หลินซินเหยียนนั่งลงข้างๆ จงจิ่งห้าว เหวินชิงก็ยังไม่หยุดเล่าเรื่องของเหวินเสียนในอดีต ” ตอนนั้นเหวินเสียนไม่ยอมแต่งงานกับพ่อแกเลยจริงๆ แต่ทำเพื่อ ตระกูลเหวิน เธออะไรยอมตกลง ตอนนั้นฉันเห็นว่าจงฉีเฟิงเป็นคนที่ทั้งเก่งและมีความสามารถ เลยคิดว่าถ้าพวกเขาแต่งงานกันไปก็คงรู้สึกรักกันเอง ใครจะไปรู้ว่าที่ฉันคิดมันผิดทั้งหมด ”
เหวินชิงทั้งเสียใจในสิ่งที่ทำ และรู้สึกแค้นเคือง
ช่างน่าเวทนาเสียเหลือเกิน ถ้าเกิดย้อนไปได้ ถ้ามีโอกาส เขาจะไม่ยอมให้น้องสาวของตัวเองแต่งงานในตอนนั้นเด็ดขาด
หลินซินเหยียนถึงตัวจะนั่งอยู่ในห้องรับแขก แต่สิ่งที่เธอกำลังจดจ่อทั้งหมดกลับอยู่ที่หลี่จิ้ง
เธอเห็นว่าหลี่จิ้งเอาอุปกรณ์ที่จงจิ่งห้าวใช้กินอาหารทั้งหมดวางแยกอยู่อีกฝั่ง
แต่ก็ยังดีที่เธอสับเปลี่ยนมันล่วงหน้าแล้ว ถ้าไม่งั้น….
เธอหวังว่าจะรอดพ้นจากการตรวจในครั้งนี้
เอาเถอะ ทำให้ดีที่สุด อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
ผ่านไปสักพักใหญ่หลี่จิ้งก็ออกมา เมื่อได้ยินเหวินชิงยังเอาแต่พูดเรื่องของเหวินเสียน หล่อนจึงเดินเข้าไปจับเขาเอาไว้ ” คุณดื่มเยอะไปหรือเปล่า ”
เหวินชิงปัดมือหล่อนออก ” ผมไม่ได้ดื่มเยอะเสียหน่อย กินไปแค่แก้วเดียวจะเมาได้ยังไง ”
” ถ้างั้นทำไมวันนี้คุณถึงได้พูดมากนักล่ะ ”
” ก็ผมรู้สึกเสียใจ ไม่ให้กินเหล้า เขายังไม่ให้พูดอีกเหรอ ” เหวินชิงถลึงตา สายตาที่แข็งกร้าวเมื่อกี้ดูเบาลง
หลี่จิ้งยิ้ม แล้วพูดกับจงจิ่งห้าวว่า ” ถ้ายุ่งอยู่แล้วก็กลับไปก่อนก็ได้ ฉันดูท่าว่าเขาคงจะพูดเป็นต่อยหอยอีกครึ่งค่อนวันก็คงไม่หยุด ”
จงจิ่งห้าวไม่รู้ว่าเป้าหมายของหลี่จิ้งคืออะไร แต่หลินซินเหยียนรู้ หล่อนคงต้องการอุปกรณ์ทานอาหารที่ จงจิ่งห้าวใช้ เอาไปตรวจ
ครั้งนี้หล่อนเห็นว่ามีโอกาส ก็เลยทำ หากครั้งนี้ไม่สำเร็จ พวกเขาก็คงจะทำมันอีก
ครั้งหน้าคงหาโอกาสที่จะสับเปลี่ยนยากแล้ว คงไม่เหมือนครั้งนี้ที่ทำให้พวกเขาหลุดพ้นไปอย่างราบรื่น
เธอยื้อจงจิ่งห้าว ” เรากลับก่อนเถอะ เรายังมีธุระอีกนะ ”
” ถ้างั้นฉันก็ไม่รั้งพวกเธอไว้แล้วล่ะ ” หลี่จิ้งให้พวกเขาดูสภาพเหวินชิง ก่อนที่หล่อนจะแสดงท่าทีเอือมระอา
จงจิ่งห้าวยืนขึ้น ก่อนจะหันไปมองเหวินชิง ” ผมไปก่อนนะครับ ”
