วันนั้นหลินซินเหยียนกอดอยู่กับเขา
ไม่ใช่ลูกเขาแล้วจะลูกใครกัน?
เหอรุ่ยเจ๋อรู้สึกเจ็บหัวใจ ถ้าเกิดเธอมาหาเขาในวันที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตอนนี้เธอก็คงไม่ต้องมาตกอยู่ในที่นั่งลำบากแบบนี้หรอก
ในสายตาของจงจิ่งห้าว เหอรุ่ยเจ๋อนั้นกำลังยอมรับอยู่ เขาหัวเราะเยาะแล้วพูดว่า “เธอยังอายุน้อย——”
“นายจะไปเข้าใจอะไร?!” เหอรุ่ยเจ๋อตะคอก ดวงตาของเขาเริ่มแดงก่ำ เขารู้ว่าจงจิ่งห้าวอยากจะพูดอะไร ไม่มีอะไรมากไปกว่าจะบอกว่าหลินซินเหยียนไม่รักตัวเองหรอก
คำพูดที่ว่าอายุแค่นี้ก็ท้องแล้ว ใช้ชีวิตไม่ระมัดระวังอะไรแบบนั้น!
แต่เขารู้สิ่งที่เธอต้องผ่านมาไหม?
เหอรุ่ยเจ๋อมองจงจิ่งห้าวหัวจรดเท้า สูทที่ดูมีราคานั่น เกรงว่าน่าจะราคาเท่าเงินเดือนหนึ่งปีของคนทั่วไปเลยสินะ
“คุณชายผู้สูงศักดิ์อย่างนาย เคยผ่านประสบการณ์ความทุกข์ยากรึเปล่า? เคยสัมผัสถึงความรู้สึกที่ไม่มีอะไรจะกินรึเปล่า? รู้จักการที่ต้องถูกบีบบังคับให้จนตรอกไม่มีทางเลี่ยงไหม? นายไม่รู้!นายไม่รู้เหรอกว่าเธอมีชีวิตยังไงจนมาถึงทุกวันนี้……”
หลินซินเหยียนจับเหอรุ่ยเจ๋อไว้ แล้วก็ส่ายหน้าให้เขา เธอไม่ต้องการการเห็นใจ ไม่ต้องการให้ใครมาสงสาร เธอแค่อยากจะมีชีวิตอยู่ ดูแลแม่และลูกในท้องให้ดีก็พอแล้ว
“นายพาฉันไปโรงพยาบาลหน่อย” ตอนนี้เธอแทบจะยืนไม่ไหวอีกแล้ว
“โอเค” เหอรุ่ยเจ๋อก้มตัวลงเพื่ออุ้มเธอ
หลินซินเหยียนมองไปที่จงจิ่งห้าวที่กำลังงงงวย ราวกับว่าคาดไม่ถึงกับคำพูดของเหอรุ่ยเจ๋อ “ขอโทษด้วยนะ ฉันไม่ทำงานไม่ได้ แต่ว่าคุณวางใจได้เลย ฉันจะไม่ให้คนอื่นรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของฉันกับคุณ ไม่ให้คุณต้องเสื่อมเสีย”
จงจิ่งห้าวขมวดคิ้ว แววตาดูคลุมเครือ ทันทีหลังจากนั้น สายตาของเขาก็จ้องมองไปที่ใบหน้าของเธอ ผู้หญิงคนนี้——
คนนอกไม่รู้สถานการณ์ของหลินซินเหยียนในตอนนี้ แต่ว่าเหอรุ่ยเจ๋อที่กำลังอุ้มเธออยู่นั้นรับรู้ได้ ตอนนี้ร่างกายของเธอสั่นไม่หยุด เหอรุ่ยเจ๋ออุ้มเธอไปขึ้นรถ แล้วปลอบใจว่า “ไม่ต้องกลัว เลือดไม่ออก แสดงว่าไม่ได้เป็นอะไร”
เหอรุ่ยเจ๋อก็ขึ้นรถด้วยความเร็วสูงสุด พาเธอไปโรงพยาบาล
จงจิ่งห้าวจ้องมองรถที่ขับไปไกล หัวของเขายังย้อนกลับไปคิดคำพูดของเหอรุ่ยเจ๋อเมื่อกี้นี้ หลินซินเหยียนนั้นมีความลับอะไรกันแน่?
