สมองของหลินซินเหยียนโล่งไปหลายวินาที ดวงตาของเขาสั่นไหว สักพักถึงจะนิ่ง “นาย นายยังสบายดีไหม?”
การป้องกันตามสัญชาตญาณของเธอ
ร่างกายแข็งแกร่งของจงจิ่งห้าวอยู่ด้านบนของเธอ ดวงตาร้อนแรงเหมือนไฟ เหมือนจะล้นออกมา แต่กลับกำลังบังคับอย่างหนัก “เธอคิดว่าฉันมีไข้?”
จับหน้าผากของเขา?
ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาแตะไม่ได้เหรอ?
โดยเฉพาะผู้หญิง!
นี่เป็นเพียงสัญชาตญาณ คนไม่สบายก็จะจับหน้าผาก อย่างไรก็ตามเขาไม่สบาย หลินซินเหยียนก็ทำกับเขาเหมือนเป็นคนไม่สบาย
“นายไม่เป็นอะไรก็ดี” หลินซินเหยียนรู้สึกได้ถึงความอันตรายของตอนนี้ ลองหนีออกจากอ้อมกอดของเขา
จงจิ่งห้าวก้มตัวลงมา กดร่างของเธอที่กำลังจะหนี “ใช้ฉันเสร็จ ก็ไม่ให้ของตอบแทนเหรอ?”
ริมฝีปากของเขาอยู่ข้างหูของเธอ เกือบแนบบนผิวของเธอ ลมหายใจร้อนๆ ที่ออกมาเมื่อเขาพูด สาดลงมา จั๊กจี้ ท่าทางที่คลุมเครือนี้ ฉีกฝันเก่าที่เธอซ่อนอยู่ในก้นบึ้งหัวใจ คืนนั้น ผู้ชายคนนั้นก็คร่อมอยู่บนตัวเธออย่างเอาแต่ใจ—
เธอกำลังสั่นเล็กน้อย เขายิ่งรัดแน่น
“คุณจง—ฉัน ฉันพาคุณไปโรงพยาบาล” เธอพยายามให้ตัวเองใจเย็น “ฉันเป็นผู้หญิงที่เคยมีผู้ชาย คุณไม่สนใจแน่นอน”
หลินซินเหยียนตั้งใจเน้นคำว่าฉันมีผู้ชายสี่คำนี้
เหมือนเตือน และเหมือนตั้งใจให้เขารังเกียจ
มีความรังเกียจ ต่อให้มากก็น่าจะบังคับได้
จริงๆ ได้ยินหลินซินเหยียนพูดว่าฉันมีผู้ชายสี่คำนี้ ดวงตาของจงจิ่งห้าวถูกปกคลุมด้วยน้ำค้าง ยังร้อนอยู่แต่ลดความร้อนแรงลดลง
นิ้วมือของเขาลูบผ่านใบหน้าของเธอ วินาทีต่อมาบีบคอของเธอ พูดด้วยความโกรธ “เธอมี?”
หลินซินเหยียนส่ายหน้า “ไม่มีๆ ฉันขัดแย้งกับพวกเขา จะร่วมมือกับพวกเขาคิดร้ายกับนายได้ยังไง นายเป็นที่พึ่งของฉันนะ ฉันแยกออกว่าสิ่งไหนสำคัญกว่า”
มีเหงื่อไหลลงมา หยดลงบนใบหน้าของหลินซินเหยียนพอดี ร่างกายของเธอแข็งทื่อ เขากำลังบังคับจริงๆ แสงนอกรถส่องเข้ามา สามารถเห็นเหงื่อของเขาได้อย่างชัดเจน
หลินซินเหยียนลองขยับแขน จงจิ่งห้าวไม่ได้ห้าม เธอกดปุ่มเปิดหน้าต่างรถ อาการสดชื่นเข้าสู่ในรถ บรรยากาศที่คลุมเครือลดลงเล็กน้อย จงจิ่งห้าวมีสติขึ้น
เสียงของเขาแหบพร่า “โทรศัพท์หากวนจิ้ง”
พูดจบเขาก็นอนลง หลินซินเหยียนดึงตัวออกมา ไปจับกระเป๋าของเขา หลินซินเหยียนไม่รู้ว่าโทรศัพท์มือถือของเขาเก็บไว้ในกระเป๋าไหน จับสองครั้งก็หาไม่เจอ ขณะที่มือไปจับกระเป๋ากางเกงของเขา จงจิ่งห้าวขมวดคิ้ว “อย่าจับมั่ว”
เขายับยั้งเสียงมาก ลืมตาเร็วๆ จ้องมองหลินซินเหยียน “จับอีก—“
เขากลับตัวเองยับยั้งไม่ได้
เขาจับมือของหลินซินเหยียนมาวางไว้ที่กระเป๋ากางเกงฝั่งขวา “ที่นี่” พูดจบเขาก็ปล่อยเขา แล้วหลับตาอีกครั้ง
หลินซินเหยียนหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาจากกระเป๋ากางเกง ค้นหาเบอร์โทรศัพท์ของกวนจิ้ง กดโทรออก
หลินซินเหยียนลงจากเบาะหลัง รอข้างนอกให้กวนจิ้งมา
อยู่ในรถไม่ค่อยปลอดภัย
ใครจะรู้ ความยับยั้งของจงจิ่งห้าวแรงไหม?
