ผู้ชายที่เดิมทีเหนื่อยล้า ได้ยินคำพูดของหลินซินเหยียนแล้วมีสีหน้าแววตาโหด
เขาตัวตรงพิงไปที่ข้างรถ พร้อมหัวเราะอ่อนๆและพูดว่า“ผมมาเยี่ยมภรรยาผม ไม่ได้หรือไง?”
หลินซินเหยียนขมวดคิ้ว ทำไมเขาถึงได้ไร้ยางอายขนาดนี้?
เธอกับเขาหย่ากันแล้ว!
จงจิ่งห้าวยังคงหน้าตาแบดบอยและเกียจคร้าน“ผมไม่ถือสาที่จะเข้าไปบอกความสัมพันธ์ของเราสองคน
——ให้ลูกคุณฟังดีๆนะ”
“คุณจะเอายังไงกันแน่?”หลินซินเหยียนชักจะโกรธแล้ว เขาจะขี้โกงเหรอ?
เขาเก็บรอยยิ้มบนใบหน้าไว้“ถ้าไม่อยากให้ผมเข้าไปเจอลูกชายคุณ คุณก็มานี่ซะ”
หลินซินเหยียนยืนแข็งทื่ออยู่กับที่
คิดไปคิดมาอยู่ตั้งนาน หลินซีเฉินเป็นเด็กที่เซินซิทีฟ หลังจากผ่านเรื่องของคราวก่อน หลินซีเฉินก็จงเกลียดจงชังเขามาก ถ้าให้เขาเข้าไป เธอจะบอกฐานะของเขาให้กับลูกๆยังไง?
แววตาของจงจิ่งห้าวเลือนราง เขาหลับตาลง แต่ก็ขจัดความเลือนรางนั้นไปไม่ได้ เขาพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “ผมมีเวลาจำกัด และมีความอดทนจำกัด”
หลินซินเหยียนขยับขาที่หนักหน่วง เขารออย่างเงียบสงบและมีความอดทนสุดๆ เธอเข้าใกล้มาก้าวนึง เค้าโครงใบหน้าของเขาก็ยิ่งชัดเจนมากยิ่งขึ้น เขาสลัดคราบที่ต่างฝ่ายต่างพยายามหลอกลวงซึ่งกันและกันในสนามธุรกิจ หน้าตาที่ลังเลอยู่นอกปากหวานก้นเปรี้ยว สมจริงและอ่อนโยนจนไม่สามารถบรรยาย ใบหน้าของเขาไม่ได้แข็งกระด้างเหมือนคำพูดของเขา
มีความอ่อนโยนเพิ่มมากขึ้น
หลินซินเหยียนไม่เคยเห็นเขาที่เป็นแบบนี้มาก่อน แต่ในใจเธอรู้ดีว่าเขาก็ยังคงเป็นเขาอยู่ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงหรอก
เธอกำมือแน่น สงบสติอารมณ์ ถึงขั้นใช้น้ำเสียงที่อ้อนวอน“ขอร้องคุณล่ะ อย่ามารบกวนชีวิตของฉันเลยได้มั้ยคะ?”
จงจิ่งห้าวพยายามลืมตาที่หนักหน่วงขึ้นมาจ้องมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า“ขอร้องยังไง?” ตามด้วยฉีกรอยยิ้มอ่อนๆออกมา“ขอร้องคนมันก็ต้องเอาความจริงใจออกมาหน่อยสิ คุณกะจะเอาอะไรมาขอร้อง เอาตัวเข้าแลกเหรอ?”
เขาหมายความว่ายังไง? เห็นเธอเป็นผู้หญิงปล่อยเนื้อปล่อยตัวขนาดนี้เลยเหรอ?
ใช่ ตอนเธออายุ18ก็ได้เสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่สำส่อนมั่วไปทั่ว!
หลินซินเหยียนหน้าเขียวหน้าดำ สามารถเห็นความโกรธที่พร้อมจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อจนหมด ไหล่สั่นเทารุนแรงอย่างไม่หยุด โทนเสียงก็ค่อยๆเปลี่ยนไป“นี่คุณกำลังขี้โกงเหรอ?”