เหวินชิงที่กำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความเสียใจ ก็ไม่ได้ยินเสียงของจงจิ่งห้าว หลี่จิ้งตอบรับ ” โอเคจ้ะ ว่าเธอกับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันดูแลเขาเอง ”
จงจิ่งห้าวมองไปที่หลี่จิ้ง เขารู้สึกถึงความผิดปกติของหลี่จิ้งในวันนี้
เหมือนหล่อนหวังว่าอยากให้เขารีบไป ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงยื้อให้อยู่ต่ออีกหน่อย
หลินซินเหยียนดึงแขนเสื้อเขาไปมา ก่อนจะยิ้มและพูดว่า ” เสี่ยวเฉินกับเสี่ยวลุ่ยรอเราอยู่นะคะ ”
จงจิ่งห้าวเหมือนกำลังครุ่นคิดสงสัยอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะหันตัวไป
หลี่จิ้งที่กำลังพยุงเหวินชิงอยู่ ก็พูดขึ้นว่า ” ถ้างั้นฉันไม่ส่งพวกเธอแล้วนะ ”
หลินซินเหยียนหันไปโบกไม้โบกมือให้หล่อน ” ไม่ต้องส่งแล้วค่ะ เราไปก่อนนะคะ ”
เมื่อออกจากบ้าน หลินซินเหยียนมือที่ยื้อแขนจงจิ่งห้าวอยู่ ก็คลายออก
จงจิ่งห้าวก้มหน้าลงมา แล้วเหลือบตาไปมองเธอ ” ว่าแต่เธอมีธุระอะไร ”
ในวันนี้หลินซินเหยียนก็ทำตัวแปลกอยู่เหมือนกัน
หลินซินเหยียนฉันอยากไป คิดอยู่สักพักก็ตอบว่า ” ฉันสัญญาเสี่ยวเฉินกับเสี่ยวลุ่ยไว้แล้วว่าวันนี้จะรีบกลับบ้าน ”
” นี่คือเรื่องที่บอกว่าคุณว่ามีธุระหรอกเหรอ ” จงจิ่งห้าวเลิกคิ้ว
หลินซินเหยียนเงยหน้าขึ้น ก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเขาแล้วออดอ้อน ” นี่ก็ธุระเหมือนกัน ไม่ได้หรือไง ”
จงจิ่งห้าวรู้สึกชอบมากที่เธออ้อนตัวเขาแบบนี้ เขาจึงยกมือขึ้นมาโอบตัวเธอไว้ ก่อนจะเอาหน้าซุกเข้าไปในซอยคอเธอ ” ได้สิ คุณพูดอะไรก็ได้หมดแหละ ผมฟังคุณทุกอย่าง ”
ลมหายใจอันร้อนระอุของเขากระทบลงบนผิวของเธอ มันทำให้รู้สึกจั๊กจี้ เธอจึงผลักเขาออก ” พอเลย อย่ามาลักไก่นะ ”
จงจิ่งห้าวงับเข้าไปที่ริมฝีปากของเธอเบาๆ ก่อนจะยิ้มอย่างกรุ้มกริ่ม ” ผมก็อยากกลับบ้านเร็วๆ เหมือนกัน ”
พูดจบก็ไม่เหลือช่องให้หลินซินเหยียนโต้ตอบหรือปฏิเสธอะไร ก็ลากเธอขึ้นรถไป
ในขณะที่นั่งรถอยู่ หลินซินเหยียนก็พลิกดูโทรศัพท์หาว่าหลินซีเฉินเผยแพร่คลิปอะไรออกไป ผลสุดท้ายเห็นมันปรากฏอยู่ในเวยป๋อ CCTVก็ตอบรับคลิปนี้เช่นเดียวกัน แล้วยังเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเรื่องนี้อีกด้วย
