม่แน่ไม่นอน จงจิ่งห้าวรู้สึกได้หมด แขนทั้งสองโอบตัวที่สั่นของเธอไว้ หอมที่ผมของเธอไว้ “เด็กโว่ วันๆ เอาแต่คิดอะไรไปมั่ว ฉันไม่ใช่ของเธอแล้วเป็นของใคร?ไม่ใช่ว่า ถ้าฉันกล้าหนี ก็ตีจนขาฉันหักหรอ แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้ยอมแพ้ซะอย่างนั้นละ?”
หลินซินเหยียนสูดจมูก “ฉันเคยดูมาเล่มหนึ่ง ข้างบนนั้นเขียนว่า ตอนที่ผู้หญิงท้องเป็นเวลาที่มีอ่อนไหวที่สุด ฉันว่าฉันในตอนนี้น่าจะเป็นแบบนั้นก็ได้”
เธอเงยหน้าขึ้น บนขนตายังมีเม็ดน้ำตาห้อยไว้อยู่เลย พูดด้วยเสียงที่แหบ “รอฉันจัดการเรื่องของฉันจนเสร็จแล้ว พวกเราพาลูกๆ ออกไปใช้ชีวิตที่เมืองนอกดีไหม?ออกห่างจากความวุ่นวายที่นี่ ไปใช้ชีวิตที่เรียบง่ายและธรรมดา บ้านของพวกเราไม่จำเป็นต้องใหญ่มาก แต่ว่าข้างในต้องมีนาย มีฉันแล้วก็ลูกของพวกเรา ฉันรับผิดชอบทำกับข้าว นายรับผิดชอบทำงานหาเงิน วันหยุดก็พาพวกเขาออกนอกบ้านไปเดินทางไกล ไปดูพระอาทิตย์ขึ้น มองดูการเติบโตของพวกเขาทีละนิดทีละน้อย พวกเราค่อยๆ แก่ไปด้วยกัน…….”
แต่ที่เธอไม่รู้ก็คือ เมื่อความซับซ้อนของความลึกลับประสบการณ์ชีวิตถูกแก้ออกตอนนั้น พวกเขาแต่ละคน สุดท้ายก็จะถูกความสัมพันธ์ของตระกูลผูกมัด
เขาก้มหน้าไปหอมหยดน้ำตาบนตาของเธอ “ฟังเธอหมดเลย”
เธอหลับตา รู้สึกสงบสุขกับช่วงเวลานี้อย่างเงียบๆ
การปรากฏตัวของไป๋ยิ่นหนิง ทำให้เธอกลัว ความสงบสุขนี้จะถูกทำลายได้ตลอดเวลา
เธอฉีกยิ้มอย่างสดใส คิ้วที่โก่ง ถึงแม้ว่าขนตาจะยังเปียกอยู่ แต่ก็หยุดความสดใสในตอนนั้นไม่ได้ เหมือนกับแสงแดดที่อ่อนโยนกำลังระลอกเข้าไปในใจของเขาทีละรอบๆ