“เธอเหลวไหลอะไร?”เหอรุ่ยเจ๋อไม่ยอมโดนแฉ
แม้เธอพูดถูกก็ตาม
“เอาเถอะ พี่คิดว่าฉันพูดเหลวไหลก็ได้”เหอรุ่ยหลินไม่อยากเถียงกับเขา ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาถกเถียงเรื่องพวกนี้
ที่สำคัญที่สุดคือคิดหาวิธีรับมือกับสถานการณ์ตอนนี้ จวงจื่อจิ่นหนีไปได้ ไม่นานหลินซินเหยียนต้องรู้แน่ๆ
“จวงจื่อจิ่นรู้ความจริงแล้วหนีไปตอนอยู่ที่ไหน”เหอรุ่ยหลินถาม
“ริมแม่น้ำก่อนเข้าหมู่บ้าน”
ตรงนั้นใกล้กับที่นี่มาก ถ้าเธอให้เบาะแส อีกไม่นานหลินซินเหยียนคงหาที่นี่เจอแน่ๆ ตอนนี้เกรงว่าที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้ว
ซ่อนหลินซีเฉินไว้ที่นี่ไม่ได้แล้ว
“พวกเราต้องหนี แล้วก็หาที่อื่นซ่อนไอ้เด็กนี่”เหอรุ่ยหลินหรี่ตา“ตอนนี้ยิ่งพาไปไกลเท่าไหร่ยิ่งดี ทางที่ดีที่สุดคือให้หลินซินเหยียนหาไม่เจออีกเลย”
นี่เป็นลูกชายของเธอ ถ้ารู้ว่าลูกหายหรือตายไปคงเป็นบ้าไปแน่ๆ?
“แผนของเราคือแค่ลักพาตัวเขา พอเหยียนเหยียนตอบตกลงแต่งงานกับพี่ ก็จะปล่อยเขา…”
“หลังจากนั้นล่ะ?”เหอรุ่ยหลินพูดขัดเขา“หลินซินเหยียนจะยอมเป็นเมียพี่อย่างว่าง่าย?พี่อย่าฝันไปหน่อยเลย มีเพียงแค่ให้เจ้าเด็กนี่อยู่ในกำมือพี่ตลอดไป เธอถึงจะอยู่กับพี่ เข้าใจไหม?”
เรื่องมาถึงขั้นนี้ เขาไม่อาจถอยหลังกลับ
เหอรุ่ยเจ๋อจับหลินซีเฉินที่เป็นลมไปวางตรงเบาะหลังอีกรอบ
“หาที่อื่นอีกที่ ตอนนี้พวกเราต้องไปจากที่นี่ก่อน”เหอรุ่ยหลินขึ้นรถตัวเอง ขณะกำลังจะสตาร์ทรถก็เห็นรถออฟโรดสีดำขับมา สีดำเจ็ทแบล็กสีมันวาวห่อหุ้มผิวเหล็กที่แข็งแรง เค้าโครงแข็งแรง นี่เป็นรถจงจิ่งห้าว
เธอเคยเห็น
เหอรุ่ยหลินสีหน้าเปลี่ยนทันที พลางตะโกนบอกเหอรุ่ยเจ๋อ“รีบไปเร็ว”
แต่ไม่ทันเสียแล้ว จงจิ่งห้าวเหยียบคันเร่งพร้อมหมุนพวงมาลัยหกสิบองศาเคลื่อนไปในโคลน แล้วไปจอดหน้าประตูเพื่อขวางไม่ให้มีทางออก
รถเหอรุ่ยเจ๋อออกไม่ได้
หลินซินเหยียนรีบลงจากรถแล้วไปหาลูกชายในรถเหอรุ่ยเจ๋อทันที
เหอรุ่ยเจ๋อได้สติกลับมาท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ เขาอยู่ใกล้หลินซีเฉินจึงหันไปด้านหลังแล้วลากหลินซีเฉินมาอุ้มไว้ในอ้อมแขนตน
หลินซินเหยียนช้าไปก้าวหนึ่ง
“คืนเสี่ยวซีมาให้ฉัน!” เธอเดินไปเปิดประตูฝั่งคนขับ เหอรุ่ยเจ๋อจึงล็อกประตูรถ ทำให้หลินซินเหยียนเปิดไม่ได้ ทำได้เพียงมองลูกชายผ่านทางกระจกสีดำ เธอมองไม่เห็นว่าเขาได้รับบาดเจ็บหรือไม่ เห็นแค่หน้าที่ดูบวมๆ
เธอทุบตีกระจกรถอย่างบ้าคลั่ง ทุบจนกระจกสั่น“เหอรุ่ยเจ๋อคุณลงมาเดี๋ยวนี้ คืนเสี่ยวซีให้ฉัน!”