กวนจิ้งยังถือว่าเร็ว สิบกว่านาทีก็ถึงแล้ว พาจงจิ่งห้าวกลับวิลล่าอย่างราบรื่น
เดิมทีหลินซินเหยียนให้กวนจิ้งส่งไปโรงพยาบาล เธอกลัวจงจิ่งห้าวไม่สบาย
แต่ว่าจงจิ่งห้าวให้กวนจิ้งกลับวิลล่า
กลับถึงวิลล่าหลินซินเหยียนไปห้องน้ำแล้วเปิดน้ำเย็นลงอ่าง ลองให้เขามีสติมากขึ้น จริงๆ แล้วเขามีสติ เพียงแต่ดูไม่มีสติ
แช่ในน้ำเย็นหนึ่งชั่วโมงกว่า จงจิ่งห้าวหลุดพ้นเกือบหมดแล้ว ให้กวนจิ้งและหลินซินเหยียนพยุงออกมา
วางคนไว้บนเตียง กวนจิ้งมองหลินซินเหยียน “เกรงว่าต่อมาฉันคงช่วยเธอไม่ได้แล้ว ฉันรอด้านนอก เธอมีอะไรก็เรียกฉัน”
หลินซินเหยียน “……”
“เดี๋ยวก่อน นายไปแล้ว เขา—” หลินซินเหยียนชี้ผู้ชายที่เปียกทั้งตัว
ทำยังไง?
กวนจิ้งยักไหล่ บ่งบอกว่าช่วยไม่ได้ “งานเปลี่ยนเสื้อ ฉันไม่ทำแน่นอน ดังนั้นมีแค่เธอแล้ว เธอเป็นภรรยาที่ถูกกฎหมายของประธานจง ดูแลเขา มันสมเหตุสมผลและถูกกฎหมายที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา”
หลินซินเหยียน “……”
ในนามสมเหตุสมผลและถูกกฎหมาย แต่ว่า—
“ฉันอยู่ด้านนอก” พูดจบกวนจิ้งเดินออกไป และปิดประตู เขายืนอยู่หน้าประตูและสั่นไปทั้งตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าให้จงจิ่งห้าว เห็นร่างกายของเขา?
แค่คิด กวนจิ้งก็สามารถนึกถึงภาพที่จงจิ่งห้าวโมโห
ถ้าไม่ดีอาจจะไล่เขาออก
หลินซินเหยียนยืนอยู่ข้างเตียง มองผู้ชายที่อยู่บนเตียงอย่างลำบากใจ เปียกทั้งตัวแล้วไม่เปลี่ยนชุด อาจจะเป็นหวัดได้
เปลี่ยน เธอมองดูโคมระย้าคริสทัลบนเพดานอย่างช่วยไม่ได้ สูดหายใจเข้าลึกๆ “เห็นแก่ที่วันนี้นายทำเพื่อฉัน ฉันไม่สนใจนายไม่ได้”
เธอก้มตัวลง ยื่นมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตทีละเม็ด ยกแขนของเขา ถอดเสื้อออก จากนั้นถอนเข็มขัด หันหน้าไปแล้วถอดกางเกง เหมือนคนตาบอดจับผ้าห่มแล้วห่มบนตัวเขา
ทำทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย หลินซินเหยียนถึงจะมองเขา เขาหลับแล้ว ดูเหมือนจะหลับลึกด้วย
เธอนำเสื้อผ้าที่เปียกออกไป กวนจิ้งเห็นเธอออกมา ลุกขึ้นจากโซฟา “เปลี่ยนเสร็จแล้ว?”
