“คุณชาย คุณผู้หญิง เกี๊ยวต้มเสร็จแล้วครับ คุณนายให้พวกคุณลงไปครับ” ลุงเฟิ๋งยืนอยู่หน้าประตู
หลินซินเหยียนต้องกลืนคำพูดที่กำลังอยากพูดลงคอ แล้วพูดว่า “พวกเราลงไปเถอะ”
ตอนที่จงจิ่งห้าวกินเหล้ากับซูจ้านและเสินเผยซวน เขาดื่มไปหลายแก้ว โดยไม่ได้กินอะไรเลย ตอนนี้รู้สึกหิวแล้ว
ก็เลยตอบอืมแค่คำเดียว
ยังไม่ถึงปีใหม่ แต่เฉิงยู่ซิ่วก็เตรียมอาหารมากมาย น่าจะเพราะหลินซินเหยียนกับจงจิ่งห้าวพาลูกทั้งสองมา ก็เลยเตรียมอาหารมากมาย นอกจากเกี๊ยวแล้ว ยังมีกับข้าวอีกมากมาย เธออยากทำให้จงจิ่งห้าวชอบ
แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาชอบกินอะไร ก็เลยเตรียมเยอะหน่อย
หลินซินเหยียนรู้ใจเฉิงยู่ซิ่ว เงยหน้ามองจงจิ่งห้าว
จงจิ่งห้าวทำเป็นมองไม่เห็น ดึงเก้าอี้แล้วนั่งลง
หลินซินเหยียนเดินเข้าไปในครัว หม้อที่ต้มเกี๊ยวแม่บ้านปิดไฟแล้ว หลินซินเหยียนหยิบทัพพี “ฉันตักเองค่ะ”
ในหม้อนั้น เป็นเกี๊ยวที่เฉิงยู่ซิ่วกับเธอและเด็กๆช่วยกันห่อ ทำให้สภาพของเกี๊ยวในหม้อไม่มีความสวยเลย
หลินซินเหยียนตักของเด็กทั้งสองใส่รวมกันในถ้วยใบใหญ่
แม่บ้านมองไปแล้วรู้สึกไม่เข้าใจ “คุณตักแบบนี้ แค่ดูก็กินไม่ลงแล้วค่ะ อีกอย่างถ้วยใหญ่มาก ใครจะไปกินคะ?”
หลินซินเหยียนยิ้ม “มีคนกินได้ค่ะ”
เธอจงใจทำแบบนี้
ไม่ยอมกินที่เฉิงยู่ซิ่วห่อไม่ใช่เหรอ? ถ้าอย่างนั้นก็เอาที่เธอและลูกทั้งสองห่อ ให้เขากินจนหมด
กินให้พุงแตกเลย
คนดื้อรั้นแบบนี้
หลินลุ่ยซีกินเกี๊ยวไปแล้ว ตอนนี้ก็ไม่อยากกินอะไรอีกแล้ว ดังนั้นเกี๊ยวที่เหลือ หลินซินเหยียนก็แบ่งออกเป็นสามถ้วย หนึ่งถ้วยให้หลินซีเฉิน หนึ่งถ้วยให้เฉิงยู่ซิ่ว อีกถ้วยให้ตัวเอง
แม่บ้านช่วยยกเข้าไป
หลินซินเหยียนเอาถ้วยใหญ่ที่ ดูไม่ได้เลย ไปวางข้างหน้าจงจิ่งเหยียน แล้วก็พูดว่า “คุณคงไม่รังเกียจนะ? นี่ฉันกับลูกๆทำให้คุณโดยเฉพาะเลย”
จงจิ่งห้าวมองเกี๊ยวถ้วยใหญ่ที่วางตรงหน้า หางตากระตุก นี่จะเลี้ยงหมูใช่ไหม?
“พ่อต้องกินให้หมดนะ อย่าทำลายความตั้งใจของพวกเราล่ะ” หลินซีเฉินฉลาด แค่ดูก็รู้แล้วว่าหลินซินเหยียนคิดอะไร ก็เลยตอกย้ำ เขายังดึงน้องสาวเข้ามาด้วย “ดูพ่อซิ กินเกี๊ยวที่เธอห่อแล้ว ดีใจไหม?”
