หลินซินเหยียนยืนจังก้าอยู่ตรงประตู จ้องไปที่ไป๋จวู่เวย
ไป๋จวู่เวยเมื่อโดนมองด้วยสายตาแบบนั้นก็ขนลุกขึ้นมาทันที ก่อนจะพยายามเพ่งไปที่หน้าจอโทรศัพท์ของนั่น แต่เพราะอยู่ไกลเกินไป เลยมองไม่ค่อยเห็นว่าในนั้นคืออะไร ถึงอย่างนั้นตอนนี้เธอกำลังอยู่ต่อหน้าจงจิ่งห้าว จะทำตัวท่ามากก็คงไม่ได้ ทำได้แค่ถามขึ้นมาเบา ๆ ” คุณหลิน ทำไมมองฉันอย่างนั้นล่ะคะ ”
หลินซินเหยียนก็ถูกเสียงของไป๋จวู่เวยดึงออกมาจากภวังค์ มันมีวูบหนึ่งที่เกือบควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เกือบจะหลุดถามต่อหน้าจงจิ่งห้าว
แต่เมื่ออารมณ์เย็นลงแล้ว เธอก็ไม่ได้ทำแบบนั้น
ไป๋จวู่เวยเป็นผู้หญิงที่จงจิ่งห้าวรัก ไม่ว่าจะทำอะไร จงจิ่งห้าวคงไม่เข้าข้างภรรยาเพียงในนามอย่างเธอ เพื่อลงโทษผู้หญิงที่เขารักหรอก
เธอกำโทรศัพท์ในมือแน่น ผ่านไปพักใหญ่กว่าอารมณ์จะกลับมาปกติ
ก่อนจะตอบไป๋จวู่เวยกลับไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ” ฉันแค่คิดว่าคุณไป๋หน้าตาสวยดีค่ะ ก็เลยจ้องนานไปหน่อย คุณไป๋คงไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะ ”
พูดไปหลินซินเหยียนก็เดินตรงไปยังพวกเขา สายตาเหลือบไปเห็นเอกสารบางอย่างบนโต๊ะน้ำชา เธอยื่นมีไปหยิบมันขึ้นมาดู มันคือสัญญาของที่อ่าวรีพัลส์เบย์
เธอเงยหน้าขึ้นมามองจงจิ่งห้าว แล้วถามต่อด้วยรอยยิ้ม ” คุณให้ฉันเหรอคะ ”
คนที่เงียบไม่สบอารมณ์ตั้งแต่ต้นจนจบอย่างจงจิ่งห้าวก็ตอบรับไปเบา ๆ
ไป๋จวู่เวยอดไม่ได้ที่จะค้อนสายตา นี่ นี่ยกให้หลินซินเหยียนจริง ๆ น่ะเหรอ
ทำไมกัน
ไป๋จวู่เวยไม่เข้าใจ!
หลินซินเหยียนเงยหน้าขึ้นมองไป๋จวู่เวยดูก็รู้ว่าโกรธจัด แต่ก็ยังทำเป็นอดทนอยู่ได้ เธอเลยอดไม่ได้ที่จะยิ้ม ” คุณไป๋ ฉันเป็นภรรยาของคุณจง ให้ของฉันนิด ๆ หน่อย ๆ คุณคงไม่คิดเล็กคิดน้อยหรอกใช่ไหมคะ ”
ไป๋จวู่เวยโกรธจนตัวสั่น อีนังผู้หญิงตายด้านนี่ หน้าไม่อายเสียจริง!
กล้าดียังไงมาเรียกตัวเองว่าเป็นภรรยา หล่อนมีสิทธิ์อะไรมิทราบ
ถ้าไม่ใช่เพราะอยู่ต่อหน้าจงจิ่งห้าว ไป๋จวู่เวยคงตบเธอไปแล้วหนึ่งฉาด!
