จงจิ่งห้าวไม่ใช่ไม่รู้ว่าไป๋จวู่เวยมีแผนอยู่ในใจ เพียงแต่ว่าข่าวการแท้งของเธอมันกระทบกระเทือนต่อจิตใจเขามาก
ผู้หญิงที่อยู่กับเขามานาน มอบตัวเองให้กับเขา ทว่ากลับมาแท้งลูก แม้จะมีแผนในใจแล้วจะให้ทำยังไงได้ล่ะ?
จงจิ่งห้าวหลบสายตาลงแล้วตอบอืมเบาๆ
เหมือนกับว่าไม่อยากคุยเรื่องไป๋จวู่เวย
หลินซินเหยียนก็ไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ เพียงแต่ว่าเธออยากได้ยินจากปากของเขาเอง “พอหย่าแล้ว พวกคุณจะแต่งงานกันไหม?”
มือของจงจิ่งห้าวที่ถือแก้วกาแฟอยู่สั่นระริกเล็กน้อย จากนั้นเขาก็วางมันลงด้วยท่าทีสงบนิ่ง เขาหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดปากช้าๆแล้ววางลงพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมา “ผมจะแต่งงานกับหล่อน”
พูดจบเขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากคฤหาสน์
เขารักไป๋จวู่เวยจริงๆสินะ
หลินซินเหยียนไม่หิว แต่เพื่อเด็กในท้อง เธอดื่นนมที่ป้าหยูเตรียมมาให้จนหมดและกินไข่เจียวเข้าไปด้วย
พอทานอาหารเช้าเสร็จ เธอก็ออกไปจากคฤหาสน์
ตอนนี้เธอต้องหาที่พักให้ได้ซะก่อน
โชคดีที่เธอใช่เวลาหาไม่นานมาก เธอได้ห้องพักแบบสองห้องนอน ซึ่งทั้งราคาหรืออะไรต่างๆมันเหมาะสมและพอดีกับเธอมาก เธอจ่ายเงินมัดจำไว้และตัดสินใจเช่าห้องนั้น
พอเซ็นสัญญาเสร็จเธอก็เดินออกมารอรถที่ข้างทาง
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเวลา ตอนนี้8โมง50นาทีแล้ว เหลืออีกสิบนาทีก็จะถึงเก้าโมง เธอกลัวว่าจะไปไม่ทันจึงรู้สึกร้อนใจขึ้นมานิดหน่อย อีกอย่างที่นี่เรียกรถค่อนข้างยาก เกือบถึงเก้าโมงหลินซินเหยียนถึงเรียกรถแท็กซี่ได้คันหนึ่ง
พอขึ้นรถเธอก็โทรไปที่คฤหาสน์ทันที ป้าหยูเป็นคนรับสาย “ถ้าผู้ช่วยกวนไปถึงบ้านแล้ว ป้าบอกให้เขารอแปบนึงนะคะ อีกเดี๋ยวหนูก็ถึงแล้ว”
เธอไม่อยากให้เขาเข้าใจผิดว่าเธอไม่อยากหย่าหรือว่าเธอกำลังยื้อเวลาอยู่
ป้าหยูตอบรับ จากนั้นหลินซินเหยียนก็วางสาย ขณะที่เธอกำลังจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นอีก เหอรุ่ยเจ๋อโทรมานั่นเอง
เธอกดรับสาย ไม่นานเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น “เหยียนเหยียน คุณอยู่ไหนเดี๋ยวผมไปหา ผมกลับมาแล้ว”
หลินซินเหยียนมองออกไปนอกหน้าต่าง เธออยู่ข้างนอก และกำลังรอให้กวนจิ้งพาไปสำนักทะเบียน ตอนนี้ไม่มีเวลาไปเจอกับเขา เธอก็เลยพูดออกไป “เดี๋ยวฉันโทรกลับนะ——”
ยังไม่ทันพูดจบ ขณะที่คนขับรถกำลังหมุนพวงมาลัยขับผ่านสี่แยก จู่ๆก็มีรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่เหมือนจะหลุดการควบคุมพุ่งตรงมาที่รถของพวกเขา!
หลินซินเหยียนเบิกตาโพลง นัยน์ตาสะท้อนภาพใบหน้าที่กำลังหวาดกลัวของคนขับรถบรรทุก——
“เหยียนเหยียน——”
ตูม!