“ดีใจ พ่อชอบเกี๊ยวที่หนูห่อไหม?” สาวน้อยถามอย่างตาเป็นประกาย
จงจิ่งห้าว “…….”
เขาจะพูดว่าไม่ชอบได้ไหม?
เขาใช้ช้อนคนไปคนมา เป็นก้อนเป็นก้อน เหมือนก้อนแป้งยักษ์ ที่มีผักติดอยู่ข้างบน ดูยังไงก็ดูไม่ออกว่าเป็นเกี๊ยว
“ทำไมพ่อไม่กินคะ?” หลินลุ่ยซีไม่ได้คิดอย่างอื่น รู้แค่ว่าพ่อกินเกี๊ยวที่เธอห่อหรือเปล่า แค่นี้เธอก็พอใจแล้ว
หลินซินเหยียน ช่วยเขาเทจิ๊กโฉ่ลงไป ด้วยความหวังดี “เกี๊ยวต้องจิ้มจิ๊กโฉ่ถึงจะอร่อยค่ะ”
“จริงค่ะ จิ้มจิ๊กโฉ่อร่อย” หลินซินเหยียนพูดอย่างไร้เดียงสา
เฉิงยู่ซิ่วนั่งมองอยู่ข้างๆอย่างเป็นห่วง กับข้าวมากมายขนาดนี้ เกี๊ยวถ้วยใหญ่ขนาดนั้น กินหมดแล้ว ยังจะกินอะไรลงไหม?
เธอคิดไปสักครู่ “ให้ฉันหน่อยละกัน” เธอยื่นถ้วยเปล่าไปข้างหน้าเขา
จงจิ่งห้าวไม่แม้แต่เงยหน้า จิ้มเกี๊ยวชิ้นหนึ่งเข้าปาก ลูกเมียของเขาเป็นคนห่อ น่าเกลียดแค่ไหน เขาก็กินได้
เห็นได้ชัดว่าจงจิ่งห้าวยอมกินเอง ก็ไม่ยอมรับน้ำใจของเฉิงยู่ซิ่ว
เฉิงยู่ซิ่วรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย หลินซินเหยียนเอาเกี๊ยวในถ้วยของเธอใส่ในถ้วยสองชิ้น แล้วยกไปวางข้างหน้าของเฉิงยู่ซิ่ว เธอไม่อยากทำให้เฉิงยู่ซิ่วลำบากใจหรือเสียใจ พยายามไม่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัด “หม่ามี๊ หนูกินไม่หมด ช่วยหนูกินหน่อยนะคะ”
เฉิงยู่ซิ่วยิ้มเฉื่อยๆ พูดว่า “ได้”
เกี๊ยวถ้วยใหญ่ขนาดนั้นกินจนหมด แน่นท้องทั้งคืนจนนอนไม่หลับ
พลิกไปมาทั้งคืน นอนยังไงก็ไม่สบายท้อง
ตอนเช้า ที่โรงพยาบาล
ตลอดทั้งคืน ซูจ้านร้องไปหลายรอบว่าจะดื่มน้ำ กลางคืนคุณย่าตื่นมาครู่หนึ่ง สติก็ยังไม่ค่อยชัด ไม่นานก็หลับไป
ฉินยาไม่ได้นอนเกือบทั้งคืน จนใกล้สว่างแล้ว เธอถึงได้งีบบนโซฟาไปครู่หนึ่ง ก็ค่อยๆหลับลึก จนพระอาทิตย์ขึ้นมาแล้ว เธอก็ไม่รู้สึกตัวเลย
เมาค้างไปทั้งคืน ซูจ้านปวดเมื่อยไปทั้งตัว เขาพลิกตัวแล้วค่อยๆลืมตา รู้สึกสภาพแวดล้อมแปลกตา เขาจำได้ว่าเมื่อคืนไปกินเหล้ากับจงจิ่งห้าวและเสิ่นเผยซวน จากนั้นเสิ่นเผยซวนพาเขาออกจากร้านอาหาร แล้วจากนั้น เขาก็จะไม่ค่อยได้แล้ว
เขาลุกขึ้นนั่ง มองไปรอบห้อง ที่แท้เสิ่นเผยซวนพาเขามาส่งที่โรงพยาบาล