” ก็แน่นอนสิคะ ” ไป๋จวู่เวยกดหน้าต่ำ สายตามองไปข้างล่าง ก่อนจะพูดความน้อยเนื้อต่ำใจของตัวเอง ” คุณหลินคุณก็เป็นเจ้าของโดยชอบธรรมอยู่แล้ว ฉันมีสิทธิ์มีเสียงอะไรได้ล่ะคะ ”
” คุณเป็นผู้หญิงที่ประธานจงชอบ คุณอยู่กับเขามานาน ทำไมต้องพูดบั่นทอนตัวเองด้วยล่ะ ” กวนจิ้งชายตามองไปที่หลินซินเหยียน นึกไม่ถึงเลยว่าผู้หญิงคนนี้ นอกจากจะไม่ระวังคำพูดแล้ว หน้ายังหนาอีกต่างหาก
ทั้ง ๆ ที่เป็นการแต่งงานเพราะธุรกิจแท้ ๆ ยังกล้าบอกว่าตัวเองเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอยู่อีก
แต่ถึงเธอจะเป็นภรรยาของจงจิ่งห้าว ถึงใจเราจะไม่พึงใจเธอเท่าไหร่นัก ก็ไม่กล้าแสดงความไม่เคารพออกไปหรือตั้งใจจะรวมหัวกับไป๋จวู่เวยเพื่อกลั่นแกล้งเธอ
หลินซินเหยียนยังคงลอยหน้าลอยตาต่อไป เหมือนไม่ได้ยินคำพูดเสียดสีถากถางของพวกเขา เธอกลับยิ้มแล้วพูดว่า ” คุณไป๋ ถ้ายอมรับสถานะของฉันแล้วล่ะก็ ช่วยหลบไปหน่อยได้ไหมคะ ”
ไม่กี่วิต่อมา บรรยากาศก็น่าอึดอัดลงเสียอย่างนั้น
สายตามองดิ่งไปยังจงจิ่งห้าวที่นั่งนิ่งไม่ไหวติงมาโดยตลอด
สถานะนี้ เขาจะยอมรับไหมนะ
ถ้ายอมรับ ไป๋จวู่เวยจะเป็นยังไงล่ะ
สีหน้าของจงจิ่งห้าว ในความพร่ามัวนั้น ก็ไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จากโคมไฟเล็ก ๆ ที่แวววับจับตา ไม่สามารถปกปิดใบหน้าที่ดุดันนั่นที่ปรากฏออกมาในชั่วพริบตาได้ ” เธออยู่ในฐานะอะไร ”
ในบรรยากาศที่มาคุแบบนี้ หลินซินเหยียนยังคงสู้ต่อ เธอจ้องเขม็งเกลียวไปที่เขา ” พวกเราเป็นสามีภรรยากัน แม้จะแค่หนึ่งชั่วโมง ก็ถือว่าเป็นสามีภรรยากันอยู่ดี ในระหว่างการแต่งงานครั้งนี้ ฉันแค่อยากนั่งอยู่ข้าง ๆ คุณมันยากนักเหรอ ”
หลินซินเหยียนเอาคำพูดที่เขาพูดมาท้าทายเขา
เธอถูกรังเเกมานานแล้ว ถ้ามีแค่ตัวเองที่ถูกทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว ไม่มีทางเสียหรอก
แต่ไป๋จวู่เวย จะใช้จวงจื่อจิ่นเป็นเครื่องมือ ทำให้ป่วยเป็นโรคทางจิต เรื่องนี้เธอยอมไม่ได้เด็ดขาด
ถ้าไป๋จวู่เวยกลัวว่าเธอกับจงจิ่งห้าวจะเข้ามาใกล้กัน ถ้าอย่างนั้น เธอก็จะยิ่งใกล้เขาเข้าไปอีก
แล้วต้องทำต่อหน้าต่อตาเสียด้วย!
จวงจื่อจิ่นเป็นคนที่เธอรักมากที่สุด และเป็นเส้นที่ไม่ยอมให้ใครมาแตะต้อง ” คุณไป๋ ถึงความสัมพันธ์ของคุณกับสามีของฉันจะไม่ธรรมดาก็เถอะ แต่ก็นะ ตอนนี้เรายังไม่ได้หย่ากันด้วยซ้ำ ดังนั้นคุณไป๋ก็ช่วยระวังการกระทำของตัวเองด้วยนะคะ ”
ไป๋จวู่เวยมองไปที่จงจิ่งห้าว แต่สายตาของเขาของเขาก็กำลังมองไปที่นังผู้หญิงฟันคมปากคล่องนั่น!
ผู้หญิงคนนี้ เปลี่ยนสีหน้าได้ไวเสียจริง
เมื่อก่อนทั้ง ๆ ที่เป็นคนดูอ่อนแอขนาดนั้น แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นคนที่กล้าหาญยืนเถียงได้เป็นฉอด ๆ
เธอเป็นผู้หญิงยังไงกันแน่
ท่าทีของจงจิ่งห้าวทำให้คนอื่นมองไม่ออก แม้แต่ตัวกวนจิ้งก็ยังไม่เข้าใจ แต่เขารู้เพียงแค่ว่า เวลานี้ไม่ควรให้ผู้หญิงทั้งสองคนอยู่ที่นี่พร้อมกัน
กวนจิ้ง ถึงแม้จะมองเรื่องราวไม่ออก แต่เขาก็เป็นคนที่ฉลาดพอ เฉกเช่นตอนนี้
เขาลุกขึ้น แล้วตบบ่าของไป๋จวู่เวยเบา ๆ ” ไปเถอะ ”
ไป๋จวู่เวยไม่พอใจ
เธออยากจะรู้ว่าในใจของจงจิ่งห้าวเธอสำคัญแค่ไหน
แต่ถ้าจงจิ่งห้าวเลือกหลินซินเหยียน เธอคงจบเห่แน่ ๆ สิ่งที่ทำมาทั้งหมดก็ไม่มีค่าอะไรแล้ว จงจิ่งห้าวไม่ได้รักเธอ เธอรู้ดี
จงจิ่งห้าวดีกับเธอ เป็นเพราะความรู้สึกดีต่อกันในคืนนั้น และหลายปีที่อยู่ด้วยกันมา เขาไม่ได้ชอบหรือรักเธอเลย
เธอไม่กล้าเดิมพันกับเรื่องนี้
เธอไม่ยอมแพ้เด็ดขาด!