หลินซินเหยียนมีท่าทีที่สงบนิ่งขึ้นมา เธอหันหน้าไปมองจงจิ่งห้าว ” ลูกชายของคุณ…. ”
” หืม ”
จงจิ่งห้าวหันมา
หลินซินเหยียนยื่นโทรศัพท์ไปให้เขาดู
จงจิ่งห้าวกลับไม่ได้รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องใหญ่อะไร มันคือความหมายของประโยคนั้นมากกว่า มือสะอาดก็ไม่จำเป็นต้องล้าง ถ้าไม่ทำอะไรผิดก็ไม่ต้องกลัวการตรวจสอบ
ถ้าตัวเองไม่ทำตัวให้เป็นแบบอย่าง ก็บอกได้เลยว่า สมควรที่จะโดนตรวจสอบ
แต่ยังไงเสียเขาก็คิดว่าลูกชายของเขาทำดีมาก
หลินซินเหยียนเก็บโทรศัพท์กลับไป เธอหายใจเข้าลึกๆ
และก็ได้แต่หวังว่าคลิปวิดีโอที่หลินซีเฉินเผยแพร่ออกไปนั้น จะไม่ถูกใครรู้
จงจิ่งห้าวรู้ดีว่าเธอกำลังกังวลอะไร ก็เลยให้คำหวานเป็นยาปลอบประโลมหัวใจของเธอ ” ไม่มีใครรู้หรอก ”
เมื่อเขารู้ว่าหลินซีเฉินจะทำอะไร เขาก็ให้คนเป็นลบร่องรอยพวกนั้นหมดแล้ว
ไม่มีให้ตรวจเจอ ว่าหลินซีเฉินเป็นคนส่งออกไปแน่นอน
เมื่อหลินซินเหยียนโล่งใจแล้ว ขณะนั้นโทรศัพท์ของเธอในกระเป๋าก็ดังขึ้น เป็นสายของพยาบาล หลินซินเหยียนได้ให้เบอร์กับพยาบาลที่รับผิดชอบฉินยาเอาไว้ แล้วบอกว่าเมื่อมีเรื่องอะไรให้โทรศัพท์หาเธอ
” ตามคำสั่งของหมอประจำตัวของคนไข้แล้ว คนไข้สามารถย้ายไปห้องธรรมดาได้แล้วนะคะ แต่ว่าตอนนี้คนไข้ไม่ยอมเปลี่ยนห้องค่ะ ”
หลินซินเหยียนพูด ” โอเคทราบแล้วค่ะ ตอนนี้ฉันกำลังไป ”
เมื่อวางสายหลินซินเหยียนก็พูดว่า ” ตอนนี้คุณคงต้องไปส่งฉันที่โรงพยาบาลแล้วล่ะ ”
จงจิ่งห้าวไม่ถามก็รู้ว่าทำไมเธอถึงต้องไปโรงพยาบาล ข้างหน้าเป็นถนนสายสิบ เขาเลยขับเปลี่ยนเส้นทางของรถ
เพียงไม่นานรถก็มาจอดที่ร้านจอดรถของโรงพยาบาล
หลินซินเหยียนและจงจิ่งห้าว ลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในอาคารด้วยกัน จากนั้นก็ขึ้นลิฟต์ไปที่ห้องไอซียูของชั้นยี่สิบเอ็ด
เมื่อเดินไปถึงระเบียงทางเดินก็เห็นซูจ้านกำลังยื้อยุดฉุดกระชากกับพยาบาล ” คุณให้ผมเข้าไปพูดกับเธอสักคำเถอะ แค่คำเดียวเอง ”
” ไม่ใช่เพราะดิฉันไม่ให้คุณเข้าไปจริงๆ ค่ะ แต่เป็นเพราะคนไข้ไม่ต้องการพบคุณ ฉันก็หมดหนทาง คนไข้ท่านนี้เป็นกรณีพิเศษ ไม่สามารถรับแรงกระตุ้นได้ ดังนั้นขอให้คุณใจเย็นๆ หน่อยนะคะ ลองให้คนไข้หายดีแล้ว คุณอยากจะเจอยังไง อยากจะพูดอะไร ก็ไม่มีปัญหาค่ะ แต่ตอนนี้อย่าพึ่งทำให้ดิฉันลำบากใจเลยนะคะ ” พยาบาลพูดเกลี้ยกล่อมไม่หยุดปาก