เหอรุ่ยเจ๋อไม่กล้าเผชิญหน้าเธอ จึงหันหน้าไปทางอื่นไม่มองเธอ
“เหอรุ่ยเจ๋อคุณลงมา เรามาคุยกันดีๆ คืนเสี่ยวซีให้ฉันได้ไหม?”หลินซินเหยียนวิงวอน
“อยากได้ลูกชายใช่ไหม ได้”ขณะนั้งเองเหอรุ่ยหลินก็เดินมา“แกคุกเข่าโขกหัวให้ฉันสิ แล้วฉันจะให้พี่ฉันคืนลูกให้แก เป็นไง?”
หลินซินเหยียนสั่นไปทั้งตัว
“ลืมบอกแกไป ลูกแกดื้อมาก ฉันเลยใช้อุบายเล็กๆน้อยๆกับเขา…”
เพี๊ยะ!
เธอพูดไม่ทันจบ หลินซินเหยียนก็ตบหน้าเธอ
เหอรุ่ยหลินที่แต่งหน้ามาสวยหยดโดนหลินซินเหยียนตบจน‘ผิดรูปผิดร่าง’
ขนตาปลอมพับลงมา ผมยุ่งเหยิง แป้งที่โปะบนหน้าก็ร่วง
ไม่เหลือความสวยอย่างก่อนหน้านี้แล้ว
“แกกล้าตบฉันงั้นเหรอ?!”เหอรุ่ยหลินจ้องเขม็ง สายตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
หลินซินเหยียนโกรธจนตัวสั่น อยากบีบคอเธอให้ตาย แค่ตบยังน้อยไป
ตั้งแต่เข้าร่วมตระกูลเหอ เหอรุ่ยหลินก็รู้สึกหยิ่งในศักดิ์ศรีมาก จะยอมรับการโดนคนตบหน้าได้ยังไงกัน
เธอยกมือขึ้นจะตบกลับ
แต่มือฟาดลงมาได้แค่กลางอากาศก็โดนรั้งเอาไว้
เธอเงยหน้าขึ้นก็เห็นจงจิ่งห้าวยืนอยู่ข้างๆเธอ เขายืนย้อนแสง โครงหน้าโดนสะท้อนเป็นเงา ยิ่งสะท้อนยิ่งเห็นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
เขาสะบัดเธอออก
เหอรุ่ยหลินถูกสะบัดออกอย่างกะทันหันจนถอยหลังไปหลายก้าว
เธอยกมือขึ้นลูบแก้มซ้าย ลูบจนสั่นไปหมด ตบนี้ไม่เจ็บปวดเท่าที่จงจิ่งห้าวสะบัดเธอออกอย่างไร้ความปราณี
นี่เป็นผู้ชายที่เธอรักมาก
เป็นผู้ชายที่เธอใช้แผนอุบายมากมายเพื่อได้ครอบครอง
ตอนนี้กลับมีแต่ความเย็นชาไร้ความรู้สึกแก่เธอ
“อะห้าว…”
สายตาจงจิ่งห้าวไม่มองเธอแม้แต่น้อย
แม้แต่ชายตามองก็ไม่
เขาเอื้อมมือไปโอบผู้หญิงที่กำลังตัวสั่นเพราะความโกรธ
หลินซินเหยียนดูเหมือนจะล้มลงได้ทุกเมื่อ
เธอมองเหอรุ่ยเจ๋อที่อยู่ในรถพลางวิงวอน“คืนเสี่ยวซีมาให้ฉันได้ไหม ขอร้อง ฉันขอร้องคุณแล้ว คุณก็รู้ว่าเขาสำคัญกับฉันมากแค่ไหน คุณเห็นเขามาตั้งแต่เล็กจนโต ทำร้ายเขาลงได้ยังไง?”
เธอเจ็บปวดหัวใจมาก
เจ็บปวดมากๆ
เหมือนที่พวกเธอแม่ลูกโดนส่งตัวไป เพราะหลินกั๋วอันหักหลังจวงจื่อจิ่นในปีนั้น
เธอเห็นเหอรุ่ยเจ๋อเป็นญาติพี่น้องมาโดยตลอด
แม้ตอนเขาจะทำเรื่องอย่างว่ากับเธอ เธอก็คิดซะว่าเขาแค่วู่วามไปชั่วขณะ
เขาไม่ใช่คนไม่ดี
ทว่าวันนี้เธอเพิ่งพบว่าตัวเองอาจผิดไป
เธอไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้ ไม่เข้าใจจิตใจของเขา
“ปล่อยให้ฉันไปก่อน”เหอรุ่ยเจ๋อกัดไม่ปล่อย ตอนนี้ต้องพาหลินซีเฉินไปก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน
แต่เหอรุ่ยหลินรอไม่ไหวแล้ว เธอทนมองจงจิ่งห้าวอยู่กับหลินซินเหยียนไม่ได้
โดยเฉพาะท่าทางที่เขาโอบหลินซินเหยียนอย่างอ่อนโยนนั่น
ความอ่ออนโยนนี้เธอก็เคยได้รับ
แต่โดนหลินซินเหยียนแย่งไป!