” ฉันไม่อยากทำให้อะห้าวลำบากใจ คุณชนะแล้วล่ะ ” ไป๋จวู่เวยสุดท้ายก็ทำตัวเป็นคนดีก่อนที่จะไป
เธอไม่ได้ยอมแพ้ แต่แค่ไม่อยากสร้างความลำบากใจให้ จงจิ่งห้าว
เธอเป็นคนมีเมตตา เห็นแก่คนอื่น
ไม่นาน ห้องก็เงียบลง
เงียบขนาดที่ว่า แม้เสียงลมหายใจเบา ๆ ก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน
บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัดเช่นนี้อยู่สามนาที เหงื่อที่หลังของหลินซินเหยียนเริ่มแตกพลั่ก สักพักเธอก็เกริ่นขึ้นมา ” ฉันขอกลับห้องก่อนนะ ”
เมื่อกี้ที่เธอเป็นแบบนั้น ก็เป็นเพราะไป๋จวู่เวย
ตอนนี้ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นไปแล้ว เธอก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ต่อ
ตอนที่เธอกำลังจะก้าวเท้า กลับถูกจงจิ่งห้าวดึงที่ข้อมือ ด้วยแรงดึง ทำให้ร่างกายของหลินซินเหยียนหมุนเป็นวงอยู่บนอากาศ ก่อนที่จะตกลงมาบนอ้อมอกของคนคนหนึ่ง
แรงที่เธอพยายามจะต่อต้าน ข้อมือกลับถูกพันธนาการเอาไว้ ทำให้เธอขยับไปไหนไม่ได้
” คุณจะทำอะไร ” ใจของหลินซินเหยียนปั่นป่วนไปหมด
หึ ๆ
” ทำอะไรน่ะเหรอ เมื่อกี้คุณไม่ได้เล่นหูเล่นตาอยู่สินะ ” จงจิ่งห้าวใช้มือบีบขากรรไกรของเธอไว้แน่น ” เหมือนฉันจะรู้จักเธอน้อยเกินไป ”
ถ้าไม่ใช่เพราะไป๋จวู่เวย เธอจะยอมยั่วเขาที่ไหนล่ะ
เธอเป็นคนที่เจอแต่ความลำบากมาก่อน สิบปีที่ผ่านมา เธอไม่ได้เติบโตแค่อายุ แต่จิตใจและสติปัญญาก็โตตามไปด้วย
ถ้าเธออ่อนโอน คนอื่นก็จะคิดว่าเธอถูกรังแกได้ง่าย ๆ เพราะฉะนั้นเธอจะไม่ยอมอ่อนแอต่อหน้าคนที่คิดจะทำร้ายเธอเด็ดขาด
เธอมีแม่และลูกในท้องที่ต้องดูแลรักษา
เธอต้องเข้มแข็งและกล้าหาญ
จงจิ่งห้าวเมื่อโดนคนปฏิบัติใส่แบบนี้ ผู้หญิงคนนี้….
” หลิน….. ”
หลินซินเหยียนที่ใส่เสื้อเชิ้ตคอกลมสีขาว เวลานี้ท่วงท่าที่เอียงกายอยู่ในอ้อมอกของเขานั้น
ลมหายใจของเธอที่กระหืดกระหอบนั้น มีความยั่วยวนแฝงอยู่ไม่น้อย
ความเดือดดาลอย่างไร้เหตุผล เหมือนเลือดในตัวของเขากำลังพลุ่งพล่านไม่หยุดนิ่ง
หลินซินเหยียนไม่รอให้จงจิ่งห้าวพูด ขนตาอันงอนยาวกับเปลือกตานั้นเบิกโพลง ก็เห็นสีหน้าของเขาเหมือนมีอะไรในใจแต่กลับแสดงอารมณ์ออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน
สายตาของเขา……
หลินซินเหยียนมองไปตามสายตาของเขาลงมา…..
ด้วยความโกรธที่โดนแอบมองแบบนี้ ทำให้เธอใช้แรงทั้งหมด ผลักเขาออกไป
จงจิ่งห้าวที่โดนผลักอย่างไม่ทันตั้งตัว จนลงไปกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟา ท่าทางเหมือนไปต่อไม่ถูก !
หลินซินเหยียนรีบเอามือปกปิดหน้าอกตัวเองเอาไว้ ” ไอ้คนหยาบคาย ! ”
เธอกุลีกุจอลุกขึ้นจากโซฟา อยากที่จะหนีออกไปจากตรงนี้ แต่อาจเป็นเพราะเธอรีบร้อนเกินไป ทำให้ ไม่ได้ระวัง จนสะดุดขาของจงจิ่งห้าว ทั้งตัวของเธอล้มแหมะลงมาบนตัวของจงจิ่งห้าวอีกครั้ง
” อ๊ะ…… ”
แม้แต่ตัวจงจิ่งห้าวก็ยังหลบไม่ทันด้วยซ้ำ……