เฉิงยู่ซิ่วตอบเรียบเฉย อืม
“ถ้าอย่างนั้นเขายอมวางมือไม้?” หลินซินเหยียนถามอย่างรีบร้อน
เฉิงยู่ซิ่วถอนหายใจยาว ส่ายหน้า “ไม่ อีกอย่างเขาสังเกตเห็นเรื่องฐานะของจิ่งห้าวแล้ว แต่ว่า ฉันไม่ยอมให้เขาสืบต่อไปแน่นอน”
หลินซินเหยียนกำลังจะพูดว่าจงจิ่งห้าวรู้แล้ว มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะก็สั่น
แสดงชื่อคนที่โทรมาคือเสิ่นเผยซวน
หลินซินเหยียนมองเฉิงยู่ซิ่ว “หนูขอรับโทรศัพท์ก่อนนะคะ”
เธอลุกขึ้นเดินไปข้างหน้าต่าง กดรับสาย “ฮัลโหล?”
“ผมเอง เรื่องที่จิ่งห้าวให้ผมสืบ ผมสืบเรียบร้อยแล้ว”
หลินซินเหยียนตัวเกร็ง ยึดหลังตรง “คุณพูดเลย”
“คำสองคำพูดไม่ชัดเจน พวกเราเจอกันค่อยพูดดีกว่า” เสิ่นเผยซวนพูด
หลินซินเหยียนคิดไปครู่หนึ่ง พูดว่า “ได้”
วางสายแล้ว เธอเก็บมือถือในกระเป๋าเดินกลับไปที่ห้องอาหาร เห็นเฉิงยู่ซิ่วมองปลิงทะเลในถ้วยของเธอ
เธอยิ้มถาม “แม่ หิวแล้วเหมือนกันใช่ไหม”
ขณะพูดเธอก็เดินเข้าไปเอาถ้วยสะอาดในครัว ตักปลิงทะเลในเธอให้ท่าน “แม่อย่ารังเกียจนะ อันนี้หนูยังไม่ได้กิน”
เฉิงยู่ซิ่วกับมือเธอ “แม่ยังไม่หิว หนูกินเถอะ ดูหนูผอมขนาดนี้ เรื่องของไป๋ยิ่นหนิง หนูอย่าเอาตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องเลย”
หลินซินเหยียนบอกว่าได้
นิสัยของจงจิ่งห้าว เธอก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกบไป๋ยิ่นหนิง
เฉิงยู่ซิ่วเข้าห้อง หลินซินเหยียนฝืนกลืนปลิงทะเลลงไป แล้วดื่มน้ำตาม เสร็จแล้วแต่งตัวออกจากบ้าน
เสิ่นเผยซวนส่งที่อยู่นัดเจอกันให้เธอ เธอขับรถออกไป
เป็นร้านเหล้าแห่งหนึ่ง เพราะเป็นกลางวัน ข้างในคนไม่เยอะ เงียบสงบมาก เสิ่นเผยซวนนั่งดื่มเหล้าอยู่หน้าบาร์
เห็นหลินซินเหยียนเข้ามา ถามว่า “คุณอยากดื่มอะไร?”
“ขอน้ำผลไม้ให้ฉันก็พอ” เธอนั่งลง
เสิ่นเผยซวนให้บาร์เทนเดอร์เทน้ำผลไม้ให้เธอ หลินซินเหยียนมองเขา “ทำไมถึงเลือกที่นี่”
“เวลานี้มันเงียบ อีกอย่าง ผมอยากดื่มสักแก้ว” เขาดื่มเหล้าคำหนึ่ง
วางแก้วเหล้าลง แต่มือของเขาไม่ได้ปล่อย เขย่าไปมา “น่ารังเกียจไร้ยังอาย ประโยชน์นี้ ยังไม่พอที่จะอธิบายคนที่สกปรกและร้ายกาจแบบนี้”
หลินซินเหยียนถามอย่างระวัง “คุณมีเรื่องอะไรเหรอ?”
ไม่อย่างนั้น ทำไมถึงได้มีความคิดแบบนี้
เสิ่นเผยซวนไม่ได้พูด แต่ยื่นเอกสารที่เขาวางบนโต๊ะให้หลินซินเหยียน “คุณดูเองละกัน”
หลินซินเหยียน พอจะเดาออกว่าข้างในเป็นอะไร
เห็นท่าทางเสิ่นเผยซวน เรื่องข้างในคงไม่น่าจะดี
เธอเปิดเอกสารด้วยอารมณ์อยากรู้และไม่สบายใจ
ด้านในเป็นเรื่องในอดีตของหลิวเฟยเฟย เอกสารสิบกว่าหน้า และรูปภาพบางส่วน
มีรูปที่หลิวเฟยเฟยเข้าออกสถานที่หรูหรากับผู้ชายคนหนึ่ง
เธอวางรูปถ่าย แล้วอ่านเอกสารด้านใน
ทีละหน้า ยิ่งถึงข้างหลังใจของเธอก็ยิ่งหดหู่
ซูจ้านบอกว่า หลิวเฟยเฟยบอกเขาว่าที่จากเขาไปเพราะว่าเธอมีลูกไม่ได้ ไม่อยากทำให้เขาลำบากไปด้วย แต่เท่าที่ดูแล้ว หลายปีนี้ เธอไปทำแท้งที่โรงพยาบาลตั้งหลายครั้ง?