ใบหน้าของเธอบึ้งตึงเนื่องจากโกรธกริ้ว และเส้นเลือดดำที่โผล่ขึ้นมาจากลำคอสั่นคลอนเล็กน้อย เส้นผมพัวพันอยู่ที่ลำคอ ได้เพิ่มความเป็นผู้หญิงขึ้นอย่างไร้สาเหตุ
ลูกกระเดือกของจงจิ่งห้าวเคลื่อนไหวขึ้นลง รู้สึกตัวเองน่าจะบ้าไปแล้ว
ไม่นึกเลยว่าเห็นหน้าตาโกรธกริ้วของเธอก็สามารถเกิดอารมณ์ได้
เขายื่นมือโอบเอวเธอ ร่างกายของหลินซินเหยียนพุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของเขา หลังจากไหวตัวทัน เธอได้ทุบตีทรวงอกเขาและคอยขัดขืน“คุณปล่อยฉัน!”
จงจิ่งห้าวร้องซี๊ดทีนึง พร้อมสูดหายใจเข้าทางปาก แต่เรี่ยวแรงของมือไม่ได้เบาลงเลย กลับกันยังใช้แรงโอบเอวของเธอให้แน่นยิ่งขึ้น และจับมือที่กระดุกกระดิกของเธอไว้ พร้อมพูดเสียงต่ำ “อย่าโวยวาย”
หลินซินเหยียนจ้องหน้าเขา
ทำไมต้องมาก่อกวนชีวิตของเธอด้วย?
เธอแค่อยากอยู่กับลูกของเธออย่างสงบสุข มันยากขนาดนี้เลยเหรอ?
“ผมเหนื่อยแล้ว”คางของจงจิ่งห้าวอยู่บนไหล่ของเธอ ปลายจมูกฟุ้งกระจายด้วยกลิ่นไอของเธอ กลิ่นหอมอ่อนๆ หน้าของเขาซบอยู่ที่ซอกคอของเธอ โทนเสียงทุ้มต่ำ“หาที่ให้ผมพักผ่อนหน่อย”
เขาเหนื่อยแล้วจริงๆ
ทีนี้หลินซินเหยียนถึงเห็นถุงตาดำคล้ำของเขา ร่างกายก็ไม่ได้มีเรี่ยวแรงเหมือนเมื่อก่อน ค่อนข้างอ่อนระทวย “คุณ นี่คุณไม่สบายเหรอ?”
เขาตอบเบาๆว่าอืม
หลินซินเหยียนลังเลอยู่ครู่นึง สุดท้ายก็แข็งใจทิ้งเขาไว้คนเดียวไม่ลง
“ฉันหาโรงแรมให้คุณ โอเคมั้ยคะ?”หลินซินเหยียนถาม
“อืม”
หลินซินเหยียนประคองเขาขึ้นรถ คาดเข็มขัดนิรภัยให้เขาและปิดประตูรถ จากนั้นได้เข้าไปนั่งฝั่งคนขับและสตาร์ทรถ
เธอคุ้นเคยกับที่นี่ หาโรงแรมเป็นเรื่องที่สบายมาก
ผ่านไปประมาณสิบนาที หลินซินเหยียนได้ขับรถมาจอดอยู่ที่หน้าโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง เธอลงจากรถ และโยนกุญแจรถให้กับพนักงานโรงแรม จากนั้นได้ไปเปิดประตูรถและประคองจงจิ่งห้าวลงมาจากรถ
“ฉันแค่รับผิดชอบพาคุณมา เงินคุณจ่ายเอง”หลินซินเหยียนพูดอย่างแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว
เขารวยจะตาย
แต่ทุกบาททุกสตางค์ของเธอ เธอเป็นคนหาเองทั้งนั้น เธอจะใช้เงินสิ้นเปลืองไม่ได้ เธอจะต้องออมเงินให้กับลูกๆทั้งสอง ไม่ว่าจะเรื่องกินอยู่หรือเรื่องการเรียน ล้วนใช้ตังค์ทั้งนั้น