การกระทำหลายอย่างของเธอนั้นแปลกจริงๆ
เพื่อที่จะรู้ให้กระจ่างว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหากวนจิ้ง
“ไปสืบเกี่ยวกับหลินซินเหยียนมาหน่อย”
“สืบอะไรเหรอครับ?”
“ทั้งหมด”
พอพูดจบจงจิ่งห้าวก็วางสาย
“อะห้าว”ไป๋จวู่เวยวิ่งออกมาจากร้านอาหาร แล้วก็ดึงแขนของเขา “นายยังโกรธเรื่องที่ฉันไม่ให้หลินซินเหยียนเข้ามาทำงานที่บริษัทอยู่อีกเหรอ? ฉันรู้แล้วว่าฉันผิด ฉันแค่รักนายมากไป——”
“เปล่า พวกเรากลับไปกันเถอะ”น้ำเสียง สีหน้าของเขา เรียบเฉยไม่มีขึ้นมีลงเลย
ไม่มีใครสามารถมองทะลุอารมณ์ที่ถูกซ่อนอยู่ได้
ไป๋จวู่เวยรู้สึกไม่สบายใจ
เมื่อกี้เขาโทรหาใครกัน?
ที่โรงพยาบาล
หลินซินเหยียนถูกส่งเข้าห้องผ่าตัด
เหอรุ่ยเจ๋อรออยู่ด้านนอก การรอคอยมักทรมานเสมอ เขามองเข้าไปที่ห้องผ่าตัดเป็นครั้งคราว
น่าจะผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก หลินซินเหยียนถูกเข็นออกมา เหอรุ่ยเจ๋อรีบเดินเข้าไปทันที “เธอเป็นยังไงบ้างครับ? ”
หมอใส่หน้ากากอนามัย “เพราะว่าทำงานหนักเกินไป ร่างกายส่งสัญญาณการแท้งบุตร ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ว่าต้องระวังตัวและพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ยังงั้นครั้งหน้าอาจจะไม่โชคดีแบบนี้”
“ผมเข้าใจแล้วครับ” เหอรุ่ยเจ๋อเข็นเธอเข้าไปในห้องผู้ป่วย
หลินซินเหยียนมองเหอรุ่ยเจ๋อ แล้วก็พูดออกมาจากใจจริง “ขอบคุณนายจริงๆนะ ที่คอยช่วยเหลือฉันเสมอเลย”
เขาคอยช่วยเหลือเธอเสมอทุกครั้งที่เธอต้องการ
“เธอไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” เหอรุ่ยเจ๋อเผยให้เห็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนแบบที่มีมาเสมอ
“นายจ่ายเงินให้ฉันแล้วใช่ไหม? ฉันคงต้องติดหนี้นายไว้ก่อนนะ” หลินซินเหยียนยกริมฝีปากแห้งๆ ของตัวเองขึ้น
“ตอนนี้ยังไม่ต้องพูดเรื่องพวกนี้หรอก เธอต้องพักผ่อน” เหอรุ่ยเจ๋อไม่ชอบให้เธอมองเขาเป็นคนนอกแบบนี้
พอเข้ามาที่ห้องผู้ป่วย หลินซินเหยียนก็มองเขา “เรียกแม่ฉันมาเถอะ”
เธอไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับเหอรุ่ยเจ๋อมากเกินไป
เหอรุ่ยเจ๋อนึกว่าเธอคิดถึงจวงจื่อจิ่น ยังไงเวลาที่คนเราอ่อนแอนั้น ก็อยากจะให้ญาติอยู่เคียงข้างเสมออยู่แล้ว
เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาจวงจื่อจิ่น บอกเธอว่าหลินซินเหยียนอยู่ที่โรงพยาบาลให้เธอมาที่นี่