“ทำไมเขาถึงหน้าด้านขนาดนี้? เขายังเป็นผู้หญิงอยู่ไหม?” เสิ่นเผยซวนกัดฟันพูด ถ้าไม่ใช่สติที่หลงเหลืออยู่บอกเขาว่า ผู้ชายที่ดีไม่ทำร้ายผู้หญิง เขาคงไปต่อยหลิวเฟยเฟยแล้วถามเธอว่า ทำไมถึงไร้ยางอายขนาดนี้?
ตอนนั้นที่จากไปเพราะว่าผู้ชายรวยคนหนึ่ง
ไปเป็นเมียบำเรอให้เขา
เสิ่นเผยซวนยิ่งคิด ก็ยิ่งโมโห
เขาโกรธไม่ใช่เพราะสิ่งที่หลิวเฟยเฟยทำ ที่เขาโกรธเพราะหลิวเฟยเฟยทำเรื่องพวกนี้แล้ว ทำไมยังกลับมาหาซูจ้าน?
ให้ซูจ้านรับของเหลือจากคนอื่นเหรอ?
ดูเอกสารหน้าสุดท้ายจบ หลินซินเหยียนโยนเอกสารไปบนโต๊ะ ในใจรู้แล้ว ว่าหลิวเฟยเฟยกลับมาทำไม เพราะว่าตอนนี้ตัวเองอายุมากแล้วหมดสวยแล้ว ผู้ชายคนนั้นก็แต่งงานมีลูกแล้ว เธอหมดหวังแล้ว ถึงกลับมาหาซูจ้าน
เสิ่นเผยซวนเก็บเอกสาร “ผมจะไปหาซูจ้าน กันเขาถูกคนอื่นหลอก”
“เดี๋ยวก่อน” หลินซินเหยียนเรียกเขาไว้
“คุณไปบอกเขา ไม่ตื่นเต้นเท่าให้เขารู้เอง” หลินซินเหยียนหรี่ตา ผู้ชายในนั้นดูเหมือนจะรวยมาก ไม่อย่างนั้นคงไม่เลี้ยงผู้หญิงคนหนึ่งนานขนาดนี้ ต้องรู้ว่าเลี้ยงเมียบำเรอคนหนึ่ง ต้องใช้เงินมากแค่ไหน
เธอคิด จงจิ่งห้าวรู้จักคนรวยไม่น้อย บางทีอาจจะรู้จักคนนี้ก็ได้
หลังจากในใจเธอมีแผนแล้ว ก็พูดกับเสิ่นเผยซวนว่า “ฉันไปก่อนนะ”
เสิ่นเผยซวนเรียกเธอไว้ “อย่าลืมเรียกผมด้วยนะ”
เขาก็อยากรู้ว่าซูจ้านรู้โฉมหน้าที่แก้จริงของหลิวเฟยเฟยแล้ว จะเป็นยังไง
หลินซินเหยียนบอกว่ารู้แล้ว
เธอขึ้นรถไม่ได้ไปที่ร้าน แต่ไปหาจงจิ่งห้าว
จงจิ่งห้าวประชุมอยู่ เธอไปรอเขาที่ออฟฟิศเขา
พื้นที่กว้างขวาง รับแสงแดดได้เป็นอย่างดี ทำให้คนที่อยู่ในนั้นรู้สึกสบาย เธอเดินไปริมหน้าต่าง มองทิวทัศน์ที่เจริญที่สุดของเมืองนี้ ถึงแม้จะเป็นกลางวัน ไม่มีแสงไฟระยิบระยับ ก็ยังคงดูสวยงามตระการตา
แสงสว่างสาดส่องลงมา หลินซินเหยียนยื่นมือไปจับ เสียดาย แสง ไม่ใช่สิ่งที่คนจับต้องได้
จงจิ่งห้าวประชุมเสร็จ ผลักประตูออฟฟิศออก ก็เห็นผู้หญิงที่ยืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามา ร่างผอมบางของเธอ เหมือนดั่งนางเอกในนิยาย
เขาเดินเข้าไปอย่างเบาๆ กอดเอวเธอจากข้างหลัง วางคางไว้ที่ไหล่ของเธอ “คิดถึงผมเหรอ?”
หลินซินเหยียนไม่มีอารมณ์ “คุณรู้จักคนชื่อลู่ยวนไหม?”