ตอนนี้พวกเขาโตขึ้น จุดที่ต้องใช้เงินก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
เธอจะเป็นกำลังสนับสนุนอยู่เบื้องหลังของลูกๆอย่างเข้มแข็ง
จะปล่อยให้พวกเขาพวกเขาลำบากเรื่องเงินไม่ได้
จงจิ่งห้าวรูปร่างสูงใหญ่ ถ้าหากเขาทิ้งน้ำหนักของเขามาที่ตัวเธอหมด เธอจะต้องเหนื่อยมาก เขาไม่ได้ให้เธอแบกรับน้ำหนักของเขาหมด ให้เธอผ่อนคลายหน่อย แต่ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะตัดขาดความสัมพันธ์ทุกอย่างกับเขา
ตอนนี้เธอก็เป็นดีไซน์เนอร์ชื่อดังแล้ว ใช่ว่าไม่มีตังค์สักหน่อย แค่ค่าห้องคืนนึงเฉยๆ
ขี้เหนียวกับเขาเกินไปแล้ว
แขนของเขาพาดอยู่ที่ไหล่ของหลินซินเหยียน ให้เธอแบกรับน้ำหนักของเขาหมด
หลินซินเหยียนรู้สึกได้ชัดเจนว่าน้ำหนักที่ต้องแบกรับหนักขึ้นไม่น้อยเลย
ตอนนี้ทุกย่างก้าวล้วนต้องกินแรงอย่างมาก
เธอแขวะผู้ชายคนนี้อยู่ในใจ ดูแล้วก็ไม่ได้อ้วนเลย ทำไมถึงได้หนักขนาดนี้ เป็นหมูหรือไง?
หลินซินเหยียนพยายามเดินมาที่หน้าเคาน์เตอร์แล้วถามว่า“พาสปอร์ต และกระเป๋าตังค์ของคุณ”
จงจิ่งห้าวซบอยู่บนตัวเธอ ตาปริบๆและพูดอย่างหมดเรี่ยวแรง“พาสปอร์ตอยู่ในกระเป๋าเสื้อ ส่วนตังค์ ไม่มี”
“……”
หลินซินเหยียนกัดฟันกร่อน แทบอยากจะโยนผู้ชายคนนี้ไว้ที่นี่เลย
ออกจากบ้านไม่พกตังค์?
ดูเหมือนว่าเขาก็ไม่ชอบพกเงินสดติดตัวจริงๆด้วย ปกติข้างกายมีคนขับและกวนจิ้งคอยติดตามอยู่ตลอด
ไม่มีเงิน ก็น่าจะมีบัตรเครดิตอยู่มั้ง?
หลินซินเหยียนยื่นมือไปจับกระเป๋าเสื้อของเขา นิ้วมือของเธอเรียวยาว นุ่มนิ่มไร้กระดูก ทุกครั้งที่ลูบจับผ่านตัวเขา ร่างกายของเขาก็จะตึง
ที่ที่ถูกเธอสัมผัสเหมือนถูกไฟช็อต อดใจเต้นแรงไม่ได้
ความยับยั้งชั่งใจที่น่าขำ!
ไม่นึกเลยว่าอยู่ตรงหน้าผู้หญิงคนนี้จะกลายเป็นเรื่องตลก เธอแค่สัมผัสเบาๆเขาก็มีอารมณ์แล้ว
จงจิ่งห้าวหลับตาลงอย่างหนักหน่วง
ฮ่า
หลินซินเหยียนล้วงเจอกระเป๋าตังค์ของเขา หลังจากเปิดดูแล้วอึ้งค้างไว้ ไหนบอกไม่มีตังค์ไม่ใช่เหรอ?
แล้วธนบัตรใบสีแดงในนี้มาจากไหน?
หลินซินเหยียนมองเขาด้วยหางตาทีนึง เธอไม่ได้เอาเงินสด แต่ได้ยื่นบัตรเครดิตให้หน้าเคาน์เตอร์โดยตรง “ห้องสูท เอาที่บริการดีที่สุด บริการที่ต้องเสียเงินล้วนจัดมาทุกอย่างเลย”
เพราะเขามีตังค์อยู่แล้ว!