เสียงรถสองคันปะทะกันดังสนั่น เนื่องจากรถบรรทุกมาด้วยความเร็วสูง รถแท็กซี่จึงถูกชนพลิกคว่ำไปหลายตลบสุดท้ายรถก็ไปพาดอยู่ตรงเกาะกลางถนน
ส่วนรถบรรทุกขนาดใหญ่พุ่งถลาไปไกลหลายสิบเมตร แล้วก็ชนเข้าไปที่ป้ายโฆษณาขนาดยักษ์ จากนั้นถึงได้หยุดลง
“เหยียนเหยียน——” โทรศัพท์ที่กระเด็นออกไปนอกรถยังคงมีเสียงดังเล็ดลอดออกมา
น้ำเสียงของเหอรุ่ยเจ๋อดูร้อนใจเป็นพิเศษเพราะเสียงที่ดังสนั่นเมื่อกี้บ่งบอกได้ว่ามีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น
ใบหน้าของหลินซินเหยียนเต็มไปด้วยเลือด ทุกสิ่งรอบตัวดูเลือนรางไปหมด เจ็บ เจ็บมาก เจ็บไปทั้งตัว
ไม่ เธอจะหมดสติไปไม่ได้ เธอยังมีลูก เธอต้องไม่ตาย
เธอกัดฟันทนเจ็บแล้วตะโกนขึ้น “มีใครอยู่ไหม ช่วยฉันด้วย——”
เสียงของเธอฟังดูไร้เรี่ยวแรงมาก
มีคนใจดีคนหนึ่งช่วยโทรแจ้งตำรวจ เรียกรถพยาบาลให้ แล้วเข้ามาช่วยคนในรถ
“ช่วยฉันด้วย——” หลินซินเหยียนค่อยๆหมดสติ เสียงของเธอเบาลงไปเรื่อยๆ เบาจนแทบไม่มีใครได้ยิน
สุดท้ายเธอก็สลบไป
พอฟื้นขึ้น กลิ่นยาฆ่าเชื้อก็โชยเตะจมูกเข้ามาอย่างจัง
พอเหอรุ่ยเจ๋อเห็นเธอฟื้นแล้ว เขาก็รีบเข้าไปจับมือเธอไว้ด้วยความดีใจ “คุณฟื้นแล้ว”
หลินซินเหยียนกลอกตาไปมา พอเห็นทุกอย่างชัดเจนแล้วก็รู้ทันทีเลยว่าที่นี่คือห้องพักฟื้นในโรงพยาบาล
“คุณประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ต้นเหตุมาจากรถบรรทุกขนาดใหญ่คันหนึ่งเบรคแตก ตอนที่ผมไปถึง คุณก็ถูกช่วยออกมาแล้ว ”
ตอนนั้นทั้งตัวเธอเต็มไปด้วยเลือด มีทั้งเลือดตัวเองและเลือดของคนขับรถ
เขากำมือเธอไว้แน่น “คุณรู้ไหมว่าตอนนั้นผมกลัวมากแค่ไหน ผมกลัวว่าคุณจะไปจากผมแล้ว——”
เขาพูดไปพลางตีปากตัวเองไปครั้งหนึ่ง “นี่ผมพูดเรื่องอัปมงคลอะไรออกไปเนี่ย”
หลินซินเหยียนขยับตัวไปมาพยายามที่จะลุกขึ้นนั่ง ทว่าเหอรุ่ยเจ๋อก็กดเธอไว้ ไม่ให้เธอขยับตัว “คุณยังขยับตัวไม่ได้ คุณพึ่งบาดเจ็บมานะ”
หลินซินเหยียนขมวดคิ้วขึ้น
เธอรู้ว่าเธอพึ่งบาดเจ็บมา เพราะตอนนี้เธอยังจำความรู้สึกเจ็บปวดในตอนนั้นได้อยู่เลย
เหอรุ่ยเจ๋อทำหน้าจริงจังพร้อมกับจับมือหลินซินเหยียนไว้แล้วจูบลงเบาๆ เขาพูดเสียงขรึม “ผมมีข่าวดีและข่าวร้ายมาบอกคุณ คุณอยากฟังอันไหนก่อน?”
หลินซินเหยียนอ้าปากพูดด้วยเสียงแหบพร่า “ข่าวร้าย”
ต้องเจ็บปวดก่อนถึงจะมีความสุขได้นี่นา
“มีโลหะชิ้นเล็กๆชิ้นหนึ่งเสียบเข้าไปที่หลังของคุณ จำเป็นต้องผ่าตัดเอาออก ไม่งั้นมันจะไปกดทับเส้นประสาท ซึ่งมันอาจจะทำให้คุณเดินไม่ได้”
หลินซินเหยียนถอนหายใจอย่างโล่งอก ยังดีที่ไม่ใช่เรื่องลูก
เรื่องนี้ไม่นับว่าเป็นข่าวร้ายสำหรับเธอ เป็นเพียงแค่บาดแผลจากอุบัติเหตุเท่านั้น
“แล้วข่าวดีล่ะ?”เธอหันหน้ามามองเหอรุ่ยเจ๋อ ใบหน้าของเธอซีดเผือดราวกับกระดาษสีขาว
ไม่มีแม้แต่เส้นเลือด
เหอรุ่ยเจ๋อกำมือเธอแน่นขึ้น “คุณท้องลูกแฝด”
อะไรนะ?