หลินซินเหยียนเห็นภาพตรงหน้าแล้ว ก็รู้เลยทันทีว่าทำไมฉินยาไม่ยอมย้ายเข้าห้องผู้ป่วยธรรมดา
เธอจึงรีบเดินเข้าไปตรงนั้น ” ซูจ้าน ”
ซูจ้านหันมา เมื่อเห็นหลินซินเหยียนที่โผล่เข้ามา ก็ปล่อยมือจากพยาบาล ” พี่สะใภ้…. ”
” นี่โรงพยาบาลหรืออะไรกันแน่ ” หลินซินเหยียน พูดเสียงเข้ม
ซูจ้านรู้ดีว่าที่นี่คือที่ไหน แต่ในใจของเขาช่างทรมานเหลือเกิน เลยอยากจะเจอฉินยาสักครั้ง
” ผมควบคุมตัวเองไม่ได้ ”
” อยากจะขอโทษเธอหรือสารภาพผิดกับเธอกันแน่ ” คำพูดของหลินซินเหยียนมันกำลังทิ่มแทงเขาอยู่ ” ตอนนี้สภาพเธอเป็นยังไง เสียโฉม แท้งลูก ผู้หญิงคนหนึ่งการสูญเสียรูปลักษณ์ภายนอกไปก็เหมือนการสูญเสียกระดูกและเลือดเนื้อ รู้ไหมว่ามันยากสำหรับเธอแค่ไหน ถ้านายยังเห็นใจกันอยู่ ก็อย่าไปรบกวนเธอ ให้เธอสงบสักพัก ฟื้นฟูร่างกายตัวเอง แค่นี้ไม่ได้เหรอ ”
ซูจ้านก็เข้าใจทุกอย่าง ” ผมแค่อยากเห็นเธอสักครั้งเท่านั้นเอง ได้ไหมครับ ”
” เธอไม่อยากให้นายเห็นสภาพเธอตอนนี้ต่างหาก ” หลินซินเหยียนลดน้ำเสียงลงมา ” ฉันไม่ได้ปิดบังนาย ตอนนี้ฉันหาโรงพยาบาลที่ดีให้กับเธอแล้ว ฉันจะพาเธอไป รอให้เธอหาย ฉันจะบอกที่อยู่กับนาย พอถึงตอนนั้นก็คุยกันเองก็แล้วกัน แต่ในตอนนี้ที่เธอยังไม่หายดี
นายอย่ามารบกวนเธอเลยนะ ”
ซูจ้านได้ฟังแล้วก็รู้สึกกระวนกระวาย จะพาฉินยาไปงั้นเหรอ
” พี่สะใภ้…… ”
“นี่คือความต้องการของฉินยา ” หลินซินเหยียนตัดบทเขา
ซูจ้านหันไปมองจงจิ่งห้าวอยากขอความเห็นใจ ” จิ่งห้าว… ”
” ฉันช่วยนายไม่ได้จริงๆ ” จงจิ่งห้าวปฏิเสธตัดบทเช่นกัน เขาฟังคำภรรยาของเขาทั้งหมด
เรื่องนี้เขาก็รู้สึกว่าระหว่างจงจิ่งห้าวควรจะเว้นระยะให้ใจเย็นสักพัก ถ้าเจอกันตอนนี้ ปมในใจก็ยังไม่สามารถที่จะคลี่คลายออกมาได้
ซูจ้านปวดใจจนไม่รู้จะว่ายังไง ” คุณแค่อยากจะเจอเธอเท่านั้นเอง ทำไมต้องปฏิเสธผมด้วย ”
” กันเจอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว มันจะไปมีประโยชน์อะไร นายได้รับรู้ถึงความรู้สึกของฉินยารึเปล่า เสียโฉมไปแล้ว นายจะให้เธอเอาหน้าที่ไหนมาเจอนาย ทำไมนายถึงเห็นแก่ตัวขนาดนี้ ถึงคิดแต่เรื่องของตัวเอง แล้วไม่คิดถึงเธอบ้าง “