จงจิ่งห้าว “……”
หน้าเคาน์เตอร์ “……”
ตอนนี้คนรวยล้วนเอาแต่ใจขนาดนี้เลยเหรอ?
พนักงานหน้าเคาน์เตอร์เคาะแป้นพิมพ์อยู่หน้าจอคอมอยู่ครึ่งค่อนวัน ถึงได้เงยหน้าขึ้นมาถาม “ไม่ทราบว่ามีรหัสผ่านหรือเปล่าคะ?”
หลินซินเหยียนใช้ข้อศอกทิ่มเขาทีนึง ทิ่มโดนหน้าท้องของเขาพอดี เดิมทีทรวงอกก็ถูกเธอทุบตีจนเจ็บไม่หยุดอยู่แล้ว ทีนี้หน้าท้องก็ปวดตามด้วย เขารู้สึกตัวเองกำลังจะตายแล้ว “ไม่มี”
“ไม่มีรหัสผ่าน”
หน้าเคาน์เตอร์ได้ยื่นบัตรเครดิตที่รูดเสร็จและคีการ์ดห้องให้กับหลินซินเหยียน“ชั้นบนสุด ห้อง888 ห้องสูทบวกกับบริการพิเศษ รวมทั้งสิ้นหนึ่งแสนแปดพันค่ะ”
คืนละหนึ่งแสน?
หลินซินเหยียนตัวสั่น แพงชะมัดเลย
ดีที่ไม่ได้ใช้เงินของเธอ
หลินซินเหยียนเอาบัตรของเขาใส่กลับคืนไปที่กระเป๋าตังค์ และใส่เข้าไปในกระเป๋ากางเกงของเขา จากนั้นได้ประคองเขาขึ้นลิฟต์มาที่ชั้นบนสุด หลังเดินออกจากลิฟต์ หลินซินเหยียนก็ประคองเขาหาห้อง888จนเจอ
รูดคีย์การ์ดเปิดห้อง
เสียงปลดล็อคประตูดังขึ้น หลินซินเหยียนผลักประตูออก โคมระย้าคริสตัล
สองดวงใหญ่ๆห้อยลงมาจากฝ้าเพดานสีแดงกับสีทอง โคมคริสตัลส่องแสงแพรวพราว อาศัยความห้อยระโยงระยางที่แพรวพราว เผยให้เห็นถึงความหรูหราไฮโซ
หน้าต่างพาโนรามาของผนังด้านหน้าสามารถมองเห็นทั่วเมืองหลวง มุ้งที่นอน ผ้าม่านสำลี โซฟาสีแดงเข้มสไตล์ยุโรปวางอยู่กลางห้องโถง พื้นที่ที่กว้างขวาง เก้าอี้และตู้ที่สวยงามปราณีต ล้วนเผยให้เห็นถึงความหรูหรา
ราวกับพระราชวังของตะวันตก
หลินซินเหยียนคิดอยู่ในใจว่า เงินนี้ใช้ที่ไหนก็คุ้มค่าจริงๆ
เธอพยุงจงจิ่งห้าวเดินเข้ามา เปิดประตูของห้องนอน หัวเตียงสีแดงเข้มที่สูงโปร่ง เก้าอี้เตี้ย ท้ายเตียง พรมสีขาว ปูด้วยผ้าไหมขอบสีทอง
สายตาและร่างกายล้วนเพลิดเพลินกับความหรูหราอลังการของทุกระเบียบนิ้ว
หลินซินเหยียนได้โยนเขาลงบนเตียง เธอเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว
จงจิ่งห้าวทิ้งตัวลงไปในผ้าห่ม เหมือนแผลฉีกขาด เขาได้ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“คุณพักผ่อนดีๆ ฉันได้เรียกใช้บริการที่ดีที่สุดให้คุณแล้ว คืนนี้คุณจะมีค่ำคืนที่รื่นเริงมาก ฉันไม่รบกวนคุณแล้วนะคะ”
หลินซินเหยียนพูดจบก็ได้หันหลัง——