เป็นไปได้ยังไง?
“คุณ คุณว่าอะไรนะ?ฉันไปอัลตราซาวด์มาแล้วมีแค่คนเดียว——”
“มีสองคน อีกคนหนึ่งอยู่ด้านหลังผนังมดลูก เขาโดนคนข้างหน้าบังไว้ก็เลยมองไม่เห็น” เป็นเพราะครั้งนี้เธอได้รับบาดเจ็บสาหัส เธอเลยถูกตรวจอย่าละเอียดโดนการอัลตราซาวด์สี่มิติ ซึ่งมีความแม่นยำกว่าการทำอัลตราซาวด์แบบธรรมดาเยอะมาก
เป็นความจริง เธอกำลังท้องลูกแฝด
เหอรุ่ยเจ๋อไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไรอยู่
มันทั้งรู้สึกขัดแย้งและดีใจ แต่เดี๋ยวก็ไม่ดีใจอีก
หลินซินเหยียนเงยหน้ามองเพดานอย่างเงียบๆ ทว่าในใจเธอกลับปั่นป่วนมาก แถมไม่มีท่าทีว่าจะสงบเลย
เธอยิ้มอยู่แท้ๆ แต่น้ำตากลับไหลเอ่อหยดลงที่หมอนใบขาว
นี่สวรรค์กำลังแกล้งเธออยู่รึเปล่า?
เป็นเพราะเธอโดดเดี่ยวเกินไป ดังนั้นก็เลยส่งเทวดาตัวน้อยตั้งสองคนลงมาอยู่เป็นเพื่อนเธอเลยหรอ?
ทว่าในความโชคร้ายของเธอก็ยังมีความโชคดีอยู่
“เหยียนเหยียน——” เหอรุ่ยเจ๋อกำมือเธอแน่น จากนั้นก็หยุดพูดไปครู่หนึ่ง เขาคิดอยู่นานถึงได้ตัดสินใจเอ่ยปากพูดออกมา “ไม่เอาเด็กไว้แล้วดีไหม?”
หลินซินเหยียนเบิกตาโพลงด้วยความประหลาดใจ เขาพูดบ้าอะไรออกมา?
เขารู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่?
เธอพยายามสะบัดมือเขาออก เพื่อเป็นการต่อต้านอย่างเงียบๆ
“เหยียนเหยียน——”
“ฉันไม่อยากฟังที่พี่พูด ถึงแม้พ่อของพวกเขาจะเป็นชาวต่าวชาติแล้วยังไง?พวกเขาอยู่ในตัวฉัน เพราะงั้นพวกเขาถือว่าเป็นชีวิตอีกครึ่งหนึ่งของฉัน ฉันจะสละชีวิตตัวเองงั้นหรอ?”
เธอไม่ยอมแน่
สามเดือนแล้ว เลือดเนื้อและชีวิตจิตวิญญาณของพวกเขาล้วนรวมเป็นหนึ่งกับตัวเธอ
เหอรุ่ยเจ๋อรู้ดีว่าลูกสำคัญกับเธอเพียงใด?
เขายังจำฉากที่เธอคุกเข่าต่อหน้าจวงจื่อจิ่นเพื่อขอร้องให้เก็บเด็กไว้ได้อย่างชัดเจน
เขาจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเธอรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจมากขนาดไหน?
เหอรุ่ยเจ๋อยื่นมือออกไปลูบใบหน้าที่ขาวซีดของเธอด้วยความรู้สึกอบอุ่น อ่อนโยนและสงสาร “คุณต้องจำเป็นต้องใช้ยาชาในการผ่าตัด เพราะงั้นจึงไม่อาจเก็บเด็กไว้ได้——”
เธอชะงักไปเล็กน้อย “งั้นฉันแค่ไม่ต้องฉีดยาชาก็ได้นี่นา?”
“คุณทนไม่ได้หรอก!”เหอรุ่ยเจ๋อแทบจะดีดตัวลุกขึ้นเพื่อตำหนิเธอทันที
การผ่าตัดเอาสิ่งของแปลกปลอมออกมาโดยไม่ใช้ยาชางั้นหรอ มันอาจทำให้เธอเจ็บเจียนตายได้เลยนะ!
“เหยียนเหยียนฟังนะ” เหอรุ่ยเจ๋อพยายามพูดโน้มน้าวเธอ “พวกเขาพึ่งได้สามเดือนเองวันข้างหน้าคุณก็ยังมีได้อีก——”
“สามเดือนนั่นไม่มีชีวิตหรอ?” ท่าทางของหลินซินเหยียนเด็ดขาดมาก “ฉันไม่ยอมแพ้หรอก”