จวงจื่อจิ่นได้ยินดังนั้น ก็พูดอย่างตื่นตกใจ “เหยียนเหยียนเป็นอะไรไป? ”
“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ แค่ต้องการการพักผ่อน เธออยากจะเจอคุณ”
พอได้ยินแบบนี้จวงจื่อจิ่นถึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
แล้วเธอก็มาถึงโรงพยาบาลด้วยความเร็วสูงสุด
พอจวงจื่อจิ่นมาแล้ว หลินซินเหยียนก็ให้เหอรุ่ยเจ๋อกลับไปก่อน
“ใช่ สร้างปัญหาให้คุณแล้ว”จวงจื่อจิ่นขอโทษอย่างสุดซึ้ง
“ไม่เป็นไรหรอก ถ้ายังงั้นวันนี้ฉันกลับก่อนนะ พรุ่งนี้จะมาเยี่ยมใหม่” เหอรุ่ยเจ๋อมองเธอ “พักผ่อนเยอะๆ นะ”
“อืม”
พอเหอรุ่ยเจ๋อไป จวงจื่อจิ่นก็นั่งลงข้างเตียง แล้วก็ห่มผ้าให้กับเธอ “อยากกินอะไรไหม? ”
หลินซินเหยียนส่ายหน้า สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นัก
จวงจื่อจิ่นรู้สึกทุกข์ใจ
“เดิมทีลูกสามารถมีอนาคตที่ดีมากๆได้ แต่ว่าเพราะแม่แล้ว ก็ไม่ได้เรียนหนังสือ แถมตอนนี้——”
พอนึกถึงลูกในท้องของเธอ จวงจื่อจิ่นก็รู้สึกปวดใจ “ลูกบอกว่าลูกตั้งท้องตอนที่อยู่ประเทศA ถ้าเกิดว่าเป็นเด็กผมสีทองตาสีฟ้าจะทำยังไงล่ะ? ”
จวงจื่อจิ่นกังวลว่าจะเป็นคนในท้องถิ่น
“ไม่ว่าเขาจะเป็นยังไง เขาก็เป็นลูกของหนู และก็คือหลานของแม่” หลินซินเหยียนจะไม่คิดถึงเรื่องเมื่อคืนวันนั้น เรื่องคืนนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับเธอเลย
“ประเทศAงั้นเหรอ? ” จงจิ่งห้าวมาหาหลินซินเหยียนที่โรงพยาบาล เดิมทีอยากจะเคาะประตู แต่ก็พบว่าจวงจื่อจิ่นกำลังคุยกับเธออยู่ด้านใน ก็เลยไม่อยากจะรบกวนพวกเธอ
“อืม ไม่ว่าจะมีผิวขาวหรือผิวเหลือง ก็เป็นหลานของแม่ทั้งนั้นแหละ” จวงจื่อจิ่นคิดได้แล้ว ขอแค่ลูกสาวของเธอมีความสุข เธอก็ยินดีที่จะทำตามเธอ ดูแลเธอ
บางทีเธอและเด็กคนนี้อาจจะมีโชคชะตาต่อกันก็ได้
เพราะว่าแค่ครั้งเดียวลูกก็ติดเลย
จวงจื่อจิ่นลูบหน้าผากของเธอ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า “ลูกสาวของแม่ ต้องมายากลำบากกับแม่แท้ๆ เลย”
“เธอยังไม่ได้เอาลูกออกอีกเหรอ? ” จงจิ่งห้าวยิ่งนับวันยิ่งรู้สึกว่าเธอเป็นปริศนามากขึ้นเรื่อยๆ
วันนั้นที่โรงพยาบาล เธอเข้าไปในห้องผ่าตัดแล้วนี่
พวกเธอกำลังคุยกันอยู่ เขาไม่อยากจะเข้าไปรบกวน ก็หันหลัง แล้วก็เดินออกไป
พอเดินมาถึงหน้าโรงพยาบาล โทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมา ก็เห็นว่าเป็นชื่อของกวนจิ้ง
เขารับสาย
“สิ่งที่คุณให้ผมไปสืบ ผมสืบมาเรียบร้อยแล้วครับ”