หลินซินเหยียนพยักหน้า นำเสื้อผ้าให้ป้าหยู
“คืนนี้ประธานจงอาจจะต้องมีคนอยู่ด้วยตลอด เธอเฝ้าไว้ มีอะไรก็โทรศัพท์หาฉัน ฉันก่อนไปก่อน” กวนจิ้งพูดแล้วหยิบเสื้อโค้ต
หลินซินเหยียนพยักหน้าอย่างยอมแพ้ หาผ้าขนหนูแห้งเช็ดผมให้จงจิ่งห้าว
เมื่อเช็ดผมเสร็จเธองุกขึ้นจะไปวางผ้าขนหนู จู่ๆ ก็ถูกจงจิ่งห้าวดึงข้อมือไว้ ออกแรงกระชากเธอลงบนเตียง เขาพลิกตัว ขายาวกดลงบนตัวของเธอ หลินซินเหยียนพยายามผลักเขาออก แต่ยิ่งผลักเขาก็ยิ่งกอดแน่น
เขากอดร่างเพรียวของเธอ ซุกหน้าลงบนคอของเธอ เสียงพึมพำ “ไม่ต้องกลัว—“
หลินซินเหยียนไม่กล้าขยับ เสียงของเขาเบามาก เธอฟังไม่ชัด ถามเสียงเบา “นายพูดว่าอะไรนะ?”
แต่ว่าไม่มีคนตอบเธอ
จากนั้นหลินซินเหยียนง่วง นอนหลับบนเตียงแล้ว
แสงอาทิตย์อบอุ่นส่องเข้ามาผ่านช่องว่างในม่าน บนตาของจงจิ่งห้าวขยับแล้วลืมตาขึ้น เหมือนว่าการหลับลึกทั้งคืนไม่คุ้นกับแสงสว่าง เขาหลับตา ผ่านไปสักพัก ก็ลืมตาอีกครั้ง
กำลังจะขยับก็พบว่ามีอะไรบางอย่างทับแขนของตัวเองอยู่ เขาหันหัว ก็พบว่ามีผู้หญิงนอนอยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง
ผมสีดำของเธอเหมือนน้ำตก ขนตาหนางอนเด้ง เหมือนผีเสื้ออยู่บนเปลือกตา ปากแดงเหมือนเชอร์รี่เม้มเล็กน้อย ลมหายใจขึ้นๆ ลงๆ คนถูกรบกวนรู้สึกไม่สบายใจ เขาขยับแขนเบาๆ แต่เพิ่งขยับ หลินซินเหยียนก็พึมพำ
ขยับตัวเล็กน้อย ขนตาสั่นเบาๆ ค่อยๆ ลืมตา สิ่งที่ดึงดูดสายตาคือใบหน้าหล่อเหลาที่ไร้ที่ติราวกับประติมากรรม
ตอนนี้กำลังนอนหลับ
เธอชะงักเล็กน้อย แต่ก็โล่งอก ถ้าเขาตื่นอยู่ จะเขินอายแค่ไหน?
เธอเปิดผ้าห่ม ใช้โอกาสที่จงจิ่งห้าวยังไม่ตื่น ไปจากที่นี่ เธอเดินเท้าเปล่า ขณะที่หมุนตัวไปห่มผ้าให้เขา สายตาเผลอไปมองที่ไหล่ของเขา
หยุดหายใจชั่วขณะ
ทำไมบนไหล่ของเขาถึงมีรอยกัด?
หลินซินเหยียนรู้สึกสมองยุ่งเหยิง แต่ก็ชัดเจน ความคิดที่น่าตกใจระเบิดในหัวของเธอ