“อยากช่วยลูกชายแก ได้ แต่งงานกับพี่ชายฉันสิ”เหอรุ่ยหลินยิ้ม สีหน้าโหดร้ายน่ากลัว“จะให้ดีที่สุดคือเข้าห้องหอตอนนี้เลย ทำเรื่องครั้งก่อนที่ทำไม่เสร็จให้เสร็จซะ”
จงจิ่งห้าวหน้าเคร่งขรึมขึ้นทันที“คุณมีชีวิตอยู่จนเบื่องั้นเหรอ?”
“ใช่ฉันอยู่จนเบื่อแล้ว ตั้งแต่โดนคุณถอนหมั้น ทำให้คนทั้งเมืองBรู้กันหมด ว่าฉันเป็นผู้หญิงที่โดนทอดทิ้ง ฉันก็มีชีวิตอยู่จนพอแล้ว!”เธอมองจงจิ่งห้าวอยากไม่อาจยอมรับได้“คุณมันคนไร้ความเมตตา!”
เธอหันไปมองหลินซินเหยียน“แกก็อย่าได้ใจไป คิดว่าเขาชอบแก เขาทิ้งฉันได้เขาก็ทิ้งแกได้เหมือนกัน!”
“จิตใจเขามันเป็นคนไร้ความเมตตา ฉันอยู่กับเขามาตั้งหลายปี…”พูดถึงประโยคหลังเธอก็ร้องไห้ออกมา
ร้องเสียงดังมาก
และในขณะที่พวกเขาคุมเชิงกันอยู่ ทันใดนั้นเกิดเสียงดังปัง ประตูรถที่นั่งข้างคนขับของรถเหอรุ่ยเจ๋อระเบิดออกมาอย่างรุนแรง
เหอรุ่ยเจ๋อยังไม่ทันตั้งตัวก็โดนแย่งเด็กที่อยู่ในอ้อมแขนไป
ทุกอย่างเกิดอย่างกะทันหันมาก
ไม่มีใครทันสังเกตว่ามีคนแอบเข้ามาตั้งแต่ตอนไหน
อีกทั้งยังระเบิดประตูรถจนหลุด
“เสี่ยวซี”
หลินซินเหยียนวิ่งไปอย่างรวดเร็ว เห็นลูกหน้าเต็มไปด้วยเลือด หลินซินเหยียนก็แทบบ้าแล้ว ฝีเท้าเธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็วิ่งพุ่งเข้าไปกอดลูกด้วยความเร็ว
“เสี่ยวซี เสี่ยวซี”หลินซินเหยียนยื่นมือไปลูบศีรษะและแก้มของเขา พลางกอดศีรษะเขา“ลูกมองหม่ามี๊สิ เสี่ยวซี”
เมื่อครู่หัวหน้าเสิ่นลงสนามด้วยตัวเอง แน่นอนว่าเป็นเรื่องกล้วยๆ
เขากับซูจ้านและจงจิ่งห้าวยังเคยมีช่วงเวลาที่อยู่หอเดียวกันตอนมหาลัย
และเป็นเพื่อนเพียงสองคนของจงจิ่งห้าว
ตอนนี้พวกเขาต่างมีกิจการเป็นของตัวเอง
กิจการราบรื่นดี ซูจ้านเป็นทนายที่มีชื่อเสียงเสิ่นเผยซวนก็เป็นหัวหน้ากองบังคับการตำรวจนครบาล
สิ่งเดียวที่เหมือนกันคือความรักของพวกเขาล้วนไม่ราบรื่น
ซูจ้านเป็นเพลย์บอย แฟนเก่าที่จริงจังด้วยมีแค่ไม่กี่คน ส่วนเสิ่นเผยซวนไม่เคยมีแฟน
เสิ่นเผยซวนเดินไปหาจงจิ่งห้าว“ที่นี่ให้ฉันจัดการเถอะ นายพาเธอกลับไปก่อน”
สถานการณ์ในนีกวนจิ้งบอกเขาชัดเจนแล้ว
ส่วนจะทำยังไงเขาก็จัดเตรียมไว้แล้ว
ตอนนี้จัดการกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลังได้ดี
“งั้นฝากด้วย”จงจิ่งห้าวตบไหล่เขาเบาๆ
“ไม่ต้องห่วง เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว”เสิ่นเผยซวนพูด
จงจิ่งห้าวเดินไปข้างๆหลินซินเหยียน จะอุ้มหลินซีเฉินเธอ แต่หลินซินเหยียนกลับหลบ“ไม่ต้อง”
ทันทีที่เอ่ยปากพูด ก็รับรู้ว่าตอนนี้เสียงเธอสั่น
เธอไม่ต้องการให้คนอื่นมาอุ้มลูกชายแทนเธอ
เธออุ้มเองได้
“ผมจะพาพวกคุณไปโรงพยาบาล”