จงจิ่งห้าวไม่รู้จักลู่ยวน แต่เคยได้ยินชื่อ รู้จักพ่อของเขา
จงจิ่งห้าวเอาหน้าซบเข้าไปในผมของเธอ ถามด้วยเสียงน้อยใจ “คุณถามถึงเขาทำไม?”
หลินซินเหยียนหันหน้าไปมองเขา พูดอย่างจริงจัง “ฉันอยากให้เขาไปเจอหลิวเฟยเฟย”
ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันนานขนาดนั้น เจอหน้ากันต้องมีการโต้ตอบแน่
ถ้าซูจ้านเห็นกับตาตัวเอง มันน่าเชื่อถือกว่าหลักฐานทุกอย่าง
จงจิ่งห้าวเข้าใจแล้ว “เผยซวนสืบเรียบร้อยแล้ว?”
หลินซินเหยียนตอบอืม เล่าเรื่องที่เสิ่นเผยซวนสืบมาให้เขาฟัง จงจิ่งซวนสีหน้าไม่เปลี่ยน พูดอย่างเรียบเฉย “ผมจัดการเอง”
เขาไม่ชอบจัดการเรื่องแบบนี้ แต่ฝั่งหนึ่งเป็นเพื่อนของหลินซินเหยียน อีกฝั่งหนึ่งเป็นเพื่อนของตัวเอง เขาจำเป็นต้องยุ่ง
หลินซินเหยียนเชื่อว่าเขาจัดการได้ดี พูดอย่างจริงจัง “ขอบคุณค่ะ”
จงจิ่งห้าวยื่นมือเข้าไปในเสื้อของเธอ บีบเนื้อเธอเบาๆ พูดด้วยเสียงแหบ “คุณจะขอบคุณยังไง?”
หลินซินเหยียนรู้สึกคัน บิดตัวไปมา เตือนเขาด้วยเสียงจริงจัง “ที่นี่เป็นบริษัท ออฟฟิศคุณ ถ้าเกิดมีคนมาเห็น คุณจะเอาหน้าไปไว้ไหน?”
“ไม่มีคนเข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้า” จงจิ่งห้าวหัวเราะ “คุณยินดีทำกับผมที่นี่ไหม?”
หลินซินเหยียน “…….”
ทำไมเขาถึงได้หน้าด้านได้ถึงขนาดนี้?
หลินซินเหยียนไม่ยอมทำ ผลักเขาออก “คุณหน้าไม่อาย ฉันยังรู้จักอาย”
จงจิ่งห้าวจงใจกัดคอของเธอ แรงไปหน่อย หลินซินเหยียนร้องด้วยความเจ็บ “อ้าก”
แต่เธอก็รีบปิดปาก กำหมัดไว้ต่อยที่หน้าอกของเขาไม่หยุด จงจิ่งห้าวไม่ขยับ เหมือนดั่งภูเขาที่เคลื่อนไหวไม่ได้ ทันใดนั้น เขาจับมือที่ไม่เชื่อฟังของเธอ ยกไปไว้เหนือหัว กดตัวเธอแนบไว้ที่กระจก ก้มตัว จูบปากของเธอ……
หลินซินเหยียนขัดขืน เขาก็กัดเธอ อีกอย่างยังใช้แรงหนัก จนหลินซินเหยียนร้องเจ็บ
เขาหัวเราะ “คุณร้องเต็มที่เลย”
หลินซินเหยียนรู้ว่าเขาจงใจ เธอจ้องหน้าเขา
จงจิ่งห้าวจูบตาของเขา เลียเธอจนเปียก
อีกด้านหนึ่ง ฉินยาอาเจียนหนักมาก กินอะไรเข้าไปก็อาเจียนออกมาหมด จนไม่มีอะไรให้อาเจียนแล้ว ร่างกายไม่มีแรงเลย เธอทำอะไรไม่ได้ จึงต้องไปโรงพยาบาลให้หมอตรวจ เพื่อจ่ายยาแก้อาเจียน
หมอจ่ายวิตามินB6เพื่อแก้อาหารอาเจียน เธอนำใบสั่งยากำลังลงไปแผนกรับยาชั้นล่าง เดินผ่านแผนกกระดูก เห็นซูจ้านพยุงตัวหลิวเฟยเฟยเดินออกมาจากห้องตรวจ
บนทางเดินโล่งมาก แม้แต่ที่หลบก็ไม่มี เธออยากหลบก็ทำไม่ได้
“ยังเจ็บไหม?” ซูจ้านถามอย่างเป็นห่วง
หลิวเฟยเฟยส่ายหัว “ต้องรบกวนคุณ……” พอเธอเห็นฉินยา ก็กลืนคำพูดลงไป ควงแขนของเขาแน่นขึ้น
ซูจ้านเห็นเธอมองไปข้างหน้า จึงเงยหน้า ก็เห็นฉินยายืนอยู่ตรงนั้น