เขามองไปรอบด้าน เห็นฉินยา บนตัวเธอไม่ได้ห่มผ้า ถึงแม้ว่าในห้องจะมีเครื่องปรับอากาศ แต่ก็เป็นอากาศช่วงเดือนสิบสอง ก็หนาวพอสมควร
เขาหยิบผ้าห่มบนเตียงขึ้นมา เดินไปห่มให้เธอที่โซฟา พอก้มหน้าลงไป ก็เห็นใต้ตาเธอดำเขียวไปทั้งแผ่น
เห็นได้ชัดว่าพักผ่อนไม่เพียงพอ
ซูจ้านคิดในใจ เธอคงไม่ได้นอนทั้งคืน ไม่อย่างนั้นก็ไม่ได้ดูเหนื่อยขนาดนี้
อาจจะเป็นเพราะซูจ้านเพิ่งตื่น บนผ้าห่มยังมีความอุ่นอยู่ เธอห่มแล้วรู้สึกสบาย ก็เลยขยับร่างกาย เปลี่ยนเป็นท่าที่นอนสบาย แล้วนอนต่อ
ซูจ้านนั่งอยู่บนขอบโซฟา จ้องมองเธอที่นอนอยู่ ดูเหมือนเธอผอมลงไปนิด สีหน้าก็ไม่ดี
เขาคิด ต้องเป็นเพราะเรื่องของเขาและหลิวเฟยเฟย ถึงเศร้าโศกเสียใจ
ซูจ้านถอนหายใจ ความจริงเขาไม่เคยคิดที่อยากจะทำร้ายเธอเลย แต่กลับทำร้ายเธออย่างไม่ได้ตั้งใจ
ประตูห้องถูกเปิดออก ซูจ้านได้ยินเสียง คิดว่าหมอมาตรวจห้อง เขายืนขึ้นมองไปที่ประตู
ปรากฏว่าไม่ใช่หมอ แต่เป็นหลิวเฟยเฟยที่ถือตะกร้าผลไม้และช่อดอกไม้ยืนอยู่ตรงประตู
“ฉันได้ยินว่าคุณย่าไม่สบาย ก็เลยมาเยี่ยม”
ความจริงวันนั้นเธอไปได้ออกจากบ้านตระกูลซู แต่แอบดูอยู่ข้างนอกว่าฉินยาไปหรือไม่ จากนั้นก็เห็นฉินยาจากไป แต่เห็นซูจ้านกับอุ้มคุณย่าวิ่งออกมา
เธอก็ตามมาถึงโรงพยาบาล รู้ว่าคุณย่าไม่สบาย เธอไม่มาปรากฏตัวเมื่อวาน เพราะกลัวว่าตั้งใจเกินไป ก็เลยมาวันนี้
ซูจ้านหน้าเคร่งขรึมทันที “คุณมาทำไม?”
“ฉันมาเยี่ยมคุณย่าไม่ได้หรือคะ?” หลิวเฟยเฟยตาแดง “ไม่ว่ายังไง เมื่อก่อน คุณก็เคยพาฉันไปที่บ้านแนะนำให้คุณย่ารู้จักแล้ว ฉันเคยเรียกท่านว่าคุณย่า วันนี้ท่านไม่สบาย ฉันมาเยี่ยมท่านมันผิดเหรอ?”
ฉินยารู้สึกว่ามีเสียง ขมวดคิ้วแน่น ท่าทางรำคาญ เหมือนไม่ชอบเสียงรบกวนนี้
ซูจ้านห่มผ้าให้เธออย่างดี กลัวหลิวเฟยเฟยทำให้เธอตื่น ก็เลยมองไปที่หลิวเฟยเฟย “คุณตามผมมา”
หลิวเฟยเฟยมองพฤติกรรมเมื่อกี้ของซูจ้าน รู้สึกปวดใจ เมื่อก่อนเรื่องพวกนี้เขาทำให้เธอ แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นผู้หญิงคนอื่น
เธอกำมือไว้แน่น ใบหน้าไม่ได้แสดงอาการอะไรมาก “ฉันวางของก่อน”
เธอวางดอกไม้และตะกร้าผลไม้ไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็มองไปที่ซูจ้าน พูดว่า “เสร็จแล้ว”
ซูจ้านไม่ได้พูด แต่เดินออกไปข้างนอก หลิวเฟยเฟยเดินตามเขาไป